ตอนที่ 34 ไม่เคยเห็นคนเสแสร้งเช่นนี้มาก่อน
ความจริงมีทหารที่ติดตามกวนเถี่ยมาบางส่วนได้ขึ้นไปสำรวจดูรอบๆ ยอดเขาก่อนล่วงหน้าแล้ว
หลังจากซางเฉาจงสั่งการ ทหารหลายร้อยคนก็จัดขบวนทัพรุกคืบสู่ยอดเขา ตัวซางเฉาจงถือดาบง้าวไว้ในมือ ฝ่ายซางซูชิงเองก็ชักกระบี่ออกจากฝักติดตามอยู่ข้างกายพี่ชาย
พวกชวีอู่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ทำได้เพียงตามขึ้นเขาไป
หนิวโหย่วเต้าที่เดินเฉียดร่างหยวนกังยกมือตบบ่าเขา มิได้กล่าวอะไร ตามขึ้นเขาไปด้วยเช่นกัน
นอกวัดหนานซาน บนบันไดลงเขา ซ่งเหยี่ยนชิงยืนมือไพล่หลัง ทอดสายตามองกลุ่มคนที่ขึ้นเขามาจากเบื้องล่าง สวี่อี่เทียนและเฉินกุยซั่วยืนคุ้มกันซ้ายขวา ด้านหลังคนทั้งสามคือเหล่าสมณะยี่สิบรูปที่นำโดยเจ้าอาวาสหยวนฟาง แต่ละคนกุมพลองยาวไว้ ซูเจี๋ยเหรินที่มีโลหิตซึมตรงมุมปากอยู่ในการควบคุมของพวกเขา
เมื่อเห็นหนิวโหย่วเต้าที่อยู่ด้านหลังพวกซางเฉาจง มุมปากซ่งเหยี่ยนชิงก็ยกขึ้นมาเล็กน้อย เขายังกังวลอยู่เลยว่าถ้าหนิวโหย่วเต้าหนีไปแล้วจะวุ่นวายเอาได้ ในเมื่อคนยังอยู่ก็ดี
พอคิดว่าจะได้สังหารชายที่เคยวิวาห์กับถังอี๋แล้ว ภายในใจเขาก็รู้สึกตื่นเต้นจนแทบจะควบคุมไว้ไม่อยู่ เป็นความสุขตามสัญชาตญาณของเพศผู้ที่ได้แข่งขันขับไล่ศัตรูเพื่อครอบครองเพศเมีย
เมื่อหนิวโหย่วเต้าที่ติดตามกลุ่มทหารขึ้นเขามามองเห็นพวกซ่งเหยี่ยนชิงที่ยืนเฝ้าอยู่ตรงปากทางเข้าวัดก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย เมื่อครู่ตอนฟังองครักษ์ของซางเฉาจงเล่าเรื่องการต่อสู้ เขาก็วิเคราะห์ได้ว่าพลังของผู้โจมตีไม่สูงนัก แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเจ้าหนุ่มสามคนนี้ หลังจากแต่งงานกับถังอี๋ เขาก็ไม่ได้พบสามคนนี้มาหลายปีแล้ว สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ส่งแค่เจ้าหนุ่มสามคนนี้มาสังหารเขาหรือ?
เขาไตร่ตรองดูแวบหนึ่ง สำนักสวรรค์พิสุทธิ์คงจะไม่ได้มีเจตนาดูแคลนตนเองหรอก เพราะตอนอยู่ที่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ตนจงใจทำตัวต่ำต้อย ดังนั้นการส่งเจ้าหนุ่มสามคนนี้มาจัดการตนก็นับว่าให้เกียรติตนอย่างมากแล้ว
ก่อนหน้านี้เขายังกังวลอยู่ว่าจะมียอดฝีมืออันใดแอบซ่อนตัวอยู่ ตอนนี้ดูแล้ว มนุษย์นี้หนอ ทำตัวต่ำต้อยสามัญสักหน่อยก็ไม่มีอะไรเสียหายเลย
ปากทางเข้าถูกขวางเอาไว้ ซางเฉาจงไม่เห็นซ่งเหยี่ยนชิงจะมีท่าทีหลบทางให้ จึงได้แต่หยุดเท้าอยู่บนขั้นบันได เงยหน้ามองด้านบน เอ่ยตะคอก “พวกเจ้าเป็นใคร กล้าดียังไงมาแตะต้องทหารของข้า!”
ซ่งเหยี่ยนชิงรู้จักซางเฉาจง ในอดีตยามที่กลับมาเมืองหลวง เขาเคยพบซางเฉาจงบ้างเป็นครั้งคราว เพียงแต่ยามนั้นหนิงอ๋องยังอยู่ ซ่งเหยี่ยนชิงในช่วงเวลานั้นยังไม่มีคุณสมบัติอันใดให้เข้าใกล้ซางเฉาจงได้ อีกทั้งหลายปีก่อนเขาพำนักที่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์เป็นเวลานาน ช่วงที่กลับมาเมืองหลวงสองสามปีนี้ซางเฉาจงก็อยู่ในคุก ดังนั้นซางเฉาจงจึงไม่รู้จักเขา
หลานรั่วถิงที่ถือกระบี่ไว้ในมือรีบขยับเข้าไปกระซิบเตือนทันที “คนผู้นี้นามว่าซ่งเหยี่ยนชิง เป็นหลานชายซ่งจิ่วหมิง บุตรชายซ่งซู สองพ่อลูกล้วนเป็นศิษย์สำนักสวรรค์พิสุทธิ์พ่ะย่ะค่ะ” เขารู้จักซ่งเหยี่ยนชิง
ศิษย์สำนักสวรรค์พิสุทธิ์หรือ? ซางเฉาจงเหลียวมองหนิวโหย่วเต้าที่อยู่ข้างหลังทันที อยากถามหนิวโหย่วเต้ายิ่งนักว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่
ซางซูชิงเห็นซูเจี๋ยเหรินถูกคุมตัวไว้ พอเห็นซูเจี๋ยเหรินแต่งกายเหมือนหนิวโหย่วเต้าก็เข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาทันที ภายในใจลอบรู้สึกตกใจ พลันหันกลับไปมองหนิวโหย่วเต้าที่อยู่ด้านหลังทันที ในใจครุ่นคิดว่าคนผู้นี้ดูคล้ายเยือกเย็นเฉื่อยชา ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบายและโหดเหี้ยมเช่นนี้!
ซ่งเหยี่ยนชิงที่เผชิญหน้ากับซางเฉาจงก็ไม่มีความคิดที่จะถ่อมตัวเลยแม้แต่น้อย ยังคงวางท่าหยิ่งยโสอวดดี ประสานมือกล่าวว่า “หลายปีก่อนเคยพบท่านอ๋องน้อยในเมืองหลวง วันนี้ได้พบกันอีกครั้ง สะท้อนใจยิ่งนัก ซ่งเหยี่ยนชิงขอคารวะ ส่วนกระหม่อมเป็นผู้ใดนั้น คาดว่าท่านหลานคนสนิทของพระองค์คงทราบดี เฮอะๆ!” รู้ทั้งรู้ว่าซางเฉาดำรงตำแหน่งจวิ้นอ๋องอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ยังคงเรียกขานว่าท่านอ๋องน้อย เขามีเจตนาเช่นใดก็น่าจะทราบกันดี
หยวนฟางที่อยู่ด้านหลังตระหนกตกใจ เขาล่วงเกินสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ไม่ได้ ตระกูลซ่งในเมืองหลวงเขาก็ยิ่งล่วงเกินไม่ได้ ยามนี้มีท่านอ๋องน้อยอันใดโผล่มาอีก ตนกำลังเข้าไปพัวพันกับเรื่องใดอยู่กันแน่?
ซางเฉาจงเอ่ยว่า “ที่แท้ก็เป็นหลานชายเสนาบดียุติธรรมซ่ง ข้าขอถามเจ้าหน่อย เจ้ามีสิทธิ์อะไรถึงลงมืออย่างโหดเหี้ยมกับคนของข้า?”
ซ่งเหยี่ยนชิงส่ายหน้า “ท่านอ๋องน้อย พระองค์ต้องทำความเข้าใจเรื่องหนึ่งเสียก่อน มิใช่กระหม่อมลงมือกับคนของพระองค์ แต่เป็นคนของพระองค์ที่ยิงศรหวังสังหารพวกกระหม่อมก่อน พวกกระหม่อมเพียงแค่ป้องกันตัวเท่านั้น หลักการนี้ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ล้วนแต่สมเหตุผลทั้งสิ้น ต่อให้ไปยื่นเรื่องต่อทางการที่เมืองหลวง กระหม่อมก็มีเหตุผลให้พูดได้เต็มปาก!” เขารู้อยู่แก่ใจดี ต่อให้เขาไร้เหตุผล แต่อิทธิพลในเมืองหลวงของซางเฉาจง ณ ขณะนี้ก็ไม่อาจเทียบตระกูลซ่งได้ ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลซ่งยังกุมอำนาจตุลาการไว้ด้วย “แต่เห็นแก่หน้าของท่านอ๋องน้อย ขอเพียงพระองค์มอบตัวคนผู้นี้มา กระหม่อมก็จะไม่ถือสาหาความกับเรื่องนี้!” เขาชี้ไปที่หนิวโหย่วเต้า
เหล่าทหารต่างมองไปที่หนิวโหย่วเต้า
หนิวโหย่วเต้าไม่มีปฏิกิริยาอะไร ปล่อยกระบี่ในมือลงยันพื้นอีกครั้ง มองซ่งเหยี่ยนชิงด้วยความสนอกสนใจ ไม่ปริปากเลยแม้แต่น้อย กำลังรอดูว่าซางเฉาจงจะตอบอย่างไร
พวกซางซูชิงเคยชินกับลักษณะการถือกระบี่ของหนิวโหย่วเต้าแล้ว คนอื่นถือกระบี่ดั่งสุภาพชน แต่คนผู้นี้กลับถือต่างไม้เท้า
สายตาซางเฉาจงละไปจากร่างหนิวโหย่วเต้า จ้องมองซ่งเหยี่ยนชิง เอ่ยเสียงขรึมว่า “สังหารคนของข้าแล้ว ยังจะเอาคนของข้าอีก คนแซ่ซ่ง ช่างอวดดีนักนะ!”
ซ่งเหยี่ยนชิงกล่าวว่า “หนิวโหย่วเต้าเป็นคนของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ชัดๆ เขากลายเป็นคนของท่านอ๋องน้อยตั้งเมื่อใดกันเล่า?”
ซางเฉาจงตวาด “อย่างน้อยตอนนี้เขาก็เป็นฝ่าซือคุ้มกันของข้า!”
“ฝ่าซือคุ้มกันหรือ?” ซ่งเหยี่ยนชิงอดหัวเราะหึหึขึ้นมาไม่ได้ ส่วนเรื่องที่ว่าหนิวโหย่วเต้ามีคุณสมบัติพอที่จะเป็นฝ่าซือคุ้มกันหรือไม่นั้น เขาไม่นำมาถกเถียงต่อหน้าผู้คนอีก “กระหม่อมขอแนะนำให้ท่านอ๋องมอบตัวเขาออกมาดีกว่า”
ซางเฉาจงเอ่ยอย่างเย็นชา “แล้วถ้าข้าไม่ให้ล่ะ?”
ซ่งเหยี่ยนชิงเอ่ยว่า “กระหม่อมเพียงหวังดีกับท่านอ๋องน้อย เส้นทางบนหุบเขาสายนี้อันตราย พาเขาไปก็รังแต่จะเป็นภาระ เกรงว่าท่านอ๋องน้อยอาจไปไม่ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้ากำลังข่มขู่ข้าหรือ?” ซางเฉาจงพลันหรี่ตาลง เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “ตระกูลซ่งช่างอวดดีจริงๆ ดูเหมือนกระทั่งราชวงศ์แห่งแคว้นเยี่ยนก็ไม่อยู่ในสายตาแล้ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า