ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 34

สรุปบท ตอนที่ 34 ไม่เคยเห็นคนเสแสร้งเช่นนี้มาก่อน: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ตอนที่ 34 ไม่เคยเห็นคนเสแสร้งเช่นนี้มาก่อน – ตอนที่ต้องอ่านของ ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ตอนนี้ของ ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 34 ไม่เคยเห็นคนเสแสร้งเช่นนี้มาก่อน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 34 ไม่เคยเห็นคนเสแสร้งเช่นนี้มาก่อน

ความจริงมีทหารที่ติดตามกวนเถี่ยมาบางส่วนได้ขึ้นไปสำรวจดูรอบๆ ยอดเขาก่อนล่วงหน้าแล้ว

หลังจากซางเฉาจงสั่งการ ทหารหลายร้อยคนก็จัดขบวนทัพรุกคืบสู่ยอดเขา ตัวซางเฉาจงถือดาบง้าวไว้ในมือ ฝ่ายซางซูชิงเองก็ชักกระบี่ออกจากฝักติดตามอยู่ข้างกายพี่ชาย

พวกชวีอู่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ทำได้เพียงตามขึ้นเขาไป

หนิวโหย่วเต้าที่เดินเฉียดร่างหยวนกังยกมือตบบ่าเขา มิได้กล่าวอะไร ตามขึ้นเขาไปด้วยเช่นกัน

นอกวัดหนานซาน บนบันไดลงเขา ซ่งเหยี่ยนชิงยืนมือไพล่หลัง ทอดสายตามองกลุ่มคนที่ขึ้นเขามาจากเบื้องล่าง สวี่อี่เทียนและเฉินกุยซั่วยืนคุ้มกันซ้ายขวา ด้านหลังคนทั้งสามคือเหล่าสมณะยี่สิบรูปที่นำโดยเจ้าอาวาสหยวนฟาง แต่ละคนกุมพลองยาวไว้ ซูเจี๋ยเหรินที่มีโลหิตซึมตรงมุมปากอยู่ในการควบคุมของพวกเขา

เมื่อเห็นหนิวโหย่วเต้าที่อยู่ด้านหลังพวกซางเฉาจง มุมปากซ่งเหยี่ยนชิงก็ยกขึ้นมาเล็กน้อย เขายังกังวลอยู่เลยว่าถ้าหนิวโหย่วเต้าหนีไปแล้วจะวุ่นวายเอาได้ ในเมื่อคนยังอยู่ก็ดี

พอคิดว่าจะได้สังหารชายที่เคยวิวาห์กับถังอี๋แล้ว ภายในใจเขาก็รู้สึกตื่นเต้นจนแทบจะควบคุมไว้ไม่อยู่ เป็นความสุขตามสัญชาตญาณของเพศผู้ที่ได้แข่งขันขับไล่ศัตรูเพื่อครอบครองเพศเมีย

เมื่อหนิวโหย่วเต้าที่ติดตามกลุ่มทหารขึ้นเขามามองเห็นพวกซ่งเหยี่ยนชิงที่ยืนเฝ้าอยู่ตรงปากทางเข้าวัดก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย เมื่อครู่ตอนฟังองครักษ์ของซางเฉาจงเล่าเรื่องการต่อสู้ เขาก็วิเคราะห์ได้ว่าพลังของผู้โจมตีไม่สูงนัก แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเจ้าหนุ่มสามคนนี้ หลังจากแต่งงานกับถังอี๋ เขาก็ไม่ได้พบสามคนนี้มาหลายปีแล้ว สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ส่งแค่เจ้าหนุ่มสามคนนี้มาสังหารเขาหรือ?

เขาไตร่ตรองดูแวบหนึ่ง สำนักสวรรค์พิสุทธิ์คงจะไม่ได้มีเจตนาดูแคลนตนเองหรอก เพราะตอนอยู่ที่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ตนจงใจทำตัวต่ำต้อย ดังนั้นการส่งเจ้าหนุ่มสามคนนี้มาจัดการตนก็นับว่าให้เกียรติตนอย่างมากแล้ว

ก่อนหน้านี้เขายังกังวลอยู่ว่าจะมียอดฝีมืออันใดแอบซ่อนตัวอยู่ ตอนนี้ดูแล้ว มนุษย์นี้หนอ ทำตัวต่ำต้อยสามัญสักหน่อยก็ไม่มีอะไรเสียหายเลย

ปากทางเข้าถูกขวางเอาไว้ ซางเฉาจงไม่เห็นซ่งเหยี่ยนชิงจะมีท่าทีหลบทางให้ จึงได้แต่หยุดเท้าอยู่บนขั้นบันได เงยหน้ามองด้านบน เอ่ยตะคอก “พวกเจ้าเป็นใคร กล้าดียังไงมาแตะต้องทหารของข้า!”

ซ่งเหยี่ยนชิงรู้จักซางเฉาจง ในอดีตยามที่กลับมาเมืองหลวง เขาเคยพบซางเฉาจงบ้างเป็นครั้งคราว เพียงแต่ยามนั้นหนิงอ๋องยังอยู่ ซ่งเหยี่ยนชิงในช่วงเวลานั้นยังไม่มีคุณสมบัติอันใดให้เข้าใกล้ซางเฉาจงได้ อีกทั้งหลายปีก่อนเขาพำนักที่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์เป็นเวลานาน ช่วงที่กลับมาเมืองหลวงสองสามปีนี้ซางเฉาจงก็อยู่ในคุก ดังนั้นซางเฉาจงจึงไม่รู้จักเขา

หลานรั่วถิงที่ถือกระบี่ไว้ในมือรีบขยับเข้าไปกระซิบเตือนทันที “คนผู้นี้นามว่าซ่งเหยี่ยนชิง เป็นหลานชายซ่งจิ่วหมิง บุตรชายซ่งซู สองพ่อลูกล้วนเป็นศิษย์สำนักสวรรค์พิสุทธิ์พ่ะย่ะค่ะ” เขารู้จักซ่งเหยี่ยนชิง

ศิษย์สำนักสวรรค์พิสุทธิ์หรือ? ซางเฉาจงเหลียวมองหนิวโหย่วเต้าที่อยู่ข้างหลังทันที อยากถามหนิวโหย่วเต้ายิ่งนักว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่

ซางซูชิงเห็นซูเจี๋ยเหรินถูกคุมตัวไว้ พอเห็นซูเจี๋ยเหรินแต่งกายเหมือนหนิวโหย่วเต้าก็เข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาทันที ภายในใจลอบรู้สึกตกใจ พลันหันกลับไปมองหนิวโหย่วเต้าที่อยู่ด้านหลังทันที ในใจครุ่นคิดว่าคนผู้นี้ดูคล้ายเยือกเย็นเฉื่อยชา ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบายและโหดเหี้ยมเช่นนี้!

ซ่งเหยี่ยนชิงที่เผชิญหน้ากับซางเฉาจงก็ไม่มีความคิดที่จะถ่อมตัวเลยแม้แต่น้อย ยังคงวางท่าหยิ่งยโสอวดดี ประสานมือกล่าวว่า “หลายปีก่อนเคยพบท่านอ๋องน้อยในเมืองหลวง วันนี้ได้พบกันอีกครั้ง สะท้อนใจยิ่งนัก ซ่งเหยี่ยนชิงขอคารวะ ส่วนกระหม่อมเป็นผู้ใดนั้น คาดว่าท่านหลานคนสนิทของพระองค์คงทราบดี เฮอะๆ!” รู้ทั้งรู้ว่าซางเฉาดำรงตำแหน่งจวิ้นอ๋องอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ยังคงเรียกขานว่าท่านอ๋องน้อย เขามีเจตนาเช่นใดก็น่าจะทราบกันดี

หยวนฟางที่อยู่ด้านหลังตระหนกตกใจ เขาล่วงเกินสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ไม่ได้ ตระกูลซ่งในเมืองหลวงเขาก็ยิ่งล่วงเกินไม่ได้ ยามนี้มีท่านอ๋องน้อยอันใดโผล่มาอีก ตนกำลังเข้าไปพัวพันกับเรื่องใดอยู่กันแน่?

ซางเฉาจงเอ่ยว่า “ที่แท้ก็เป็นหลานชายเสนาบดียุติธรรมซ่ง ข้าขอถามเจ้าหน่อย เจ้ามีสิทธิ์อะไรถึงลงมืออย่างโหดเหี้ยมกับคนของข้า?”

ซ่งเหยี่ยนชิงส่ายหน้า “ท่านอ๋องน้อย พระองค์ต้องทำความเข้าใจเรื่องหนึ่งเสียก่อน มิใช่กระหม่อมลงมือกับคนของพระองค์ แต่เป็นคนของพระองค์ที่ยิงศรหวังสังหารพวกกระหม่อมก่อน พวกกระหม่อมเพียงแค่ป้องกันตัวเท่านั้น หลักการนี้ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ล้วนแต่สมเหตุผลทั้งสิ้น ต่อให้ไปยื่นเรื่องต่อทางการที่เมืองหลวง กระหม่อมก็มีเหตุผลให้พูดได้เต็มปาก!” เขารู้อยู่แก่ใจดี ต่อให้เขาไร้เหตุผล แต่อิทธิพลในเมืองหลวงของซางเฉาจง ณ ขณะนี้ก็ไม่อาจเทียบตระกูลซ่งได้ ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลซ่งยังกุมอำนาจตุลาการไว้ด้วย “แต่เห็นแก่หน้าของท่านอ๋องน้อย ขอเพียงพระองค์มอบตัวคนผู้นี้มา กระหม่อมก็จะไม่ถือสาหาความกับเรื่องนี้!” เขาชี้ไปที่หนิวโหย่วเต้า

เหล่าทหารต่างมองไปที่หนิวโหย่วเต้า

หนิวโหย่วเต้าไม่มีปฏิกิริยาอะไร ปล่อยกระบี่ในมือลงยันพื้นอีกครั้ง มองซ่งเหยี่ยนชิงด้วยความสนอกสนใจ ไม่ปริปากเลยแม้แต่น้อย กำลังรอดูว่าซางเฉาจงจะตอบอย่างไร

พวกซางซูชิงเคยชินกับลักษณะการถือกระบี่ของหนิวโหย่วเต้าแล้ว คนอื่นถือกระบี่ดั่งสุภาพชน แต่คนผู้นี้กลับถือต่างไม้เท้า

สายตาซางเฉาจงละไปจากร่างหนิวโหย่วเต้า จ้องมองซ่งเหยี่ยนชิง เอ่ยเสียงขรึมว่า “สังหารคนของข้าแล้ว ยังจะเอาคนของข้าอีก คนแซ่ซ่ง ช่างอวดดีนักนะ!”

ซ่งเหยี่ยนชิงกล่าวว่า “หนิวโหย่วเต้าเป็นคนของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ชัดๆ เขากลายเป็นคนของท่านอ๋องน้อยตั้งเมื่อใดกันเล่า?”

ซางเฉาจงตวาด “อย่างน้อยตอนนี้เขาก็เป็นฝ่าซือคุ้มกันของข้า!”

“ฝ่าซือคุ้มกันหรือ?” ซ่งเหยี่ยนชิงอดหัวเราะหึหึขึ้นมาไม่ได้ ส่วนเรื่องที่ว่าหนิวโหย่วเต้ามีคุณสมบัติพอที่จะเป็นฝ่าซือคุ้มกันหรือไม่นั้น เขาไม่นำมาถกเถียงต่อหน้าผู้คนอีก “กระหม่อมขอแนะนำให้ท่านอ๋องมอบตัวเขาออกมาดีกว่า”

ซางเฉาจงเอ่ยอย่างเย็นชา “แล้วถ้าข้าไม่ให้ล่ะ?”

ซ่งเหยี่ยนชิงเอ่ยว่า “กระหม่อมเพียงหวังดีกับท่านอ๋องน้อย เส้นทางบนหุบเขาสายนี้อันตราย พาเขาไปก็รังแต่จะเป็นภาระ เกรงว่าท่านอ๋องน้อยอาจไปไม่ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้ากำลังข่มขู่ข้าหรือ?” ซางเฉาจงพลันหรี่ตาลง เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “ตระกูลซ่งช่างอวดดีจริงๆ ดูเหมือนกระทั่งราชวงศ์แห่งแคว้นเยี่ยนก็ไม่อยู่ในสายตาแล้ว!”

ทางด้านหยวนฟางก็รีบผลักตัวซูเจี๋ยเหรินที่เป็นเหมือนเผือกร้อนลวกมือหัวนี้ออกไปทันที องครักษ์ที่อยู่ทางฝั่งนี้เข้าไปประคองซูเจี๋ยเหรินแล้วล่าถอยกลับมาอย่างรวดเร็ว

หลานรั่วถิงแตะแขนซางเฉาจงเล็กน้อยเพื่อบอกให้รอดูไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน ซางเฉาจงถึงได้ยกมือส่งสัญญาณ ทหารที่โอบล้อมอยู่ค่อยๆ ถอยห่างออกมา

ฝักกระบี่ปล่อยลงค้ำพื้น หนิวโหย่วเต้าใช้มือหนึ่งยันด้ามกระบี่ไว้ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเฉยชาว่า “ศิษย์พี่ซ่ง ข้าไม่ค่อยเข้าใจเรื่องนี้เท่าไร พวกท่านไล่ตามข้ามาถึงที่นี่เพื่ออะไร?”

ซ่งเหยี่ยนชิงย้อนถาม “สำคัญด้วยหรือ?”

หนิวโหย่วเต้ามองไปรอบๆ เอ่ยถามว่า “มีแค่พวกท่านสามคนหรือ?” เรื่องนี้ต้องยืนยันให้แน่ใจสักหน่อย ถ้าไม่มียอดฝีมือคนอื่นซ่อนตัวอยู่จะเป็นการดีที่สุด

ซ่งเหยี่ยนชิงย้อนถามอีกครั้ง “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน?” ความหมายในวาจานี้คือมีพวกเราสามคนยังไม่พออีกหรือ?

หนิวโหย่วเต้ายิ้มพลางเอ่ยถาม “ท่านจะเอาอย่างไร?”

ซ่งเหยี่ยนชิงตอบกลับ “เจ้าทำผิดกฎสำนัก พวกเรามาเพื่อชำระโทษของสำนัก!”

“ทำผิดกฎสำนักหรือ? เมื่ออยากลงโทษก็ย่อมหาเหตุกล่าวอ้างได้สารพัดจริงๆ สินะ ดูเหมือนศิษย์พี่ซ่งไม่คิดจะคุยกับข้าด้วยเหตุผลเลย” หนิวโหย่วเต้าถอนใจอย่างจนปัญญา จากนั้นก็เอ่ยด้วยสุ้มเสียงอ่อนโยนนุ่มนวล “อันที่จริงตัวข้านี้รังเกียจการต่อสู้ฆ่าฟันเป็นที่สุด พบเห็นเรื่องความเป็นความตายมามากมายนัก จึงหวังว่าศิษย์พี่ซ่งจะยอมเมตตาปล่อยข้าไปสักครา!”

ซ่งเหยี่ยนชิงยิ้มเยาะมุมปาก เคยพบคนเสแสร้ง แต่ไม่เคยพบคนเสแสร้งเช่นนี้มาก่อนเลย คนที่ถูกกักบริเวณมาโดยตลอดอย่างเจ้ากล้าพูดว่าพบเห็นเรื่องความเป็นความตายมามากมายอย่างนั้นหรือ? อีกเดี๋ยวรอดูเถอะว่าเจ้าจะร้องไห้อย่างไร! เขาเอียงคอร้องสั่ง “จับตัวมา!”

กล้าแย่งชิงผู้หญิงของข้าอย่างนั้นหรือ? พอนึกถึงฉากวิวาห์ของหนิวโหย่วเต้ากับถังอี๋ ในใจเขาก็รู้สึกอึดอัดจนยากจะทนได้ เตรียมจะจับตัวหนิวโหย่วเต้ามาทรมานให้สาสมสักยก ระบายโทสะให้เต็มที่ ไม่มีทางปล่อยให้หนิวโหย่วเต้าได้ตายสบายเกินไป

สวี่อี่เทียนที่อยู่ข้างๆ พลันเคลื่อนกายพุ่งออกไป มือหนึ่งถือกระบี่ อีกมือคว้าตะปบไปทางหนิวโหย่วเต้า กระทั่งกระบี่ก็ยังคร้านจะชักออกจากฝักด้วยซ้ำ มองออกเลยว่าดูแคลนเขาถึงเพียงไหน

สำหรับคนอื่นๆ แล้ว ความเร็วของสวี่อี่เทียนว่องไวนัก พริบตาเดียวก็มาถึงเบื้องหน้าหนิวโหย่วเต้าแล้ว อุ้งมือตะปบไปทางหัวไหล่ของหนิวโหย่วเต้า ส่วนหนิวโหย่วเต้าที่ยืนนิ่งไม่ไหวติงคล้ายยังตั้งตัวไม่ทัน

แต่ความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นในชั่วพริบตานั้นเอง ขณะที่นิ้วทั้งห้าของสวี่อี่เทียนกำลังจะตะปบโดนหัวไหล่ของหนิวโหย่วเต้า จู่ๆ พลันมีมืออีกข้างหนึ่งประทับไปที่หน้าอกของสวี่อี่เทียนอย่างรวดเร็ว บังเกิดเป็นเสียงผัวะดังทึบๆ คราหนึ่ง

……………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า