ตอนที่ 361 วางเพลิงพื้นที่เลี้ยงสัตว์
ก่วนฟางอี๋เข้าใจความคิดของเขา นางถามกลับว่า “เจ้าคิดว่าถ้าเจ้าล่วงเกินเฮ่าอวงิ๋นถูเข้าแล้ว เจ้าจะออกจากแคว้นฉีไปได้อย่างปลอดภัยหรือ?”
หนิวโหย่วเต้าย้อนถามเช่นกันว่า “แล้วเจ้าคิดว่าสำนักหยกสวรรค์อันเป็นกลุ่มอิทธิพลขนาดใหญ่ของแคว้นเยี่ยนจะไร้ประโยชน์หรือ? เข้าคิดว่ากลุ่มอิทธิพลขนาดใหญ่ภายในแคว้นเยี่ยนจะปล่อยให้ผู้บำเพ็ญเพียรของแคว้นอื่นเข้ามาทำตามอำเภอใจได้หรือ? อาณาเขตของแต่ละแคว้นคือขอบเขตผลประโยชน์ที่กลุ่มอิทธิพลขนาดใหญ่ในโลกบำเพ็ญเพียรขีดเส้นแบ่งแยกไว้!”
ก่วนฟางอี๋กล่าวว่า “เรื่องที่เจ้าว่ามาข้าเข้าใจ แต่เจ้าก็ต้องรู้ด้วยว่าหากเฮ่าอวิ๋นถูต้องการกดดันสำนักหยกสวรรค์ขั้นมาจริงๆ ล่ะก็ มันก็มีความเป็นไปได้อย่างมากที่สำนักหยกสวรรค์จะลงมือกับเจ้า ด้วยอิทธิพลของเฮ่าอวิ๋นถูเขาทำได้แน่นอน!”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยไปว่า “เจ้าคิดว่าข้าใช้ชีวิตเที่ยวเล่นชมธรรมชาติอยู่ในจังหวัดชิงซานเฉยๆ หรือไร? เจ้าคิดว่าเพราะเหตุใดข้าถึงเสี่ยงชีวิตมาที่นี่เพื่ออนาคตของสองจังหวัดเล่า? ข้าจะบอกให้เจ้ารู้เอาไว้ ที่ยึดจังหวัดชิงซานและจังหวัดกว่างอี้มาได้ล้วนเป็นเพราะข้า!” เขาชี้เข้าหาจมูกตัวเอง ความหมายในวาจาคือหากสำนักหยกสวรรค์กล้าหาเรื่องข้า สองจังหวัดนี้ก็จะหลุดพ้นจากการควบคุมของสำนักหยกสวรรค์
ก่วนฟางอี๋ประหลาดใจ นางเอ่ยถามไปว่า “เจ้ามีอิทธิพลต่อซางเฉาจงมากขนาดนี้เชียวหรือ?”
หนิวโหย่วเต้าถามกลับ “เจ้าคิดว่าด้วยกำลังของซางเฉาจงในยามนี้จะหลุดพ้นจากการควบคุมของสำนักหยกสวรรค์ได้หรือ?”
“เช่นนั้นความหมายของเจ้าคือ?”
“ข้าหมายความว่าอย่างไรไม่สำคัญ ประเด็นสำคัญคือหากเจ้าไปถึงจังหวัดชิงซาน ข้าก็สามารถรับประกันความปลอดภัยของเจ้าได้!”
“รับประกันความปลอดภัยของข้าหรือ? เฮ่าอวิ๋นถูมีอิทธิพลต่อราชสำนักแคว้นเยี่ยนแน่นอน ขอเพียงเฮ่าอวิ๋นถูเอ่ยปาก เจ้าคิดว่าเจ้ามีความสำคัญมากพอให้ราชสำนักแคว้นเยี่ยนยอมหักหน้าเฮ่าอวิ๋นถูหรือ? หากว่าแคว้นฉีให้การสนับสนุนความมั่นคงของแคว้นอื่นๆ เจ้าคิดว่าราชสำนักแคว้นเยี่ยนจะไม่กล้าเข้าโจมตีจังหวัดชิงซานหรือ?”
“เจ้าไปกันใหญ่แล้ว อีกทั้งออกทะเลไปไกลด้วย เฮ่าอวิ๋นถูไม่ทำอะไรวุ่นวายใหญ่โตขนาดนั้นเพื่อข้าเพียงคนเดียวหรอก สำหรับคนเขาแล้วมันไม่คุ้มค่า! เอาเป็นว่าเจ้าวางใจเถอะ หากข้าไม่อาจปกป้องตัวเองได้ ข้าก็ไม่มีทางไปซ่อนตัวอยู่ในจังหวัดชิงซานหรอก”
“เหตุผลล่ะ!”
“ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล ภายหน้าเจ้าจะเข้าใจเอง” หนิวโหย่วเต้าเอ่ยบ่ายเบี่ยงอย่างขอไปที
ตอนนี้เขาไม่มีทางบอกนางว่าวังสวรรค์หมื่นวิมานและไห่หรูเยวี่ยได้ถูกเขาลากเข้ามาเกี่ยวพันโดยไม่รู้ตัวตั้งแต่แรกแล้ว
ตอนนี้เขายังบอกนางไม่ได้ว่าเขามีอิทธิพลต่อมณฑลจินโจวแห่งแคว้นจ้าวอยู่ ไม่ว่าจะราชสำนักแคว้นเยี่ยนหรือว่าสำนักหยกสวรรค์ หากฝ่ายใดกล้าบีบคั้นจนเขาไม่อาจตั้งรกรากอยู่ในจังหวัดชิงซาน หรือว่าบีบคั้นจนเขาหมดหนทางรอด มณฑลจินโจวก็ทำได้เพียงต้องสู้ตายเพื่อปกป้องชีวิตเขาเอาไว้ เมื่อถึงเวลานั้นกระทั่งแคว้นจ้าวก็จะวุ่นวายขึ้นมาเช่นกัน!
ราชสำนักแคว้นเยี่ยนต้องใคร่ครวญถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาหากมณฑลจินโจวส่งกองทัพมารุกราน สำนักหยกสวรรค์ต้องใคร่ครวญถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาหากแตกหักกับพันธมิตรทรงอำนาจที่อยู่ติดกับจังหวัดชิงซาน!
แต่แน่นอน ตอนนี้วังสวรรค์หมื่นวิมานและไห่หรูเยวี่ยล้วนยังไม่ทราบเรื่องราว เรื่องนี้หากไม่เข้าตาจนจริงๆ หนิวโหย่วเต้าก็ไม่มีทางเผยออกไป!
ตอนนี้เขาเพียงต้องการปลอบขวัญก่วนฟางอี๋เท่านั้น แม้แต่คำว่าขัดรับสั่งก็ยังเอ่ยออกมา เห็นได้ชัดว่าในใจของก่วนฟางอี๋เต็มไปด้วยความกังวล!
“อีกอย่าง นี่จะนับเป็นการขัดรับสั่งได้อย่างไร? ราชโองการอยู่ที่ไหน?” หนิวโหย่วเต้ายื่นมือออกมากวักขอ
ก่วนฟางอี๋กล่าวว่า “เจ้ารู้แก่ใจดี! ในเมื่อรู้ถึงร่องรอยของเจ้า เช่นนั้นก็น่าจะเป็นคนของหน่วยข่าวกรองจริงๆ และคนของหน่วยข่าวกรองก็ไม่มีทางปลอมรับสั่งขึ้นมาได้!”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “ข้าไม่รู้! จู่ๆ ใครก็ไม่รู้มาบอกว่ามีรับสั่ง ข้าก็ต้องเชื่อหรือ? มีสิทธิ์อะไร? ข้าว่าน่าจะเป็นการแอบอ้างมากกว่า!”
ก่วนฟางอี๋กลอกตาใส่ แถกันหน้าด้านๆ แบบนี้จะคุยกันรู้เรื่องได้หรือ?
“ต้องรีบออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุด!” หนิวโหย่วเต้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ตัวเขาค่อยๆ หมุนตัวกลับไป มองไปตรงปากทางเข้า จ้องมองคนของหน่วยข่าวกรองที่จับตามองมาทางนี้อยู่เป็นระยะพลางเอ่ยเนิบๆ ว่า “ใครจะไปรู้ว่าจะมีคนของหอจันทร์กระจ่างแทรกซึมอยู่ในหน่วยข่าวกรองหรือเปล่า! ในเวลานี้นอกจากพวกเราแล้ว ข้าไม่เชื่อใจผู้ใดทั้งสิ้น ข้าไม่มีทางนำชีวิตไปฝากไว้ในมือของผู้อื่น! อย่าว่าแต่ฮ่องเต้แคว้นฉีเลย ต่อให้เป็นบัญชาจากเทพสวรรค์ ข้าก็ไม่มีทางสนใจเขา!”
เรื่องราวที่เกี่ยวพันถึงคันฉ่องแห่งซาง ตอนนี้เขายังไม่สามารถบอกเล่าต่อนางได้ ในที่สุดเรื่องราวเกี่ยวกับลิ่งหูชิวที่คลุมเครือมานานขนาดนี้ก็ถูกเปิดเผยแล้ว ในใจเขาทราบดีว่าครั้งนี้หอจันทร์กระจ่างตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าต้องจัดการเขาให้ได้ ย้อนกลับไปยังเมืองหลวงแคว้นฉีอย่างนั้นหรือ? น่าขันสิ้นดี! มาแหวกหญ้าให้งูตื่นเช่นนี้เขายิ่งต้องเร่งหลบหนีไปต่างหาก!
ก่วนฟางอี๋เงียบไป จำต้องยอมรับเลยว่าการตัดสินใจของหนิวโหย่วเต้าฟังดูสมเหตุสมผลอยู่
…..
ภายในกระโจม หนิวโหย่วเต้ายืนอยู่เบื้องหน้าแผนที่ จ้องมองอยู่นาน
ก่วนฟางอี๋เดินกลับไปกลับมาอยู่ด้านข้าง
เสิ่นชิวคอยเฝ้าระวังอยู่ด้านนอก
ม่านกระโจมเลิกเปิด ลุงเฉินและสวี่เหล่าลิ่วเดินเข้ามา ก่วนฟางอี๋ถามทันที “สถานการณ์เป็นอย่างไร?”
สวี่เหล่าลิ่วเอ่ยว่า “พี่ใหญ่ ไปลองหยั่งเชิงมาแล้ว แล้วก็ตรวจสอบสถานที่แห่งนี้จนทั่วแล้ว ไม่มีผู้บำเพ็ญเพียรอยู่เลย!”
ก่วนฟางอี๋มองไปที่หนิวโหย่วเต้าทันที เอ่ยถามเขา “จะเอาอย่างไร?”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยโดยไม่หันกลับไป “เสิ่นชิว! ”
เสิ่นชิวเปิดกระโจมมุดเข้ามา เดินมาหยุดตรงหน้า “ขอรับเต้าเหยี่ย!”
หนิวโหย่วเต้าสอบถาม “รู้หรือไม่ว่าเรือจะไปรอพวกเราที่ใด?”
เสินชิวส่ายหน้า “ไม่ทราบขอรับ เจ้าสำนักบอกเพียงว่าเรือจะคอยพวกเราอยู่ที่จุดนัดพบ”
เขาไม่ทราบจริงๆ จุดนับพบที่ว่าเป็นสถานที่รวมตัวที่เฮยหมู่ตาน กงซุนปู้และหนิวโหย่วเต้าตกลงกันเอาไว้ ในจดหมายก็เอ่ยเพียงว่า ‘จุดนัดพบ’ ไม่ได้บอกรายละเอียดอื่นใดให้ทราบว่าเป็นที่ไหน
ตอนนี้หลังจากขบวนเรือแล่นย้อนกลับมา เรือส่วนใหญ่ก็ได้พ้นจากน่านน้ำแคว้นฉีไปแล้ว เหลือเรือเพียงลำเดียวที่ไปรอรับพวกหนิวโหย่วเต้าที่จุดนัดพบลับตามที่ตกลงกันไว้
“ลุงเฉิน สวี่เหล่าลิ่ว” หนิวโหย่วเต้าเรียกทั้งสองคนเข้ามา ชี้ไปยังตำแหน่งที่ทุกคนอยู่ในขณะนี้บนแผนที่อย่างคร่าวๆ ลากนิ้วอ้อมวนพลางเอ่ยว่า “พวกเราอยู่ตรงนี้ ประเดี๋ยวพวกเจ้าสองคนกับเสิ่นชิวไปด้วยกัน เปลี่ยนเส้นทาง ให้เดินทางอ้อมไป อ้อมไปจนเข้าเขตแคว้นจิ้น แล้วไปเจอพวกเราที่เกาะที่อยู่ในน่านน้ำแคว้นจิ้นเกาะนี้”
ทั้งสามคนสบตากันเล็กน้อย ก่วนฟางอี๋ถามทันที “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “ในเวลานี้ ต้องคิดเสียว่าเราถูกจับได้แล้ว จำเป็นต้องเตรียมตัวเผื่อไว้สำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากมีคนคิดจะจัดการพวกเรา พวกเขาก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าพวกเรามีกันกี่คน หากไปพร้อมกันห้าคนจะสะดุดตาเกินไป จำเป็นต้องแยกทางกันไป หากเกิดเรื่องขึ้นจะมีโอกาสรอดมากกว่า ไม่ถึงกับตายพร้อมกันหมด!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า