ตอนที่ 360 คนของหน่วยข่าวกรอง
เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น คืนนี้ผู้ใดก็อย่าฝันว่าจะได้อยู่อย่างสบายใจ
วันต่อมา เสมียนเกามาหาหยวนกังที่เรือนด้านหลัง เขาไม่ได้นอนมาทั้งคืน ยิ้มเจื่อนพลางเอ่ยด้วยสีหน้าอ่อนล้าว่า “เถ้าแก่ พบตัวคุณชายสามแล้ว ทุกคนสบายใจได้แล้ว”
วันนี้เขาไม่ได้มาเปิดร้านเต้าหู้ตามเวลา เพราะรอข่าวจากทางตระกูลฮูเหยียนอยู่ตลอด ถึงอย่างไรค่าใช้จ่ายในการหลบหนีของฮูเหยียนเวยก็เป็นหยวนกังที่ให้ไป
หยวนกังถาม “พบตัวที่ไหน?”
เสมียนเกาตอบว่า “เฮ้อ หนีไปได้ไม่ไกลนักขอรับ จับได้ในพื้นที่ที่อยู่ห่างออกไปสองร้อยลี้ ได้ยินว่าพอถูกไล่ล่าก็เข้าไปซ่อนตัวในกองหญ้าของพื้นที่เลี้ยงสัตว์แห่งหนึ่ง ถูกหาตัวออกมา รุ่งเช้าวันนี้ถูกคุมตัวกลับมาขอรับ สภาพเรียกได้ว่าจนตรอกน่าเวทนา มีเศษหญ้าติดเต็มตัว เฮ้อ ไยต้องหาเรื่องลำบากด้วยนะ!”
หยวนกังพูดไม่ออก ไม่รู้ควรจะว่าอะไรฮูเหยียนเวยดี มันจะไม่ได้เรื่องเกินไปหน่อยแล้ว ถูกจับตัวกลับมาแบบนี้ หากไม่มีความสามารถในการหลบหนีแล้วจะหนีไปทำไม?
แต่เขาไม่รู้อะไร แรกเริ่มตระกูลฮูเหยียนก็ไม่รู้จริงๆ ว่าฮูเหยียนเวยหนีไปไหน ทว่าเรื่องนี้กลับทราบไปถึงองค์ฮ่องเต้แล้ว เฮ่าอวิ๋นถูจะปล่อยให้ฮูเหยียนเวยหนีไปได้อย่างไร จึงออกคำสั่งให้หน่วยข่าวกรองตามหาคนให้พบทันที จากนั้นไม่นาน ฮูเหยียนเวยที่เปลี่ยนพาหนะระหว่างเดินทางก็ถูกพบตัวเข้า
หน่วยข่าวกรองไม่ได้เข้าไปจับตัวในทันที เฮ่าอวิ๋นถูก็ต้องรักษาหน้าบ้างเช่นกัน ไหนเลยจะบังคับจับตัวคนที่ไม่ยินดีแต่งกับธิดาตนให้กลับมาแต่งงานได้
ดังนั้นจึงส่งคนไปแจ้งข่าวแก่ทางตระกูลฮูเหยียนอย่างเงียบๆ ให้คนของตระกูลฮูเหยียนไปจัดการเอาเอง
ตระกูลฮูเหยียนจึงสั่งการทหารทันที เรียกระดมกำลังทหารที่อยู่ในละแวกพื้นที่หลบหนีของฮูเหยียนเวยให้เข้าปิดล้อมเขา
กองทหารม้าหลายพันนายมุ่งหน้าไปเพื่อจับกุมฮูเหยียนเวยเพียงคนเดียว ทราบพิกัดตำแหน่งอย่างชัดเจน ซ้ำยังมีผู้บำเพ็ญเพียรออกปฏิบัติการควบคู่ด้วย ฮูเหยียนเวยที่หัวเดียวกระเทียมลีบจะหนีไปไหนได้เล่า? ด้วยเหตุนี้ฮูเหยียนเวยจึงถูกจัวตัวกลับมา!
เสมียนเกาหยิบตั๋วแลกทองมูลค่าพันเหรียญทองออกมาสามใบ “เถ้าแก่ เงินที่คุณชายสามหยิบยืมท่านไป ท่านแม่ทัพสั่งให้นำมาคืนท่านขอรับ ชดใช้หนี้ของคุณชายสามที่ติดค้างไว้”
หยวนกังรับมา สัญญากู้ยืมก็ยังอยู่กับตัวเขา เขาจึงหยิบออกมายื่นส่งให้เสมียนเกา ก่อนจะถามขึ้นมาอีกครั้งว่า “จับคนกลับมาแล้วจะทำอย่างไรต่อ?”
เสมียนเกาถอนหายใจดังเฮ้อพลางเอ่ยว่า “สภาพเขาเรียกได้ว่าน่าอนาถขอรับ ทันทีที่จับตัวกลับมาได้ ท่านแม่ทัพก็ออกคำสั่งให้ลงโทษด้วยกฎตระกูล โบยคุณชายสามจนร้องไห้โหยหวนบอกว่าต่อไปไม่กล้าทำอีกแล้ว คาดว่าภายในช่วงนี้ คุณชายสามอย่าหวังจะลุกจากเตียงได้อีก ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องหลบหนีอันใดเลยขอรับ เฮ้อ เถ้าแก่ หากไม่มีเรื่องใดแล้วข้าขอตัวไปทำงานก่อนนะขอรับ”
หยวนกังพยักหน้าเงียบๆ
…..
ผ่านไปไม่นานนัก ก็มีข่าวหนึ่งแพร่กระจายออกไป ทำให้ทั่วเมืองหลวงแคว้นฉีตกตะลึง
ในช่วงว่าราชการยามเช้า จู่ๆ แม่ทัพฮูเหยียนอู๋เฮิ่นก็เป็นฝ่ายขอพระราชทานสมรสจากองค์ฮ่องเต้ต่อหน้าเหล่าขุนนางนับร้อย ต้องการสู่ขอองค์หญิงใหญ่เฮ่าชิงชิงให้แก่ฮูเหยียนเวยผู้เป็นบุตรชาย องค์ฮ่องเต้ก็ทรงตอบตกลงต่อหน้าเหล่าขุนนางเช่นกัน
วาจามีค่าดั่งทองคำ กษัตริย์ตรัสแล้วไม่อาจคืนคำได้ เจรจาสำเร็จลุล่วง
ส่วนบุคคลในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิง ก็ล้วนไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธได้!
แต่เรื่องที่คนบางส่วนให้ความสนใจกลับมิใช่เรื่องนี้
ณ เรือนเมฆาขาว ซูจ้าวและฉินเหมียนยืนอยู่หน้าแผนที่แผ่นหนึ่ง ฉินเหมียนชี้ลากเส้นทางที่มุ่งสู่ทิศตะวันออกพลางเอ่ยว่า “มองจากเส้นทางแล้ว เห็นได้ชัดว่าต้องการออกจากแคว้นฉีเพื่อกลับไปยังแคว้นเยี่ยน!”
ทางนี้ได้รับข่าวมาว่าระหว่างทางมีคนบังเอิญพบหนิวโหย่วเต้าและศิษย์สำนักหยกสวรรค์ในสภาพแปลงโฉมปลอมตัวเข้า หลังจากทางนี้ได้รับข่าวก็ให้คนที่อยู่ในแถบนั้นไปสืบดู ปรากฏว่าเป็นศิษย์สำนักหยกสวรรค์ที่แปลงโฉมปลอมตัวกันมาจริงๆ
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าไอ้สารเลวคนนั้นมันเจ้าเล่ห์!” ซูจ้าวกัดฟันกรอด ไม่ได้บอกออกไปว่าตนสงสัยมาแต่แรกแล้ว ผลลัพธ์ที่ปรากฏในตอนนี้ได้พิสูจน์ข้อสันนิษฐานของนางแล้ว นางเอ่ยอย่างเฉียบขาดว่า “รีบติดต่อหาเบื้องบนทันที ขอความร่วมมือจากคนของหน่วยอื่นๆ ต้องขวางเอาไว้ให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม! หากปล่อยให้เขาหนีกลับไปถึงจังหวัดชิงซานได้ การจะไปลงมือกับเขาในถิ่นของพวกเขา ทางองค์กรต้องเสียกำลังมหาศาลแน่นอน จะปล่อยให้เขาหนีกลับไปไม่ได้เด็ดขาด!”
นางอยากกำจัดหนิวโหย่วเต้าทิ้งมานานแล้ว ครั้งนี้ได้รับอนุญาตจากเบื้องบนแล้ว นางย่อมต้องทุ่มเทอย่างสุดกำลัง
“เจ้าค่ะ!” ฉินเหมียนตอบรับ รีบออกไปโดยเร็ว
ทว่าออกไปได้ไม่นาน ฉินเหมียนก็เดินกระวีกระวาดกลับมาอีกครั้งแล้วเอ่ยขึ้นว่า “สารเลวแซ่หนิวจอมเจ้าเล่ห์ คิดจะหลอกให้พวกเรามุ่งหน้าไปทางตะวันออก แต่ตัวเขามุ่งหน้าไปทางตะวันตก” นางแสดงจดหมายที่อยู่ในมือ “เบื้องบนบอกว่าสารเลวแซ่หนิวออกจากเขตพื้นที่ของพวกเราไปแล้ว บอกว่าถึงคนของทางเราจะไล่ตามไปก็ไม่ทันแล้ว จึงสั่งไม่ให้พวกเราบุ่มบ่ามผลีผลามอีก เลี่ยงไม่ให้ถูกจับได้เจ้าค่ะ!”
“มุ่งหน้าไปทางตะวันตก?” ซูจ้าวแปลกใจ “แน่ใจหรือ?”
ฉินเหมียนกล่าวว่า “เบื้องบนออกคำสั่งมาหาพวกเราเอง ต้องเป็นข่าวที่ไว้วางใจได้แน่นอนเจ้าค่ะ มิเช่นนั้นคงไม่สั่งให้พวกเราหยุดปฏิบัติการแบบนี้!”
ซูจ้าวมองไปยังแผนที่อีกครั้ง “มุ่งหน้าไปทางตะวันออกหรือ ไปถึงบริเวณใดแล้ว?”
“เบื้องบนไม่ได้แจ้งรายละเอียดเอาไว้เจ้าค่ะ บอกเพียงเหตุผลที่สั่งให้พวกเราล้มเลิกปฏิบัติการ แต่ในเมื่อบอกว่าออกจากเขตพื้นที่ของพวกเราแล้ว ทั้งยังบอกว่าคนของเราไล่ตามไปไม่ทันแล้ว คาดว่าไอ้สารเลวแซ่หนิวน่าจะใกล้ถึงแถบชายฝั่งแล้วเจ้าค่ะ หากปล่อยให้เขาหนีออกทะเลไปได้ เขาก็จะสามารถเสาะหาสถานที่หลบซ่อนตัวได้ตลอดเวลา คิดจะหาตัวเขาให้พบอีกครั้งคงไม่มีหวังแล้ว” ฉินเหมียนยื่นมือชี้ไปทางพื้นที่ทะเลของแคว้นฉี
พอได้ยินว่าหนิวโหย่วเต้าไปถึงแถบชายฝั่งแล้ว ซูจ้าวพลันตกใจขึ้นมา กังวลว่าหนิวโหย่วเต้าจะลงมือกับม้าศึกขบวนนั้น
แต่พอลองคิดดูอีกที ตนคงจะคิดมากไป ม้าศึกที่ขนส่งไปให้ทางเป่ยโจวออกทะเลไปนานแล้ว หนิวโหย่วเต้าไปตอนนี้แล้วจะมีประโยชน์อะไร ยิ่งไปกว่านั้นคือยังมีการติดต่อกับทางขบวนเรืออยู่ตลอด ขบวนเรืออ้อมไปทางทิศเหนือแล้ว พิกัดปัจจุบันของขบวนเรือออกจากน่านน้ำแคว้นฉีไปไกลแล้ว
อีกอย่างหนิวโหย่วเต้าไม่น่าจะทราบเรื่องม้าศึกขบวนนั้น
ความเป็นไปได้ที่ดูเข้าเค้ามากกว่าคือหนิวโหย่วเต้าทราบแล้วว่าหอจันทร์กระจ่างต้องการกำจัดเขา ทราบถึงอำนาจอันยิ่งใหญ่ของหอจันทร์กระจ่าง รู้ว่าถ้าใช้เส้นทางบก ไม่ว่าจะหนีไปไหนก็ไม่ปลอดภัยทั้งนั้น เขาจึงคิดจะหนีออกทางทะเล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า