ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 359

สรุปบท ตอนที่ 359 ฮูเหยียนเวยร้องไห้: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ตอนที่ 359 ฮูเหยียนเวยร้องไห้ – ตอนที่ต้องอ่านของ ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ตอนนี้ของ ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 359 ฮูเหยียนเวยร้องไห้ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 359 ฮูเหยียนเวยร้องไห้

อวี้ชางค้อมตัวลงเล็กน้อย “เชิญฝ่าบาทตรัสมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”

เฮ่าอวิ๋นถูกล่าวว่า “เฮ่าชิงชิงธิดาของข้าถึงวัยออกเรือนแล้ว บ้านแม่ทัพฮูเหยียนมีบุตรชายคนเล็กที่ถึงวัยแต่งงานแล้วเช่นกัน เหมาะสมพอดีกันนัก จึงอยากให้ขอให้อาจารย์ช่วยเป็นพ่อสื่อ ไม่ทราบว่าอาจารย์มีความเห็นอย่างไร?” แววตาเปี่ยมด้วยความคาดหวัง

พอเขากล่าวประโยคนี้ออกมา ซานเชียนหลี่ เป่ยเสวียนและอวี่เหวินเยี่ยนสบตากันเล็กน้อย พอจะเข้าใจเหตุผลที่องค์ฮ่องเต้ลากพวกเขามาแล้ว

ถึงแม้อวี้ชางจะมีชื่อเสียง อีกทั้งเป็นยอดฝีมือลำดับที่ห้าบนทำเนียบโอสถ แต่ก็ยังมีความแตกต่างกับพวกเขาเป็นอย่างมาก

พวกเขาสามคนก็มีตำแหน่งในหอเลือนสลัวเช่นกัน อีกอย่างหอเลือนสลัวต่างหากที่กุมอำนาจทั้งหมดในใต้หล้าไว้ แตกต่างกันมากแค่ไหนเพียงคิดดูก็รู้แล้ว ดังนั้นอวี้ชางจึงยังไม่ได้มีค่าถึงขั้นที่จะให้พวกเขาทั้งสามออกหน้ามารับรองพร้อมกันได้ วุ่นวายมานานสองนาน ที่แท้องค์ฮ่องเต้ก็ทำเพื่อเรื่องวิวาห์ขององค์หญิงใหญ่นี่เอง!

ทั้งสามคนก็ทราบเรื่องนี้เช่นกัน กองทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในแคว้นฉีอยู่ในมือของฮูเหยียนอู๋เฮิ่น กองทหารม้าที่เป็นหนึ่งไม่มีสองก็ถูกก่อตั้งขึ้นโดยฮูเหยียนอู๋เฮิ่น ภายในกองทหารม้า ตำแหน่งและอำนาจของฮูเหยียนอู๋เฮิ่นไม่มีผู้ใดมาแทนที่ได้ ขอเพียงฮูเหยียนอู๋เฮิ่นไม่ยินยอม ถึงราชสำนักจะส่งผู้ใดไปนั่งประจำการในตำแหน่งผู้บัญชาการก็ไม่มีประโยชน์

เรื่องแบบนี้ ต่อให้ส่งผู้บำเพ็ญเพียรจากสามสำนักไป ‘ปกป้อง’ อยู่ข้างกายฮูเหยียนอู๋เฮิ่น และสามารถปลิดชีพฮูเหยียนอู๋เฮิ่นได้ตลอดเวลาก็ไม่มีประโยชน์ ฮ่องเต้กล้าสังหารฮูเหยียนอู๋เฮิ่นส่งเดชอย่างนั้นหรือ?

ต่อให้องค์ฮ่องเต้อยากสังหารก็ต้องถามความเห็นจากสามสำนักด้วย หากสังหารฮูเหยียนอู๋เฮิ่น กองทหารม้าจะต้องเกิดความโกลาหลแน่นอน ดีไม่ดีทหารอาจจะก่อกบฏวุ่นวายขึ้นมา หากกองกำลังภายนอกฉวยโอกาสบุกเข้ามา มันจะกระทบถึงผลประโยชน์ของสามสำนักใหญ่ คนของสามสำนักใหญ่ไม่อาจนั่งดูดายได้!

เนื่องด้วยเหตุนี้ หากจะพูดให้ฟังดูแน่หน่อย หากจู่ๆ วันหนึ่งฮูเหยียนอู๋เฮิ่นแสดงท่าทีจะสนับสนุนองค์ชายคนใดขึ้นมา สามสำนักใหญ่ก็จำเป็นต้องใคร่ครวญให้ความสำคัญกับความเห็นของฮูเหยียนอู๋เฮิ่นด้วย หากวันนั้นมาถึงจริงๆ เกรงว่าแม้แต่ตำแหน่งฮ่องเต้ของเฮ่าอวิ๋นถูก็คงจะมีอันตรายไปด้วย

อย่าคิดว่าแคว้นฉีแห่งนี้จะสงบสุขทั่วกัน อย่าคิดว่าจะไม่มีผู้ใดหมายปองตำแหน่งฮ่องเต้ของเฮ่าอวิ๋นถู

เมื่อเป็นเช่นนี้ เฮ่าอวิ๋นถูย่อมต้องมีความพะวงในตัวฮูเหยียนอู๋เฮิ่นเป็นธรรมดา

ฮูเหยียนอู๋เฮิ่นเองก็ใช่ว่าจะไม่ภักดีต่อแคว้นฉี และใช่ว่าจะไม่ภักดีต่อเฮ่าอวิ๋นถู แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เขาไม่อยากเลือกใช้วิธีการนำเอาลูกมาแต่งงานเกี่ยวดองกัน

แต่เฮ่าอวิ๋นถูไม่วางใจนี่นา เรื่องราวในใต้หล้านี้มีปัจจัยไม่แน่นอนอยู่มากเกินไป เรื่องในอนาคต ไม่ว่าผู้ใดก็บอกได้ยาก เขาจำเป็นต้องผูกมัดตระกูลฮูเหยียนไว้กับเขา!

ตอนนี้การมาถึงของอวี้ชางทำให้เฮ่าอวิ๋นถูมองเห็นโอกาส อวี้ชางเองก็นับได้ว่าเป็นอาจารย์ของฮูเหยียนอู๋เฮิ่น ในฐานะที่เป็นอาจารย์ อีกฝ่ายน่าจะโน้มน้าวฮูเหยียนอู๋เฮิ่นได้ดีกว่าคนอื่น

สำหรับเรื่องนี้ เจ้าสำนักทั้งสามไม่สะดวกจะกล่าวอันใด

อวี้ชางได้ฟังก็เงียบไปเล็กน้อย ชื่อเสียงของเขาก็ใช่ว่าจะได้มาเปล่าๆ ย่อมต้องกระจ่างในบางเรื่องราวดี

เจตนาขององค์ฮ่องเต้ชัดเจนเป็นอย่างมาก อย่าว่าแต่ฮูเหยียนอู๋เฮิ่นเลย แม้แต่คนนอกก็รู้แก่ใจดีเช่นกัน หากว่าบุตรชายคนใดของฮูหยียนอู๋เฮิ่นได้แต่งกับองค์หญิง องค์ฮ่องเต้ก็จะเข้าไปก้าวก่ายเรื่องในตระกูลฮูเหยียนได้ แต่มิใช่เข้าไปก้าวก่ายเรื่องทั่วๆ ไปในครอบครัวอันใด หากแต่เป็นเรื่องที่ว่าผู้ใดแต่งกับองค์หญิง ฮ่องเต้ก็จะสนับสนุนผู้นั้น คนที่ได้รับการสนับสนุนย่อมได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลฮูเหยียนในอนาคตแน่นอน ถ้าเฮ่าอวิ๋นถูยืนกรานจะให้การสนับสนุนใครสักคน จะมีสักกี่คนที่ขวางเขาได้?

ประเด็นสำคัญคือเกรงว่ามันจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แค่ให้การสนับสนุนเท่านั้น เพราะเมื่อต้องการสนับสนุนใครสักคน ก็อาจจะต้องข่มบุตรชายคนอื่นๆ ของฮูเหยียนอู่เฮิ่นไว้

เห็นได้ชัดว่าฮูเหยียนอู๋เฮิ่นไม่ต้องการให้องค์ฮ่องเต้สอดมือเข้ามาในบ้านตน เพราะแบบนั้นมันจะทำให้ภายในบ้านเกิดความวุ่นวาย การทีเรื่องในครอบครัวกับเรื่องบ้านเมืองปะปนกันมิใช่เรื่องดีอันใดต่อตระกูลฮูเหยียนแน่นอน หากว่าฮูเหยียนอู๋เฮิ่นยอมตอบตกลงง่ายๆ คาดว่าเฮ่าอวิ๋นถูคงไม่ต้องมาขอร้องอวี้ชางแบบนี้

อวี้ชางเองก็ฟังเจตนาขององค์ฮ่องเต้ออกเช่นกัน มีเจตนาจะทำการแลกเปลี่ยน ความหมายคือหากเจ้าช่วยจัดการเรื่องวิวาห์ให้ข้าได้ ข้าก็จะช่วยเจ้าตามหาหนิวโหย่วเต้า!

อวี้ชางเอ่ยเสียงเรียบว่า “บุตรชายคนเล็กของตระกูลฮูเหยียน กระหม่อมเคยได้ยินเรื่องราวมาเช่นกัน เป็นเด็กซุกซนเสเพลคนหนึ่ง เกรงว่าจะไม่เหมาะกับองค์หญิงใหญ่พ่ะย่ะค่ะ!”

เฮ่าอวิ๋นถูกล่าวว่า “หากว่าเกินจะเยียวยาแล้วจริงๆ ข้าก็คงไม่พูดถึงเรื่องนี้ แต่ข้าคอยจับตาดูเด็กคนนั้นมาตลอด ภายนอกหยาบกระด้าง เนื้อในละเอียดลออ มิได้ย่ำแย่อย่างที่เห็นกันในภายนอก ยิ่งไปกว่านั้นคือธิดาของเราคนนั้นถูกพะเน้าพะนอมาตั้งแต่เล็ก เป็นสาวน้อยที่ทำให้คนปวดเศียรเวียนเกล้าเช่นกัน ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไร ข้าต้องการบุรุษที่กล้าสั่งสอนอบรมนางอยู่พอดี คนหนึ่งรอแต่งออก อีกคนรอแต่งเข้า ทั้งสองนับว่าเป็นคู่สร้างคู่สมกัน!”

วาจานี้หากปล่อยให้เฮ่าชิงชิงมาได้ยินเข้า คาดว่าคงอาละวาดเป็นแน่ คิดไม่ถึงว่าจะมีบิดาที่พูดถึงบุตรสาวตนเช่นนี้ด้วย

อวี้ชางเอ่ยว่า “อาจจะยังมีคนอื่นที่เหมาะสมกับองค์หญิงใหญ่มากกว่านะพ่ะย่ะค่ะ”

เฮ่าอวิ๋นถูกล่าวว่า “แต่คนที่ถูกใจเราคือบุตรชายคนเล็กของตระกูลฮูเหยียนผู้นั้น!”

พูดกันมาถึงขั้นนี้แล้ว หลังจากอวี้ชางเงียบไปครู่หนึ่งก็พยักหน้ารับช้าๆ “ได้พ่ะย่ะค่ะ! บุรุษถึงวัยแต่งงานสตรีถึงวัยออกเรือนก็เป็นเรื่องดีงาม หลังออกจากวังไป กระหม่อมจะไปเจรจาเรื่องนี้ที่บ้านท่านแม่ทัพพ่ะย่ะค่ะ!”

“รบกวนท่านอาจารย์แล้ว!” เฮ่าอวิ๋นถูเอ่ยด้วยความดีใจ กุมจอกสุราด้วยสองมือพลางเอ่ยว่า “ข้าขอคารวะท่านอาจารย์!”

อวี้ชางคารวะสุรากลับ

เจ้าสำนักทั้งสามสบตากันเล็กน้อย ไม่พูดอะไร และไม่คิดจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องเช่นนี้ด้วย เรื่องระหว่างองค์ฮ่องเต้และฮูเหยียนอู๋เฮิ่น พวกเขาจะช่วยฝ่ายใดก็ไม่เหมาะสมทั้งนั้น

หลังจากวางจอกสุราลง เฮ่าอวิ๋นถูหันกลับไปเอ่ยกับปู้สวินทันที “จงฮูหยินดั้นด้นเดินทางมาไกลเพื่อกราบอาจารย์ เหนื่อยยากมากนัก ไหนเลยจะปล่อยให้จงฮูหยินมาเสียเที่ยวได้? เจ้าจงส่งคนออกไปค้นหาเดี๋ยวนี้ เร่งค้นหาตำแหน่งที่อยู่ของหนิวโหย่วเต้ามาให้จงได้!”

“พ่ะย่ะค่ะ!” ปู้สวินค้อมรับคำสั่ง

สำหรับร่องรอยของหนิวโหย่วเต้า ปู้สวินทราบอยู่แต่แรกแล้ว เขาย่อมเข้าใจถึงเจตนาของเฮ่าอวิ๋นถู

ก่อนหน้านี้เพิ่งบอกว่าไม่ทราบไปหยกๆ ไหนเลยจะกลับคำพูดของตนในชั่วพริบตาได้ หากอวี้ชางช่วยเรื่องวิวาห์ขององค์หญิงใหญ่ให้สำเร็จได้ ทางนี้ย่อมสามารถค้นหาตำแหน่งที่อยู่ของหนิวโหย่วเต้าให้ หากว่าเจรจาไม่สำเร็จ ผลลัพธ์ย่อมต้องต่างออกไป ทางนี้ก็ไม่ใช่คนที่จะถูกหลอกได้ง่ายๆ เช่นกัน

ฝ่ายอวี้ชางก็ทำตามที่รับปากเอาไว้ ก่อนงานเลี้ยงสังสรรค์จะจบลง ก็ได้บอกว่าหลังออกจากวังไปแล้วจะตรงไปเจรจาเรื่องวิวาห์ที่บ้านแม่ทันฮูเหยียนทันที

อันที่จริงหลังจากอวี้ชางไปหาที่บ้านก็ไม่ได้บังคับกดดันฮูเหยียนอู๋เฮิ่นมากนัก เพียงบอกเล่าถึงสถานการณ์ที่ฝ่าบาทขอให้มาช่วยเป็นพ่อสื่อ จากนั้นก็เสนอความเห็นต่อฮูเหยียนอู๋เฮิ่นว่าให้เลือกละทิ้งอำนาจทางการทหารหรือไม่ก็ต้องให้บุตรชายแต่งกับองค์หญิงใหญ่ มิเช่นนั้นหากเป็นเช่นนี้ต่อไป มันมิใช่วิธีที่ดีเลย เว้นแต่เขาคิดจะอาศัยอำนาจการทหารในมือก่อกบฏต่อองค์ฮ่องเต้!

แต่มีเรื่องหนึ่งที่อวี้ชางเอ่ยเตือนฮูเหยียนอู๋เฮิ่นอย่างจริงจัง หากว่าเขายินยอมสละอำนาจทหารและไม่ยินยอมให้บุตรชายแต่งกับองค์หญิงใหญ่จริง เช่นนั้นก็เท่ากับเป็นการล่วงเกินองค์ฮ่องเต้อย่างรุนแรง หากเขาหยามหน้าองค์ฮ่องเต้ อีกทั้งไม่มีอำนาจทางการทหารคอยคุ้มกัน นั่นก็เท่ากับจะเสียอิทธิพลที่มีต่อสามสำนักใหญ่ไปด้วย ไม่ช้าก็เร็วองค์ฮ่องเต้ต้องหาทางคิดบัญชีตระกูลฮูเหยียนของพวกเขาแน่!

หลักเหตุผลข้อนี้ฮูเหยียนอู๋เฮิ่นจะไม่เข้าใจได้อย่างไร เขาเพียงถ่วงเวลาอยู่เท่านั้น ถ่วงเวลามาเรื่อยๆ และจงใจปล่อยให้บุตรชายออกไปทำตัวสำมะเลเทเมา หวังจะให้องค์ฮ่องเต้ทรงเปลี่ยนพระทัย ต้องการรักษาความสงบของตระกูลฮูเหยียนไว้

เมื่ออวี้ชางมาหาถึงบ้าน เขาถึงได้ทราบว่าแม้แต่สามเจ้าสำนักก็ถูกเรียกเข้าไปพร้อมกันด้วย ซ้ำยังให้อาจารย์ของตนมาเป็นพ่อสื่ออีก ฮูเหยียนอู๋เฮิ่นทราบดีว่าครั้งนี้องค์ฮ่องเต้ตัดสินพระทัยแน่นอนแล้ว หมายตาลูกชายของเขาไม่ยอมเลิกรา ตนจะไม่ตอบตกลงก็คงไม่ได้แล้ว!

เรื่องราวบางอย่างแม้จะพยายามหลบเลี่ยง แต่สุดท้ายก็เลี่ยงไม่ได้อยู่ดี ฮูเหยียนอู๋เฮิ่นจึงทำได้เพียงยอมคล้อยตามฝ่าบาท แล้วก็ถือโอกาสมอบน้ำใจให้อาจารย์ของตนไปด้วย ตอบรับเรื่องวิวาห์ในครานี้!

หลังจากสอบถามเรื่องราวโดยละเอียดแล้ว หยวนกังก็รู้สึกทอดถอนใจเป็นอย่างยิ่ง รู้สึกเห็นใจฮูเหยียนเวยเล็กน้อย ตำแหน่งราชบุตรเขยไม่ได้เป็นกันง่ายๆ เลย คนอื่นอาจจะหวังเกาะเบื้องสูงเพื่อแสดงหาความเจริญก้าวหน้า แต่สำหรับตระกูลฮูเหยียนแล้วยังไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องดี อีกทั้งไม่มีความจำเป็นต้องแต่งเอานายเหนือหัวเข้าบ้านตนมาเลย

หยวนกังเอ่ยปลอบว่า “องค์หญิงใหญ่อาจจะซุกซนไปบ้าง แต่คงไม่ถึงขั้นจะวางอำนาจบาตรใหญ่ในตระกูลฮูเหยียนของพวกท่าน…”

“เฮอะ!” ฮูเหยียนเวยร้องเฮอะตัดบท “มันใช้เรื่องวางอำนาจเสียที่ไหน? เจ้าเห็นข้าเป็นไอ้โง่จริงๆ หรือไง คิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเหตุใดองค์ฮ่องเต้ถึงต้องการให้ข้าแต่งกับธิดาของพระองค์ ก็เพราะเห็นแก่อำนาจทางการทหารในมือของบิดาข้ามิใช่หรือ? การเกี่ยวดองนั้นมีจุดประสงค์อันใดอยู่เล่า หากข้าต้องแต่งกับนังหญิงร้ายคนนั้นจริงๆ ตระกูลฮูเหยียนไม่มีทางสงบสุขแน่นอน องค์ฮ่องเต้จะข่มพี่ชายทั้งสองของข้าไว้ แล้ววันหน้าพวกเราพี่น้องจะอยู่ร่วมกันอย่างไร? มารดามันเถอะ เฮ่าอวิ๋นถู ไอ้ชาติสุนัขใจดำ…”

หยวนกังเอ่ยเตือน “คุณชายสามระวังคำพูดด้วย!”

“อันซยง หากเจ้าเห็นข้าเป็นสหายจริง ก็ให้ข้ายืมเงินสักก้อนเถอะ!” ฮูเหยียนเวยเช็ดน้ำตาพลางแบมือขอเงิน

หยวนกังมึนงง “ทางร้านเพิ่งแบ่งเงินปันส่วนให้ท่านไป ยังไม่พอให้ท่านใช้หรือ?”

“ข้าตกอยู่ในสภาพนี้แล้ว ยังไม่ยอมให้ข้าได้หาความสำราญอีกหรือ! เจ้าจะให้หรือไม่ให้?” ฮูเหยียนเวยแบบมือขอซ้ำๆ

เรื่องกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว หยวนกังจะทำอย่างไรได้เล่า ด้วยความเห็นใจจึงให้เขาเขียนสัญญากู้เงินแล้วมอบเงินให้เขายืมสามพันเหรียญทอง!

ฮูเหยียนเวยรับเงินมา เช็ดน้ำตาแล้วจากไป เดินออกอย่างเด็ดเดี่ยว ไม่เหลียวกลับมา

หยวนกังคิดว่าเขาคงอยากไปเที่ยวเล่นหาความสำราญจริงๆ จนกระทั่งผ่านไปค่อนคืนก็มีกองทหารม้ากลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาปิดล้อมร้านเต้าหู้ไว้ จนกระทั่งตระกูลฮูเหยียนออกคำสั่งส่วนตัวให้กองทหารม้าออกตามจับตัวฮูเหยียนเวย หยวนกังถึงได้รู้จุดประสงค์ที่ฮูเหยียนเวยขอยืมเงินไป

ฮูเหยียนเวยหนีไปแล้ว เด็กหนุ่มคนนั้นไม่ได้คิดจะคืนเงินแต่แรก เขาตั้งใจหนีงานแต่ง!

……………………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า