ตอนที่ 340 ขึ้นหลังเสือยากจะลงได้
ภายในสวนไม้เลื้อยมีความเคลื่อนไหวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เป็นความเคลื่อนไหวที่ไม่มีใครสังเกตเห็น สวี่เหล่าลิ่วเรียกระดมพลอย่างเงียบๆ
ส่วนหนิวโหย่วเต้าก็รีบลากตัวเหล่าสือเอ้อร์ที่สวี่เหล่าลิ่วเหลือทิ้งไว้ให้ไปอย่างรวดเร็ว สั่งการเขาว่าหลังจากนำสุราอาหารมาแล้วต้องทำอย่างไร
หลังจากแน่ใจว่าเหล่าสือเอ้อร์จำได้แล้ว หนิวโหย่วเต้าก็มุ่งหน้าไปยังห้องของหงซิ่งและหงฝูอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าปล่อยให้ทั้งสองคนคอยนาน เรื่องเช่นนี้หากชักช้าโอเอ้จะสวนทางกับท่าทีที่เขามักจะแสดงให้สตรีทั้งสองเห็น เกรงว่าจะก่อให้เกิดความสงสัยได้
ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่กล้าทำให้สตรีทั้งสองฉุกสงสัยขึ้นมา!
เรือนพักของลิ่งหูชิวก็เป็นเรือนพักประจำของสตรีทั้งสองด้วย
เวลานี้หงซิ่งและหงฝูก็ค่อนข้างกระวนกระวายเช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกที่ต้องใช้แผนยั่วยวนเช่นนี้ ในใจกระสับกระส่ายอึดอัด
“เจ้าบอกว่าจะเตรียมสุราอาหารด้วยมิใช่หรือ? สุราอาหารที่เจ้าเตรียมไว้อยู่ไหน?” หงซิ่วอุทานถามออกมากะทันหัน เหลียวมองไปรอบห้อง
หงฝูตอบว่า “ไม่จำเป็นต้องใช้สุราอาหาร!”
หงซิ่วเอ่ยขึ้นว่า “ใช่แล้ว! น้ำชา ข้าจะไปเตรียมน้ำชามา!”
หงฝูรั้งตัวนางไว้ “ท่านพี่ น้ำชาก็ไม่จำเป็นเช่นกัน!”
หงซิ่วแปลกใจ “เช่นนั้นจะวางยาอย่างไรเล่า?”
หงฝูส่ายหน้ากล่าวไปว่า “อาหารการกินและความเป็นอยู่ของหนิวโหย่วเต้าล้วนถูกจับตามองอย่างเข้มงวดมาโดยตลอด ถ้านำสุราอาหารเข้ามาต้องถูกตรวจสอบแน่ หรือจะให้ยกเข้ามาในห้องแล้วค่อยวางยาต่อหน้าเขาล่ะ? จะถูกจับได้ง่ายๆ น่ะสิ เรื่องนี้ต้องทำให้สำเร็จเท่านั้น จะพลาดไม่ได้ วิธีวางยาในสุราอาหารไม่เหมาะ!”
หงซิ่วฉงน “เจ้าบอกว่าจะวางยามิใช่หรือ?”
หงฝูกล่าวว่า “จำเป็นต้องทำให้ยุ่งยากขนาดนั้นด้วยหรือ? ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงเช่นนั้นเลย! ตอนโอบกอดคลอเคลียกับเขา ฉวยโอกาสที่เขามัวเมาฟุ้งซ่าน ข้ากับท่านพี่ร่วมมือกันยังจะฉวยโอกาสควบคุมเขาอย่างเงียบๆ ไม่ได้เชียวหรือ? ก่อนหน้านี้ที่บอกนายท่านว่าจะวางยาในสุราอาหาร นั่นแค่พูดให้นายท่านฟังเท่านั้น เรื่องบางอย่างหากปล่อยให้นายท่านทราบเข้าจะทำให้นายท่านเสียหน้าเอาได้ ถึงอย่างไรพวกเราพี่น้องก็เป็นสตรีของนายท่าน หากพูดต่อหน้าไปนายท่านจะทนรับได้หรือ?”
หงซิ่วเข้าใจแล้ว ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ยั่วยวนอย่างที่บอกไปเท่านั้น แต่เป็นการเข้าไปยั่วยวนเคล้าคลอแนบชิดติดตัว นางเอ่ยด้วยความกังวล “ต้องปล่อยให้เขาเอาเปรียบจริงๆ น่ะหรือ?”
หงฝูกล่าวว่า “ได้เปรียบอะไรกัน อย่างมากก็แค่ถูกเขาโอบกอดนิดหน่อย หรือไม่ก็ลูบคลำเล็กน้อยเท่านั้น ไม่รอให้เขากระทำล่วงล้ำเกินไปมากกว่านั้น พวกเราก็ควบคุมเขาไว้ได้แล้ว หรือว่าความอัปยศน้อยนิดเท่านี้ท่านพี่ก็ทนรับไม่ได้? ท่านพี่ลองคิดดูสิ นับตั้งแต่ไปถึงจังหวัดชิงซาน เรื่องที่พวกเราพี่น้องต่างถูกเขาเรียกใช้ให้วิ่งไปวิ่งมาราวกับสาวใช้ยังพอว่า ทว่าแม้แต่นายท่านก็ต้องตามหลังเขาต้อยๆ เหมือนลูกน้อง ท่านพี่ไม่อยากให้เรื่องจบลงโดยเร็วหรือ? อยากอยู่แบบนี้ต่อไปหรือ? ไม่ใช่เพียงเท่านี้ ท่านเองก็เห็นแล้ว หนิวโหย่วเต้าไปไหนก็มีแต่เรื่อง หากเป็นแบบนี้ต่อไปพวกเราจะพลอยเดือดร้อนไปกับเขาด้วย!”
หงซิ่วยิ้มเจื่อนพลางกล่าวว่า “ข้าเข้าใจความคิดของเจ้า แค่รู้สึกว่าทำเช่นนี้มันผิดต่อนายท่านเท่านั้น”
หงฝูจับมือนางแล้วเอ่ยปลอบใจว่า “ท่านพี่ หลังจบเรื่องก็บอกนายท่านไปเสียว่าใช้วิธีวางยา นายท่านจะได้ไม่นึกรังเกียจ ขอเพียงไม่เล่าเรื่องนี้ให้นายท่านรู้ อีกประเดี๋ยวก็ต้องฆ่าปิดปากหนิวโหย่วเต้าอยู่แล้ว เรื่องนี้จะมีเพียงฟ้ารู้ดินรู้ท่านรู้ข้ารู้ ไม่มีผู้ใดมารับรู้เรื่องนี้อีก ทนรับความอัปยศเพียงเล็กน้อย อดทนไว้เดี๋ยวก็ผ่านไปแล้ว อีกอย่างพวกเราไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อนายท่านจริงๆ เสียหน่อย ท่านว่าใช่หรือไม่?”
สุดท้ายหงซิ่วก็พยักหน้ารับ
ในเวลานี้เอง มีเสียงฝีเท้าแว่วมาจากด้านนอก จากนั้นก็มีเสียงเคาะประตูแว่วมา ซ้ำยังมีเสียงหัวเราะกะลิ้มกะเหลี่ยของหนิวโหย่วเต้าด้วย “ทั้งสองอยู่หรือไม่?”
สตรีทั้งสองมองหน้ากัน หงฝูทำท่ากดมือลง สื่อว่าให้นางสงบอารมณ์ไว้ จากนั้นหันหลังเดินไปเปิดประตู มองเห็นหนิวโหย่วเต้าที่ยิ้มแห้งๆ อยู่หน้าประตู
“เต้าเหยี่ย!” หงฝูย่อกายคำนับ
“ไม่จำเป็นต้องมากพิธี เช่นนั้น ข้าเข้าไปได้หรือไม่?” ยามที่หนิวโหย่วเต้าเอ่ยวาจานี้ได้เหลียวกลับไปด้านหลังกวาดตามองรอบๆ ด้วยท่าทีลับๆ ล่อๆ เหมือนจะค่อนข้างร้อนตัว คล้ายกลัวจะมีคนมาเห็นเข้า
“เชิญเต้าเหยี่ย!” หงฝูเบี่ยงตัวเปิดทางให้เขาเข้ามา ส่วนตนก็ถือโอกาสออกไปมองสำรวจด้านนอก จากนั้นก็ถอยกลับเข้ามาปิดประตูไว้ หันกลับไปพยักหน้าให้หงซิ่วนิดๆ จากด้านหลังของหนิวโหย่วเต้า สื่อว่าไม่มีปัญหา
“เต้าเหยี่ย!” หงซิ่วที่อยู่ในห้องทำความเคารพ
หนิวโหย่วเต้าก้าวเข้าไปทันที สองมือประคองแขนนางพยุงขึ้นมา พลางคว้ามือเรียวงามของนางมาลูบไล้ “คนกันเองทั้งนั้น ไม่ต้องมากพิธีหรอก!”
พอถูกเขาลูบคลำเช่นนี้ ความรู้สึกนั้นเหมือนมีหนอนคืบคลานบนผิวไม่มีผิด หงซิ่วขนลุกชันไปทั้งตัว นางตัวสั่นเล็กน้อย เกือบจะชักมือกลับตามสัญชาตญาณ แต่พอเห็นหงฝูส่ายหน้าให้นางเล็กน้อย นางถึงได้อดทนที่จะไม่ชักมือกลับมา
ภายนอกอดทนเอาไว้ แต่ภายในใจกลับเรียกได้ว่าขยะแขยง
พอเห็นนางไม่ต่อต้าน หนิวโหย่วเต้าก็จับมือนางไว้ไม่ยอมปล่อย กุมไว้พลางลูบไล้ หัวเราะแหะๆ พลางเอ่ยถาม “ไม่ทราบว่าพวกเจ้าทั้งสองยังยึดตามที่พูดไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่”
หงฝูเดินเข้ามาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ขอเพียงเต้าเหยี่ยรับปากพวกเรา ทุกอย่างย่อมเป็นไปตามที่ตกลงไว้เจ้าค่ะ”
“ตกลง! พวกเจ้าวางใจได้เลย เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ข้าเอง” หนิวโหย่วเต้าตบอกรับประกัน จากนั้นยื่นมืออกไปคว้ามือเรียวงามของหงฝูอีกคน จับจูงไว้คนละข้างพลางออกแรงกระตุกรั้งสตรีทั้งสองเข้าสู่อ้อมแขนพร้อมกัน สองแขนโอบเอวคอดไว้ เรียกได้ว่าโอบซ้ายประคองขวาเลยทีเดียว
หงฝูมีสีหน้าคล้ายจะต่อต้าน แต่ยังดีที่สงบใจได้ สีหน้าของหงซิ่วกลับดูย่ำแย่อย่างเห็นได้ชัด สบตากับน้องสาวเป็นระยะ คล้ายกำลังเอ่ยถามว่าจะลงมือเลยหรือไม่
ผู้ใดจะทราบว่าหนิวโหย่วเต้าที่โอบซ้ายโอบขวาอยู่กลับเอ่ยว่า “ข้าสั่งให้คนเตรียมสุราอาหารไว้แล้ว อีกเดี๋ยวคงจะนำมาส่ง อีกประเดี๋ยวพวกเรามาดื่มเพิ่มความสำราญกันสักสองสามจอกเถอะ!”
อันที่จริงเขาเองก็อกสั่นขวัญแขวนอยู่เช่นกัน ทราบชัดเจนว่าสองคนนี้ใช้แผนนี้เพราะปองร้ายตน แต่เขาก็ยังเอาคอมาพาดไว้บนเขียง ซ้ำยังต้องกัดฟันเล่นละครผสมโรงไปกับพวกนาง ภายในใจตื่นตัวเต็มที่ บอกว่าเอาตัวมาเสี่ยงตายก็ว่าได้
สำหรับเขาแล้ว ในเวลานี้หงซิ่วและหงฝูเป็นเพียงงูพิษแสนสวยสองตัวที่มีพิษร้ายแรงเท่านั้น ความรู้สึกที่กอดงูพิษสองตัวไว้ช่างน่าอึดอัดนัก เรื่องที่น่าอภิรมย์เช่นนี้กลับไม่ทำให้รู้สึกสำราญใดๆ เลย
อีกฝ่ายอาจจะลงมือกับตนได้ทุกเมื่อ เขาทำได้เพียงพูดออกมาตามที่ตนได้เตรียมการไว้ก่อนหน้านี้เพื่อยับยั้งทั้งสองไว้ หวังว่าสองคนนี้จะไม่บุ่มบ่ามลงมือ
พอได้ยินว่าอีกเดี๋ยวจะมีคนยกสุราอาหารมา สตรีทั้งสองที่ถูกโอบไว้ในอ้อมแขนของเขาสบตากัน ต่างผงะไปเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า