ตอนที่ 363 เผชิญภัย
หนิวโหย่วเต้าที่กำลังจะเดินเข้าไปในห้องโดยสารชะงักเท้าทันที หันกลับไปมองทางแผ่นดิน “ขึ้นฝั่งไปแล้ว?”
กงซุนปู้ถอนหายใจ “เฮยหมู่ตานกังวลว่าท่านจะมีอันตรายจึงพาต้วนหู่ขึ้นฝั่งไป บอกว่าจะช่วยล่ออันตรายไปจากท่านขอรับ”
“ช่วยล่ออันตรายไปจากข้า?” หนิวโหย่วเต้าถอนสายตากลับมามองใบหน้าเขา ค่อยๆ หันหลังกลับมาเผชิญหน้ากับเขา ตวาดถามว่า “หมายความว่ายังไง?”
เสียงตวาดนี้ดึงดูดลู่หลีจวินที่อยู่ด้านในให้ออกมาดู เขายืนอยู่หน้าประตูห้องโดยสารพลางมองมาทางนี้
“ก่อนหน้านี้ทางเราได้รับข้อความบอกให้พวกเราออกเดินทางยามรุ่งสาง เฮยหมู่ตานวิเคราะห์ว่าเต้าเหยี่ยอาจจะเผชิญอันตรายเข้าแล้ว…” กงซุนปู้บอกเล่าเรื่องราวโดยละเอียด
ก่วนฟางอี๋กะพริบตาปริบๆ ลอบรู้สึกทอดถอนใจ ไม่ว่าสิ่งที่เฮยหมู่ตานทำจะผิดหรือถูกก็จำเป็นต้องยอมรับเลยว่าเป็นลูกน้องที่มีใจภักดีคนหนึ่ง บนโลกนี้คนประเภทนี้หาได้ยากนัก!
“เหลวไหล!” หนิวโหย่วเต้าตำหนิด้วยความโกรธ กระบี่ในมือกระแทกพื้นดาดฟ้าแรงๆ หลายที “ไม่ให้เรือเข้าใกล้ชายฝั่งให้พวกเจ้ารออยู่บนทะเล แล้วยังจะขึ้นฝั่งไปทำไม? ใครเป็นคนบอกให้พวกเจ้าขึ้นฝั่งไป?”
จะให้กงซุนปู้ตอบคำถามนี้อย่างไร? แต่กงซุนปู้ก็มองออกเช่นกันว่าการที่หนิวโหย่วเต้าโมโหเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้ เห็นทีจะมีอันตรายจริงๆ ในใจจึงอดนึกเป็นห่วงเฮยหมู่ตานกับต้วนหู่ขึ้นมาไม่ได้
สีหน้าของหนิวโหย่วเต้าดูแย่ เขาเดินวนกลับไปกลับมาบนดาดฟ้าเรือ มองไปทางชายฝั่งทะเลเป็นระยะๆ แววตาเจือความร้อนใจ
ก่อนหน้านี้เขาก็รู้สึกว่าค่อนข้างผิดปกติเช่นกัน หลังจากหนีออกจากพื้นที่เลี้ยงสัตว์มาแล้ว การเดินทางก็ราบรื่นอย่างน่าเหลือเชื่อ ไม่รู้สึกว่าถูกค้นพบร่องรอยเลยสักนิด
เขายังคิดอยู่เลยว่าตนอาจจะกังวลมากเกินไป ไม่มีสถานการณ์ที่ตนกังวลปรากฏขึ้น ไม่พบอุปสรรคใดๆ แม้แต่น้อย
ตอนนี้พอคิดดูแล้ว อาจจะเป็นตนที่กังวลมากเกินไปจริงๆ หรือไม่ก็เป็นเพราะความเคลื่อนไหวของเฮยหมู่ตานที่ช่วยล่อกองกำลังค้นหาไปจากตนได้จริงๆ
เหตุผลมันก็เข้าใจได้ไม่ยาก หากว่ามีอันตรายเช่นนั้นอยู่จริงๆ เมื่อคำนวณจากความคลาดเคลื่อนของช่วงเวลาและสถานการณ์ระหว่างตนกับศัตรูแล้ว มันก็พอจะทำการวิเคราะห์ออกมาได้
ขอให้เป็นตัวเองที่คิดมากไป ขออย่าให้มีอันตรายอย่างที่ตัวเองกังวลปรากฏขึ้นมา
“พวกเขาได้นำปีกทองติดตัวไปด้วยหรือไม่?” หนิวโหย่วเต้าที่ยืนอยู่ข้างกราบเรือหันกลับเอ่ยถามประโยคหนึ่ง
กงซุนปู้ตอบว่า “ไม่ขอรับ!”
หนิวโหย่วเต้าถามต่อ “พวกเขาได้บอกไว้หรือไม่ว่าจะมุ่งหน้าไปทางไหน?”
กงซุนปู้ส่ายหน้า “ไม่เช่นกันขอรับ บอกเพียงว่าหากพวกเขามาไม่ทัน พวกเขาจะมุ่งหน้าไปยังสถานที่เดียวกันกับที่พวกเสิ่นชิวไป จะไปพบพวกเราที่นั่นขอรับ”
ตุบ! หนิวโหย่วเต้ายกดาบกระแทกพื้นเรือเต็มแรงอีกครั้ง ความโกรธในใจไร้หนทางที่จะระบายออกมา
ไม่มีปีกทองก็ไม่สามารถติดต่อกับพวกเฮยหมู่ตานได้ ไม่ทราบว่าพวกเขามุ่งหน้าไปในทิศทางไหนก็ตามหาพวกเขาไม่ได้ แผ่นดินกว้างใหญ่ปานนี้ ด้วยกำลังคนเท่านี้ ขืนออกไปค้นหาส่งเดชก็ไม่ได้ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทรเลย!
“เต้าเหยี่ย ตอนนี้จะทำอย่างไรดีขอรับ?” กงซุนปู้ลองสอบถามดู ความหมายในวาจาคือยังต้องการออกเรือหรือไม่
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยด้วยความโมโห “ยังจะทำอย่างไรได้เล่า? รอ!”
เดิมทีก่วนฟางอี๋ยังคิดจะแสดงความแง่งอนของตนออกมาตามความเคยชินเล็กน้อย พอเห็นจุดนัดพบนี้ นางก็ไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก รู้สึกว่าหนิวโหย่วเต้าเจ้าเล่ห์เหลือเกิน ตอนที่ส่งพวกลุงเฉินทั้งสามออกไปแล้วก็ยังไม่ยอมเปิดเผยสถานที่นัดพบกับนาง เห็นได้ชัดว่าต้องการป้องกันไว้ก่อน
แต่พอเห็นหนิวโหย่วเต้าเป็นเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ากำลังมีโทสะ นางจึงเก็บความเจ้าอารมณ์กลับไป
….
ณ เทือกเขาที่เชื่อมต่อกันเป็นแถว เขาสูงสายน้ำไหลเชี่ยว นามของสถานที่แห่งนี้คือลุ่มน้ำจิ่วเต้า
ณ ตีนเขา มีม้าสองตัวควบทะยาน
“ลูกพี่ แย่แล้ว!”
ต้วนหู่ที่คอยสอดส่ายสายตามองรอบข้างอย่างระแวดระวังเป็นระยะอยู่บนหลังม้าพลันอุทานขึ้นมา
เฮยหมู่ตานหันขวับกลับมา มองไปในทิศทางเดียวกับเขาทันที เห็นว่าบนท้องนภาที่มีจันทราส่องสกาวมีเงาดำหลายร่างโฉบผ่านอย่างต่อเนื่อง เป็นวิหคยักษ์
สีหน้าเฮยหมู่ตานแปรเปลี่ยนไปทันที เรื่องราวค่อนข้างเหนือไปจากที่นางคาดการณ์ไว้ เดิมนางคิดว่าหลังจากสร้างความเคลื่อนไหวแล้ว นางจะหลบหนีไปยังสถานที่ที่มีชัยภูมิซับซ้อนอันตรายทันที คิดจะอาศัยประโยชน์ของภูมิประเทศหนีเอาตัวรอด แต่นึกไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะใช้วิหคยักษ์ออกไล่ล่าตามหา ยิ่งไปกว่านั้นยังใช้วิหคยักษ์มากมายถึงเพียงนี้อีก
ตามความเข้าใจของนาง แค่วิหคยักษ์ตัวเดียวก็มีราคาสูงลิ่วแล้ว ไม่เคยคิดถึงเลยว่าจะมีคนใช้วิหคยักษ์มากมายขนาดนี้เพื่อออกไล่ล่า
ก่อนหน้านี้นางคิดว่าโอกาสที่จะหลบหนีรอดมีสูงมาก แต่อีกฝ่ายกลับใช้วิหคยักษ์ออกตามไล่ล่า ตอบสนองได้รวดเร็วเหนือไปจากที่นางคาดการณ์ไว้ คิดไม่ถึงว่าจะถูกไล่ตามมาทันได้เร็วถึงเพียงนี้ ทำให้โอกาสที่จะหนีรอดลดน้อยลงไป!
นางไม่คาดหวังว่าวิหคยักษ์เหล่านี้จะเพียงแค่บังเอิญผ่านทางมาโดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกนาง นางทราบดีว่าตอนนี้เผชิญปัญหาเข้าจริงๆ แล้ว เจออันตรายอย่างแท้จริงแล้ว!
“ไป!” เฮ้ยหมู่ตานตะโกนบอก เหินออกจากหลังม้าทะยานขึ้นสู่ภูเขา
ต้วนหู่ก็เหินตามออกไป ในขณะที่ทั้งสองเหินออกจากพาหนะก็ได้โยนหมวกม่านแพรทิ้ง เผยใบหน้าที่แท้จริงออกมา หลบหนีเอาชีวิตรอดด้วยความแตกตื่น!
บนท้องนภา วิหคยักษ์ห้าตัวกระจายตัวออกไป ค้นหาไปทั่วบริเวณ เดี๋ยวบินสูง เดี๋ยวโฉบต่ำ
วิหคยักษ์ตัวหนึ่งแทบจะบินขนานเรี่ยไปกับพื้น เมื่อโฉบผ่านเหนือร่างอาชาทั้งสองไปก็เชิดหัวบินขึ้นสู่อากาศ ไล่ตามทั้งสองคนที่เหินทะยานขึ้นเขาไป
“แกว่ก!” วิหคยักษ์เปล่งเสียงร้องแหลมแจ้งเตือน
วิหคอีกสี่ตัวที่บินอยู่รอบๆ เปลี่ยนทิศทางทันที ปีกสยายกระพือเร็วขึ้นกว่าเดิม เร่งความเร็วไล่ตามมาทางด้านนี้
ไม่นานนักเฮยหมู่ตานและต้วนหู่ก็ถูกต้อนขึ้นไปถึงยอดเขา อีกด้านของภูเขาคือผาขาดแห่งหนึ่ง ภายในหุบเหวเบื้องล่างมีสายน้ำเชี่ยวกรากกำลังส่งเสียงคำราม
วิหคยักษ์ตัวหนึ่งบินวนอยู่เหนือศีรษะพวกเขา อีกสองตัวบินวนล้อมรอบตัวพวกเขา มีอีกตัวร่อนลงบนฝั่งตรงข้ามของหุบเหว ส่วนตัวสุดท้ายบินร่อนกลับไปกลับมาเหนือแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวอยู่ในร่องเหว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า