ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 341

ตอนที่ 341 จับได้คาเตียง

สำหรับคนทั้งสามที่กำลังพัวพันกันอยู่ในห้อง เสียงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ให้ความรู้สึกคล้ายฟ้าถล่มชวนตกใจนัก

หนิวโหย่วเต้ากำลังแอบคิดอยู่พอดีว่าเหตุใดคนส่งสุราอาหารถึงยังไม่มา

หงซิ่วและหงฝูกล้ำกลืนฝืนทนยิ่งกว่า เอาแต่ภาวนาอยู่ตลอดว่าขอให้คนส่งสุราอาหารรีบมา

ผู้ใดจะคาดว่าจู่ๆ ประตูจะถูกคนถีบเปิดกะทันหันโดยไม่มีสัญญาณล่วงหน้าเช่นนี้

ทั้งสามคนที่อยู่บนเตียงเงยหน้าขึ้นมาทันที เห็นเพียงว่าก่วนฟางอี๋เดินฉีกยิ้มเข้ามา โบกพัดกลมในมือเล็กน้อย พอเห็นทั้งสามในสภาพไม่น่าดูก็ร้องจุ๊ๆ พลางส่ายหน้า

ถึงจะเห็นฉากที่ไม่สมควรเห็นไปหมดแล้ว แต่นางยังคงแสร้งยกพัดกลมบังสายตา

สภาพไม่น่าดูขนาดไหนน่ะหรือ? สตรีทั้งสองนอนแผ่เสื้อผ้ายับยุ่ง!

เรือนผมของสตรีทั้งสองปล่อยคลายนานแล้ว ผมสยายคลุมไหล่ เสื้อผ้าที่สวมยับยู่ยี่ อาภรณ์ท่อนบนถูกดึงออกมาหมดแล้ว

โดยเฉพาะหงฝูที่แทบจะทนไม่ไหวแล้ว ทำการปัดป้องเป็นครั้งสุดท้าย ปากเว้าวอนว่ารอให้สุราอาหารมาถึงก่อน

การบุกเข้ามาอย่างกะทันหันของก่วนฟางอี๋ทำให้สตรีทั้งสองตกใจจนวิญญาณแทบหลุดลอยออกไป

“อ๊า!” สตรีทั้งสองหวีดร้องเสียงแหลมขึ้นพร้อมกัน กริยาท่าทางนั้นดูราวกับอยากแทรกแผ่นดินหนีใจแทบขาด

ทว่าจะหนีขึ้นฟ้าก็ไร้หนทางจะดำลงดินก็ไร้ช่องทาง ได้แต่ใช้มือหนึ่งป้องอกไว้ อีกมือลากผ้าห่มบนเตียงขึ้นมาแล้วมุดตัวเข้าไป พยายามปิดบังความน่าอับอายอย่างสุดกำลัง

สุดท้ายสองพี่น้องก็ซุกตัวเบียดอยู่ในผ้าห่มด้วยกัน สีหน้าอับอายเป็นล้นพ้น สีหน้าเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีด ไม่มีหน้าจะไปพบผู้คนแล้วจริงๆ อยากเอาหัวโขกกำแพงตายให้รู้แล้วรู้รอด ไม่มีใจมานั่งคิดด้วยซ้ำว่าก่วนฟางอี๋ปรากฏตัวขึ้นได้อย่างไร

หนิวโหย่วเต้ากลับโล่งใจแล้ว กลิ้งลงจากเตียง มองก่วนฟางอี๋ที่เดินเข้ามาอย่างค่อนข้างดีใจ “เจ้ามาได้อย่างไร?”

“ฟังจากน้ำเสียงของเจ้า ข้าคงไม่ได้ทำลายเรื่องดีงามของเจ้าเข้ากระมัง?” ก่วนฟางอี๋หัวเราะหยันเฮอะๆ

หนิวโหย่วเต้ากระแอมคราหนึ่ง เอ่ยไปว่า “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้ากำลังถ่ายทอดวิชายุทธ์ชุดหนึ่งให้พวกนางพี่น้องอยู่”

คำพูดนี้ไปหลอกคนบ้ายังพอฟังขึ้น แต่หงซิ่วและหงฝูกลับอยากเอาหัวมุดเข้าไปในผ้าห่มใจแทบขาดแล้ว

“หวา เช่นนั้นคงเป็นข้าที่เข้าใจผิดไป” ก่วนฟางอี๋ก้มลงไปหยิบกางเกงขึ้นมา เป็นกางเกงที่เลื่อนหลุดออกมาจากข้อเท้าหงฝูที่เมื่อครู่ลนลานจนมือเท้าพันกันวุ่นวาย นางยกขึ้นมองเล็กน้อย จากนั้นหันไปมองกลุ่มคนที่ปรากฏตัวขึ้นตรงประตู เอ่ยตำหนิว่า “พวกบุรุษไร้ยางอาย ดูอะไรกันอยู่ ไม่เคยเห็นกางเกงสตรีหรือไร?”

พวกสวี่เหล่าลิ่วหดคอกลับไป รีบเบือนหน้าเดินหนี

อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่สีหน้าของชายชราอย่างลุงเฉินคนนั้นก็ดูกระอักกระอ่วนเล็กน้อยเหมือนกัน

ก่วนฟางอี๋ยกกางเกงขึ้นมาอีกครั้งแล้วส่ายหน้าพลางร้องจุ๊ๆ เอ่ยประชัดประชัน “ฝึกวิชาอันใดถึงต้องถอดกางเกงด้วย? วันนี้นับว่าได้เปิดโลกแล้ว!” จากนั้นก็โยนกลับไปบนเตียง

นางยกขาก้าวขึ้นไป ตัวคนขึ้นไปยืนบนเตียง ยื่นมือไปจับผ้าห่มต้องการจะดึงออก

หงซิ่วและหงฝูค่อนข้างตื่นกลัว ยึดผ้าห่มไว้แน่นไม่ยอมปล่อย จะปล่อยให้กลุ่มบุรุษด้านนอกเห็นได้อย่างไร? ยังจะให้พวกนางมีชีวิตอยู่อีกหรือเปล่า?

ก่วนฟางอี๋ตวัดมือตบซ้ายตบขวาสองฉาด

เพียะ! เพียะ! รอยฝ่ามือแดงเถือกปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหงซิ่วหงฝูคนละรอย

สตรีทั้งสองยึดผ้าห่มไว้ไม่กล้าปล่อยมือ เรียกได้ว่าถูกตบเข้าจังๆ โดยไม่ทันตั้งตัว

หนิวโหย่วเต้าตะลึงงัน เหตุใดต้องลงไม้ลงมืออีกเล่า?

หงฝูเงยหน้าขึ้น จ้องมองก่วนฟางอี๋อย่างเย็นชา เอ่ยด้วยความโกรธเกรี้ยว “ก่วนฟางอี๋ เจ้าอย่าได้ทำเกินไปนัก!”

ก่วนฟางอี๋เอ่ยด้วยรอยยิ้มเยาะหยัน “นังแพศยาไร้ยางอายสองตัวมายั่วยวนบุรุษของข้า ยังจะมาบอกว่าข้าทำเกินไปอีกหรือ?”

หงฝูโต้กลับอย่างตาต่อตาฟันต่อฟัน “หากว่ากันเรื่องไร้ยางอาย พวกเราสู้เจ้าไม่ได้หรอก ความสามารถในการยั่วยวนบุรุษของเจ้าเหนือกว่าพวกเรามาก ใครเป็นนังแพศยาตัวจริงทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจ! อีกอย่าง พวกข้าไม่ได้ยั่วยวนเต้าเหยี่ย เป็นเต้าเหยี่ยที่บังคับพวกเรา!”

“…..” หนิวโหย่วเต้าพูดไม่ออก ข้าบังคับอย่างนั้นหรือ?

ก่วนฟางอี๋หัวเราะแล้วเอ่ยว่า “พูดจาดูดีนัก! ได้ ข้าจะทำให้ทุกคนได้เห็นเองว่าอะไรที่เรียกว่านังแพศยา!” จากนั้นก็ทำท่าจะกระชากผ้าห่มที่ปกปิดความอัปยศของทั้งสองออก

สตรีทั้งสองตกใจแทบตายแล้ว สถานการณ์ในตอนนี้พวกนางไร้ทางสู้ ด้วยกลัวว่าจะถูกพบเห็นในสภาพเปล่าเปลือย

โชคดีที่หนิวโหย่วเต้าเข้ามาทันเวลา กอดเอวก่วนฟางอี๋ไว้แล้วลากออกไป “เลิกก่อเรื่องได้แล้ว!”

“ปล่อยข้านะ!” ก่วนฟางอี๋หันกลับไปเอ็ดด้วยความโกรธ

หนิวโหย่วเต้าหันไปส่งสัญญาณให้สตรีทั้งสองรีบสวมเสื้อผ้า จากนั้นหันหลังกอดเอวก่วนฟางอี๋แล้วอุ้มเดินออกจากประตูไป

พอมาถึงลานเรือนด้านนอก ก่วนฟางอี๋ก็ไม่ดิ้นรนขัดขืนแล้ว หนิวโหย่วเต้าก็ปล่อยนางลงเช่นกัน

สายตาที่พวกสวี่เหล่าลิ่วมองหนิวโหย่วเต้าค่อนข้างแปลกพิกล

ก่วนฟางอี๋หันมองไปทางเรือนนั้นเล็กน้อย พลันตะเบ็งเสียงดังลั่น “สวนไม้เลื้อยแห่งนี้คือบ้านของข้า ไม่มีทางยอมปล่อยให้คนนอกมาสร้างปัญหาที่นี่ พวกเจ้าจงฟังข้าให้ดี รีบไล่นังแพศยาไร้ยางอายสองคนนั้นออกไปเดี๋ยวนี้ วันหน้าห้ามพวกนางเหยียบย่างเข้ามาในสวนไม้เลื้อยอีกแม้เพียงครึ่งก้าว”

หนิวโหย่วเต้ากระจ่างขึ้นมาทันที เมื่อครู่นึกว่าสตรีนางนี้อาละวาดเพราะหึงหวงจริงๆ ที่แท้แค่แสร้งทำตัวโมโหหึงหวงเพื่อฉวยโอกาสขจัดอันตรายที่อยู่ข้างกายออกไปจากสวนไม้เลื้อย!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า