ตอนที่ 354 ของขวัญชิ้นใหญ่!
ฉินเหมียนก็เพิ่งทราบตอนนี้เช่นกันว่าคำสั่งที่ให้เว่ยฉูแกล้งตายเกี่ยวข้องกับลิ่งหูชิว เบื้องบนปิดบังนางมาโดยตลอด
ตอนนี้แม้แต่นางก็ลอบตำหนิเบื้องบนอยู่ในใจว่าเลอะเลือนไปแล้ว เว่ยฉูมีความสำคัญถึงขนาดนี้ เหตุใดถึงดึงเข้ามาพัวพันกับเรื่องประเภทนี้ง่ายๆ ได้?
หารู้ไม่ว่าเบื้องบนก็ไม่ได้ต้องการทำเช่นนี้ ทว่าพยายามทำทุกวิถีทางแล้วก็ยังไม่มีประโยชน์ หนิวโหย่วเต้าทำตัวเป็นเต่าหดหัวไม่ออกไปไหน หากอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้ก็ไม่มีทางลงมือกับหนิวโหย่วเต้าได้เลย หงซิ่วหงฝูถึงขึ้นที่ยอมเสียสละตัวเอง ใช้แผนยั่วยวนแล้วก็ยังไม่เป็นผล สุดท้ายจึงจำเป็นต้องใช้แผนรับมือไปตามสถานการณ์ให้เว่ยฉูแกล้งตาย
เดิมทีคิดว่าหลังจากล่อหนิวโหย่วเต้าออกจากเมืองและจัดการหนิวโหย่วเต้าทิ้งไปแล้ว ก็ค่อยให้เว่ยฉูใช้ข้ออ้างว่าโชคดีเอาชีวิตรอดจากเคราะห์ภัยกลับมาได้ พอถึงเวลานั้นจะอธิบายอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น ถึงอย่างไรคนนอกก็ไม่รู้ว่าเรื่องราวมันเป็นมาอย่างไรกันแน่
กลับไม่มีใครคาดคิดว่าฐานะของลิ่งหูชิวจะเปิดเผยออกมาในช่วงเวลานี้ แล้วก็คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ ราชสำนักจะสอดมือเข้ายุ่ง การเปลี่ยนแปลงของเรื่องราวรวดเร็วจนตั้งรับไม่ทัน
เมื่อดูเผินๆ แล้ว มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นเล่ห์กลของหนิวโหย่วเต้า หากเป็นเช่นนี้จริงๆ ลิ่งหูชิวนำหัวเว่ยฉูไปให้หนิวโหย่วเต้าแล้ว หลังจากนี้เว่ยฉูยังรอดชีวิตกลับมาได้อีกหรือ? หากว่ากลับมาปรากฏตัวจริงๆ ก็แปลว่าลิ่งหูชิวและเว่ยฉูเป็นพวกเดียวมิใช่หรือ เกรงว่าจะไม่ให้หนิวโหย่วเต้านึกสงสัยในฐานะของเว่ยฉูก็คงเป็นเรื่องยากแล้ว
เรื่องราวเลยเถิดจนกลายเป็นเช่นนี้ แต่อย่างน้อยๆ การที่ลิ่งหูชิวตกอยู่ในกำมือของราชสำนักก็ไม่ได้น่ากลัวเลย เนื่องจากลิ่งหูชิวก็ไม่ทราบถึงตัวตนของเว่ยฉู แล้วก็ไม่รู้ว่าเว่ยฉูแกล้งตาย ไม่เป็นอันตรายต่อเว่ยฉู กลับเป็นหนิวโหย่วเต้าต่างหากที่จะเป็นอันตราย
ขอเพียงหนิวโหย่วเต้ายังมีชีวิตอยู่ เว่ยฉูก็ไม่มีทางกลับมาใช้ชีวิตได้อีก!
ขอถามหน่อยเถิดว่าหอจันทร์กระจ่างจะยอมปล่อยหนิวโหย่วเต้าไปได้หรือ? ครั้งนี้จึงยอมทุ่มทุกอย่างเพื่อเอาชีวิตเขาให้ได้!
หนิวโหย่วเต้าเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเบื้องหลังของเรื่องนี้จะมีความลับที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเช่นนี้อยู่!
“เพราะเหตุใด?” ซูจ้าวถาม
ฉินเหมียนส่ายหน้า “นายหญิง ท่านก็ทราบกฎดี หากสมควรบอกเบื้องบนย่อมบอกให้พวกเราทราบ เมื่อไม่บอกให้พวกเราทราบ พวกเราก็ห้ามถามมากเจ้าค่ะ”
ซูจ้าวถือหวีค่อยๆ สางผม ใคร่ครวญอยู่เงียบๆ ก่อนหน้านี้เบื้องบนปรามไม่ให้นางลงมือกับหนิวโหย่วเต้า ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเบื้องบนต้องการให้ลงมืออย่างเร่งด่วน ไม่รู้ว่าสรุปแล้วมีเรื่องใดซุกซ่อนอยู่กันแน่
….
มหาสมุทรกว้างใหญ่ เดือนดาวพร่างพราว โลกาดั่งฉากมายา!
เรือใหญ่สามลำรักษาระยะห่างระหว่างกันราวยี่สิบถึงสามสิบจั้ง ล่องไปภายใต้นภาดาษหมู่ดาว!
ภายในห้องโดยสาร โคมไฟดวงหนึ่งที่แขวนอยู่แกว่งไปมา ยังมีกรงนกอีกใบที่ไหวโยกไปมาเช่นกัน
บุรุษชุดดำหน้าขาวซีดคนหนึ่งยืนยกมือไพล่หลังอยู่หน้ากรงนก จ้องมองปีกทองหลายตัวที่อยู่ในกรง ดูเหมือนปีกทองจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับชีวิตที่ต้องโคลงเคลงอยู่บนท้องทะเลเช่นนี้
ด้านข้างมีโต๊ะเตี้ยตัวหนึ่งพลิกคว่ำอยู่ สุราอาหารหกเกลื่อนพื้น ชายฉกรรจ์คนหนึ่งที่สวมเพียงชุดลำลองตัวในไร้เสื้อคลุมตัวนอกนอนหมอบอยู่บนพื้น หายใจหอบถี่ สะบัดศีรษะไปมาเป็นครั้งคราว คล้ายอยากจะเรียกสติตัวเองกลับมา
สุดท้ายเขาเงยหน้าขึ้นมา มองไปที่ชายชุดดำคนนั้น เค้นเสียงถามว่า “ลู่หลีจวิน เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?”
ชายชุดดำหันไปมอง ก้าวเข้าไปหาพลางยกเท้าขึ้น เหยียบลงบนหลังของเขา เพียงออกแรงเล็กน้อยก็กดเขาให้หมอบพังพาบลงไปได้ไม่ยากเย็นอะไร
ปัง! ประตูห้องเปิดออก ผู้บำเพ็ญเพียรผีสองคนเดินเข้ามา คนหนึ่งพยักหน้าให้พลางเอ่ยว่า “ท่านสาม มีข่าวมาจากด้านหน้าแล้ว คนของซี่ย่วนต้าอ๋องบนขบวนเรือตั้งแต่ต้นจรดปลายขบวนล้วนถูกควบคุมไว้หมดแล้ว เป็นไปอย่างราบรื่น คนของทางเราไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ขอรับ”
“ก็สมควรจะราบรื่นอยู่แล้ว!” ชายชุดคนดำจ้องมองคนที่หมอบอยู่บนพื้นพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉยชา
เพื่อจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ทางด้านนั้นไม่กล้าเรียกใช้คนมากเกินไป กลัวว่าจะไว้ใจไม่ได้ กลัวว่าจะมีข่าวหลุดรอดออกไป ส่วนใหญ่แล้วทุกๆ ขบวนเรือสามลำจะมีผู้บำเพ็ญเพียรคอยจับตาดูในอัตราหนึ่งคนต่อสามลำ อีกทั้งส่วนใหญ่ก็เป็นคนของทางเขาลับแล ประกอบกับอีกฝ่ายไม่ได้ป้องกันพวกเขาเลย ทางนี้จึงเข้ายึดขบวนเรือได้อย่างง่ายดาย
“ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ให้เรือทุกลำหักลำกลับ มุ่งหน้าย้อนกลับไปตามเส้นทางเดิม!”
ชายชุดดำออกคำสั่ง พลางสะบัดเท้าเตะคนที่อยู่ใต้เท้าออกไป จากนั้นเร่งเดินออกมาจากห้องโดยสาร ออกมาที่ดาดฟ้าเรือ เงยหน้ามองจันทรา ยืนรับลมอยู่ตรงหัวเรือ
เรือบรรทุกทั้งสามลำเริ่มปรับใบเรือ ค่อยๆ หักเรือเลี้ยวกลับบนท้องทะเลอันกว้างใหญ่
หลังจากแน่ใจแล้วว่ากำลังหักเลี้ยวกลับไป ชายชุดดำก็หันไปเอ่ยสั่งว่า “แขวนโคมไฟแถวหนึ่งไว้ตรงกราบเรือฝั่งที่หันเข้าหาชายฝั่ง!”
“ขอรับ!” ผู้บำเพ็ญเพียรผีที่ติดตามอยู่ด้านข้างไปทำตามที่สั่งทันที
ผ่านไปครู่หนึ่ง โคมไฟแถวหนึ่งที่ถูกจุดสว่างไสวแขวนอยู่ใต้ชายคาบริเวณกราบเรือ
ผู้บำเพ็ญเพียรผีรายนั้นกลับมารายงาน “เรียบร้อยแล้วขอรับ ท่านสาม สรุปแล้วพวกเราย้อนไปย้อนมาเช่นนี้เพื่ออะไรกันแน่ขอรับ? ตอนนี้พวกเราควบคุมคนของซีย่วนต้าอ๋องไว้ เช่นนี้จะไม่เกิดเรื่องขึ้นหรือขอรับ?”
ชายชุดดำกล่าว “นายหญิงสั่งให้พวกเราทำเช่นนี้ ท่านจะต้องมีเหตุผลของท่านอยู่แน่นอน จัดการตามที่สั่งก็พอ!”
“ท่านสาม ท่านดูสิขอรับ!” จู่ๆ ผู้บำเพ็ญเพียรผีคนนั้นก็ชี้ไปทางผิวทะเลที่อยู่ทางด้านหนึ่ง มองเห็นแสงไฟสามจุดปรากฏบนผิวทะเล
ชายชุดดำหมุนตัวเดินไปที่กราบเรือ ทอดสายตามองอยู่สักพัก ก่อนจะหันไปเอ่ยสั่งทันทีว่า “ดับตะเกียงแถวนั้นซะ”
ไม่นานนัก ตะเกียงที่แขวนอยู่ใต้ชายคากราบเรือแถวนั้นก็ถูกดับลง
จากนั้นแสงไฟสามจุดบนผิวทะเลก็ดับลงเช่นกัน
“ท่านสาม มีคนเข้ามาใกล้ขอรับ!” ผู้บำเพ็ญเพียรที่อยู่ด้านข้างรีบเอ่ยเตือนขึ้นมา
“ไม่ต้องตระหนกไป พวกเดียวกัน!” ชายชุดดำเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
ผ่านไปสักพัก มีเงาคนกลุ่มหนึ่งเหินทะยานเข้ามา คนส่วนใหญ่หยุดรออยู่บนผิวทะเลที่อยู่ห่างออกไป มีคนเพียงสิบกว่าคนที่ทะยานขึ้นไปบนอากาศแล้วร่อนลงมา พวกเฮยหมู่ตานและกงซุนปู้ร่อนลงบนหัวเรือ
“ท่านใดคือลู่หลีจวิน?” เฮ่ยหมูตานถาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า