ตอนที่ 358 ดั้นด้นเดินทางมาเพื่อกราบอาจารย์
ภายในวังหลวง เฮ่าอวิ๋นถูกตกปลาอยู่ริมทะเลสาบ
ปู้สวินถือกล่องอาหารใบหนึ่งเดินเข้ามา เดินมาหยุดด้านข้าง จากนั้นยกของว่างในกล่องอาหารมาจัดวางบนโต๊ะเล็กด้านข้าง เอ่ยแจ้งเล็กน้อย “ฮองเฮาทรงลงมือทำด้วยตัวเองเลยพ่ะย่ะค่ะ”
เฮ่าอวิ๋นถูตอบรับคำหนึ่ง หันไปมองของว่างนั้นพลางยื่นมือไปหยิบชิ้นหนึ่งใส่ปาก
กระทั่งเขากลืนลงไปแล้ว ปู้สวินก็ยกน้ำชาส่งให้เขาพลางรอรับถ้วยกลับมา จากนั้นเอ่ยขึ้นว่า “อาจารย์อวี้ชางใกล้จะมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ แม่ทัพฮูเหยียนออกไปรอต้อนรับที่ประตูเมืองทักษิณด้วยตัวเองแล้ว”
เฮ่าอวิ๋นถูพยักหน้ารับนิดๆ “ฮูเหยียนเคยได้รับคำชี้แนะจากเขา อวี้ชางก็ถือได้ว่าเป็นกึ่งอาจารย์ของฮูเหยียน ศิษย์ไปรอรับที่ประตูเมืองก็นับเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว…” พอพูดมาถึงตรงนี้ก็คล้ายจะนึกอะไรได้ ค่อยๆ หันไปมอง “ชิงชิงทำอะไรอยู่?”
ปู้สวินไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดจู่ๆ เขาถึงนึกถึงเฮ่าชิงชิงขึ้นมา แต่ก็ตระหนักถึงอะไรบางอย่างได้อย่างรวดเร็ว เอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “ฮองเฮาทรงให้องค์หญิงใหญ่ปักผ้าอยู่พ่ะย่ะค่ะ”
“ปักผ้า? นางปักผ้า?” เห็นได้ชัดว่าเฮ่าอวิ๋นถูรู้จักธิดาของตนคนนี้ดี จึงหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง “เข็มจะปักนางมากกว่าน่ะสิ!”
ปู้สวินกล่าวว่า “เช้านี้องค์หญิงใหญ่คิดจะหนีออกจากวังไปหาหนิวโหย่วเต้าอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่ถูกฮองเฮาจับตัวกลับไปทำโทษ”
“ที่แท้ก็เป็นการทำโทษ สาวน้อยคนนี้ถูกเราตามใจจนเสียนิสัย ไม่รู้ว่าสามีในอนาคตของนางจะรักถนอมนางได้เท่าเราหรือไม่ เฮ่าอวิ๋นถูกส่ายหน้า จากนั้นถามขึ้นมาอีกครั้ง” ตรวจสอบทิศทางของหนิวโหย่วเต้าได้หรือยัง?
ปู้สวินตอบว่า “ตรวจสอบได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ มีการผลัดเปลี่ยนพาหนะจากลานม้าหลายแห่ง คนของหน่วยข่าวกรองที่อยู่ในลานม้าสังเกตการณ์อย่างละเอียดแล้ว น่าจะเป็นพวกหนิวโหย่วเต้าและก่วนฟางอี๋ที่ปลอมตัวมา ทั้งกลุ่มมีห้าคนมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันตกตลอดทางพ่ะย่ะค่ะ”
เฮ่าอวิ๋นถูถาม “ลิ่งหูชิวคนนั้นยังไม่ยอมสารภาพหรือ?”
ปู้สวินตอบว่า “กัดหนิวโหย่วเต้าไม่ยอมปล่อยเลยพ่ะย่ะค่ะ บอกว่าต้องให้หนิวโหย่วเต้าไปพบเขาเท่านั้น เขาถึงจะยอมพูด ดูเหมือนจะแค้นใจหนิวโหย่วเต้าอย่างมากพ่ะย่ะค่ะ!”
“ฮ่าๆ พี่น้องร่วมสาบาน!” เฮ่าอวิ๋นถูเอ่ยด้วยสีหน้าถากถาง “ไม่ต้องรีบ ค่อยเป็นค่อยไป ข้าก็อยากจะเห็นเช่นกันว่ามีคนของหอจันทร์กระจ่างอยู่ใกล้ตัวหรือไม่”
ปู้สวินเอ่ยว่า “บ่าววางกับดักไว้คอยแล้วพ่ะย่ะค่ะ ไม่ว่าจะมาเพื่อฆ่าปิดปากหรือว่ามาเพื่อช่วยเหลือเขา ขอเพียงปรากฏตัวออกมาก็ไม่มีทางหนีรอดพ่ะย่ะค่ะ”
เฮ่าอวิ๋นถูกล่าวว่า “เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าหนิวโหย่วเต้าหวังให้ข้างัดข้อกับหอจันทร์กระจ่างกันนะ?”
ปู้สวินตอบว่า “เกรงว่าคงคิดเช่นนี้จริงๆ คนผู้นี้เจ้าเล่ห์มากพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าเล่ห์หน่อยก็ดี หากว่าข้างกายซางเฉาจงมีแต่พวกคนไร้ความสามารถ ม้าศึกของข้าคงเสียเปล่าแล้ว…”
….
ณ ประตูเมืองทิศใต้ บนกำแพงเมือง ฉาหู่ทอดสายตามองออกไป หลังจากมองเห็นรถม้าขบวนหนึ่งปรากฏขึ้นไกลๆ เขาก็ส่งสัญญาณมือให้ท่านแม่ทัพที่อยู่ด้านข้างทันที
พอได้รับคำสั่ง ทหารม้าก็พุ่งออกมาจากเมือง เข้าควบคุมการเข้าออกของประตูเมืองทิศใต้ทันที ห้ามมิให้ผู้ใดผ่านเข้าออก
ฮูเหยียนอู๋เฮิ่นเดินลงมาจากปราการ มีฉาหู่เป็นผู้ติดตาม รวมถึงมียอดฝีมือจากสามสำนักคอยให้การคุ้มกัน เขาลงจากกำแพงเมืองแล้วเดินออกไปนอกเมือง คอยขบวนม้าที่เคลื่อนตัวใกล้เข้ามาอย่างสงบ
เมื่อรถม้าเคลื่อนมาถึงก็หยุดนิ่งลง ม่านของรถม้าคันแรกถูกเลิกเปิดไว้ เผยให้เห็นอาจารย์อวี้ชางที่นั่งอยู่ด้านใน
ฮูเหยียนอู๋เฮิ่นประสานมือคำนับ “คารวะอาจารย์อวี้ชาง”
อาจารย์อวี้ชางที่อยู่ในรถม้าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่ทัพเกรงใจกันเกินไปแล้ว มิสู้ขึ้นมาคุยกันบนรถม้าเถิด!”
ฮูเหยียนอู๋เฮิ่นขึ้นรถม้าไปทันที ฝ่ายฉาหู่โบกมือเล็กน้อย ทั้งกลุ่มปีนขึ้นหลังม้า คนที่มากับอาจารย์อวี้ชางถอยลงไปอยู่ด้านหลัง ส่วนคนทางนี้ก็เข้ารับหน้าที่คุ้มกันรถม้าคันนี้แทน
ขบวนรถม้าเคลื่อนที่อีกครั้ง ค่อยๆ เข้าเมืองไป
ภายในรถม้า อวี้ชางและฮูเหยียนอู๋เฮิ่นนั่งข้างกัน มองสภาพในตัวเมืองนอกหน้าต่าง หลังจากพูดคุยกันตามมารยาทเล็กน้อย ฮูเหยียนอู๋เฮิ่นก็ถามขึ้นมาว่า “ท่านอาจารย์มีที่พักในเมืองหรือไม่? ศิษย์ได้จัดเตรียมโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในเมืองหลวงไว้ให้แล้ว หากว่าท่านอาจารย์ไม่รังเกียจ…”
อวี้ชางยกมือปรามพลางเอ่ยขัดว่า “ไม่จำเป็นต้องรบกวนท่านแม่ทัพเลย ข้าซื้อที่พักแห่งหนึ่งในเมืองนี้ไว้แล้ว”
ทั้งสองพูดคุยรำลึกความหลัง ยามที่ขบวนรถม้าเคลื่อนมาจอดนอกสวนไม้เลื้อย ฮูเหยียนอู๋เฮิ่นถึงได้ทราบว่าที่พักที่อาจารย์อวี้ชางซื้อไว้ก็คือสวนไม้เลื้อย อวี้ชางส่งคนมาเก็บกวาดไว้เรียบร้อยล่วงหน้าแล้ว สามารถเข้าพักได้ทันที
“เข้าไปนั่งเล่นสักหน่อยหรือไม่?” อวี้ชางเชิญชวนเล็กน้อย
ฮูเหยียนอู๋เฮิ่นยังคงปฏิเสธอย่างละมุนละม่อม ลงจากรถม้าคันนี้ไป
อวี้ชางเพียงยิ้มให้ ไม่พูดอะไร และไม่ฝืนบังคับ ทราบดีว่าทุกคนล้วนมีความลำบากใจส่วนตัว ฮูเหยียนอู๋เฮิ่นไปต้อนรับเขาอย่างเปิดเผยได้ และสามารถสนทนากันอย่างเปิดเผยได้ แต่ไม่มีทางพบหน้าพูดคุยกับเขาแบบส่วนตัว ถึงอย่างไรฮูเหยียนอู๋เฮิ่นก็เป็นแม่ทัพบัญชาการที่กุมอำนาจทหารแคว้นฉีไว้ แต่ศิษย์บางส่วนของอวี้ชางกลับเป็นศัตรูของแคว้นฉี
กระทั่งฮูเหยียนอู๋เฮิ่นจากไป ขบวนม้าก็เคลื่อนตัวเข้าสู่ด้านในของสวนไม้เลื้อย
หลังจากเข้ามาในสวน รถม้าคันแรกจอดแอบด้านข้าง อวี้ชางลงจากรถม้า ยืนอยู่ริมทางประสานมือค้อมตัว สายตามองตามรถม้าอีกสี่คันเคลื่อนตัวเข้าสู่เรือนหลัก หรือก็ที่พักเก่าของก่วนฟางอี๋นายหญิงคนก่อนหน้าของสวนแห่งนี้
กระทั่งรถม้าทั้งสี่คันออกห่างไปแล้ว อวี้ชางจึงยืดตัวขึ้นมา เดินเล่นอยู่ภายในสวนไม้เลื้อยรอบหนึ่ง ชื่นชมสภาพแวดล้อมสงบงดงามภายในสวน อดไม่ได้ที่จะกล่าวชม “เป็นสถานที่ที่ดี สิ้นเปลืองความคิดไปไม่น้อยเลยทีเดียว หงเหนียงแห่งเมืองหลวงแคว้นฉีคนนี้นับว่าเป็นคนที่รู้จักเสพสุขคนหนึ่ง ขายสถานที่เช่นนี้ไปค่อนข้างน่าเสียดายจริงๆ”
กัวสิงซานศิษย์ของเขาที่ติดตามอยู่ด้านข้างเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คาดว่านางก็คงไม่เต็มใจขายเช่นกันขอรับ”
ขณะที่ทางนี้กำลังเดินเล่นชมสวนอยู่ พลันมีคนจากด้านนอกเข้ามารายงาน บอกว่าทางวังหลวงส่งคนมา องค์ฮ่องเต่เฮ่าอวิ๋นถูจะจัดงานเลี้ยงขึ้นในวัง ซานเชียนหลี่เจ้าสำนักมหาบรรพต เป่ยเสวียนเจ้าสำนักศาสตราลึกล้ำและอวี่เหวินเยียนเจ้าสำนักเพลิงนภาก็อยู่ในวังด้วย
สถานการณ์เช่นนี้อวี้ชางไม่อาจปฏิเสธได้ หากไม่ไปก็เท่ากับไม่ไว้หน้า ดังนั้นจึงพาศิษย์สองคนออกจากสวนไม้เลื้อย มุ่งหน้าไปยังวังหลวง
มีคนมารอต้อนรับอยู่หน้าประตูวังนานแล้ว ผู้ดูแลหลวงปู้สวินมารอรับแขกที่ประตูหน้าด้วยตัวเอง ย่อมต้องผ่านเข้าไปได้อย่างราบรื่นตลอดทาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า