ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 39

ตอนที่ 39 จะเดิมพันหรือไม่

เรื่องราวที่บอกเล่าก็ไม่พ้นไปจากเรื่องทัพกาทมิฬแสนตัวนั้น

หลังจากได้ฟังความจริง หนิวโหย่วเต้าพลันกระจ่าง เดิมทีราชสำนักต้องการขุดรากถอนโคนกองกำลังของหนิงอ๋อง ตามหลักแล้วซางเฉาจงต้องตายแน่นอน ทว่าอาจารย์หลานผู้นี้ต้องการปกป้องซางเฉาจงจึงจงใจกุข่าวลือขึ้นมา เขาเล็งเห็นว่าแคว้นเยี่ยนมีศึกรุมเร้าทั้งนอกใน สถานการณ์ระส่ำระส่าย ทราบว่าโอกาสมาถึงแล้ว จึงใส่ไฟเข้าไปอีก กล่าวอ้างชี้นำอย่างลับๆ ว่าสถานที่แอบซ่อนทัพกาทมิฬแสนตัวนั้นอยู่ที่อำเภอชางหลู นี่จึงทำให้ซางเฉาจงได้ออกจากคุกมาเห็นเดือนเห็นตะวันอีกครั้ง

และเขาก็เข้าใจแล้วเช่นกันว่าเหตุใดพวกเขาถึงไม่อยากบอกความจริงให้ทราบ เพราะถ้าเกิดเขาเป็นสายสืบที่ราชสำนักส่งมา ทันทีที่ล้วงความจริงจากปากพวกเขาได้ และทำให้ราชสำนักทราบว่าทัพกาทมิฬแสนตัวนั้นเป็นเพียงข่าวลวงแล้วล่ะก็ เพียงแค่คิดก็คงจะรู้แล้วว่าจะเกิดผลลัพธ์แบบไหนขึ้น เรื่องเกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของคนมากมายปานนี้ หนิวโหย่วเต้าก็พอจะเข้าใจได้

เขาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองซางซูชิงอีกหลายครา เมื่อครู่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายยอมพูดเพราะได้รับสัญญาณจากสตรีนางนี้ เขาพบว่าสตรีนางนี้น่าสนใจอยู่บ้างจริงๆ หนิวโหย่วเต้าใคร่ครวญแวบหนึ่ง เอ่ยถามอีกว่า “ท่านอาจารย์หลานคงจะมิได้ชี้เป้าว่ากาทมิฬซ่อนอยู่ที่อำเภอชางหลูโดยไร้จุดมุ่งหมายกระมัง?”

หลานรั่วถิงอธิบายว่า “ภูมิประเทศของอำเภอชางหลูซับซ้อนอันตราย ป้องกันง่ายโจมตียาก ท่านอ๋องไปแล้วจะตั้งหลักได้ง่ายขึ้น”

หนิวโหย่วเต้าเหลือบมองอย่างเฉยชา เอ่ยว่า “ทหารม้าห้าร้อยนายอยู่ในที่ราบรบได้ไม่มีปัญหา แต่สภาพภูมิประเทศที่ซับซ้อนอันตรายกลับกลายเป็นจุดอ่อน ทหารม้าไม่อาจเคลื่อนไหวได้ ต่อให้อำเภอชางหลูมีภูมิประเทศซับซ้อนอันตรายแล้วจะมีประโยชน์อันใด มีทหารม้าป้องกันอำเภอชางหลูเพียงห้าร้อยนายจะสามารถต้านรับทัพใหญ่จากราชสำนักได้หรือ? หรือท่านอาจารย์หลานเห็นข้าอ่อนวัยจึงคิดว่าจะหลอกได้ง่ายๆ?”

วาจานี้ทำเอาหลานรั่วถิงกระอักกระอ่วนขึ้นมาเล็กน้อย ซางซูชิงรีบเอ่ยรอมชอมว่า “สมัยที่เสด็จพ่อยังอยู่ ท่านได้ซ่อนตัวคนเก่าคนแก่บางส่วนเอาไว้ จัดให้อยู่ที่อำเภอชางหลู”

หนิวโหย่วเต้าถาม “จำนวนเท่าไร?”

ซางซูชิงถอนใจเบาๆ “มาตรว่าเมื่อครั้งที่เสด็จพ่อยังอยู่จะได้กุมอำนาจกองทหารแคว้นเยี่ยน แต่ก็เหมือนดั่งคำกล่าวที่ว่าไม้ล้มลิงกระเจิง[1] ประกอบกับปัจจุบันนี้มีการกวาดล้างอย่างแข็งขัน เหลือผู้ภักดีที่ไว้ใจได้ไม่มากนัก มีคนคอยเสด็จพี่อยู่อำเภอชางหลูเพียงแค่พันคนเท่านั้น ไม่กล้ารับคนทั่วไปเข้ามาเพิ่ม”

พอคุยกันมาถึงตรงนี้ หนิวโหย่วเต้ากลับแปลกใจอยู่หลายส่วน “ชื่อเสียงของหนิงอ๋องกระหม่อมเองก็เคยได้ยินมาเช่นกัน ขุนพลเลื่องชื่อในสนามรบไหนเลยจะเป็นคนไร้หัวคิดได้ ต่อให้ต้องการฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ของราชวงศ์อู่และสยบผู้บำเพ็ญเพียรทั่วหล้า แต่พระองค์ก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องพูดออกมาตรงๆ เลย เหตุไฉนพระองค์ถึงต้องล่วงเกินผู้บำเพ็ญเพียรทั่วหล้าด้วยเล่า?” มีบางประโยคที่เขาไม่ได้พูดออกไป นั่นคือหากมิใช่เพราะเหตุนี้ ถ้าจอมพลทหารม้าผู้สูงส่งองอาจมีผู้บำเพ็ญเพียรยอดฝีมือสักกลุ่มคอยอารักขาคุ้มกันล่ะก็ เขาไหนเลยจะถูกลอบสังหารได้ง่ายดายปานนั้น

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ ก็ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้พวกเขากระดากใจ แนวคิดของหนิงอ๋องได้ขัดผลประโยชน์ของผู้บำเพ็ญเพียรทั่วหล้า ส่วนเต้าเหยี่ยผู้นี้เองก็เป็นผู้บำเพ็ญเพียรเช่นกัน

ซางเฉาจงที่เฝ้ามองหนิวโหย่วเต้าอย่างเงียบๆ มาตลอดพลันเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เรื่องนี้เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเจ้าเหนือหัวองค์ปัจจุบัน”

หนิวโหย่วเต้าร้องโอ้ ถามต่อว่า “ไยจึงกล่าวเช่นนี้?”

หลานรั่วถิงถอนหายใจพลางเอ่ยว่า “ผู้บำเพ็ญเพียรและสำนักนิกายต่างๆ ในใต้หล้าจำเป็นต้องให้การสนับสนุนตัวแทนในโลกปุถุชนของตนเองเพื่อให้พวกเขาส่งมอบผลประโยชน์ต่างๆ มาให้พวกตน หรือก็คือสิ่งที่เรียกว่าทรัพยากรบำเพ็ญเพียร ส่วนตัวแทนในโลกปุถุชนเหล่านั้นก็ไม่ยินดีที่จะเป็นหุ่นเชิดให้ผู้อื่นคอยควบคุมอยู่ตลอด จึงคอยชักจูงสำนักและนิกายต่างๆ ให้ขัดแข้งขัดขากันเอง เพื่อไม่ให้สำนักใดสำนักหนึ่งได้เป็นใหญ่ มิเช่นนั้นพวกเขาจะมีภัยถึงชีวิตได้ทุกเมื่อ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดเป็นสถานการณ์ของใต้หล้าในปัจจุบันนี้ อันที่จริงราชสำนักของแคว้นต่างๆ ไม่มีผู้ใดยินดีถูกคนในโลกบำเพ็ญเพียรบังคับข่มขู่ ความคิดที่อยู่ในใจเกรงว่าคงมิได้ต่างไปจากหนิงอ๋องมากนัก เพียงแต่ไม่มีผู้ใดกล้าแสดงท่าทีออกมาเท่านั้น อีกทั้งหนิงอ๋องเองก็มิใช่คนโง่ จะหาเรื่องทำให้โลกบำเพ็ญเพียรโกรธเคืองทำไมกัน เรื่องนี้หากจะว่ากันตรงๆ แล้วก็เป็นเพราะมีคนเล่นเล่ห์อยู่เบื้องหลัง อันที่จริงเมื่อในอดีต อดีตองค์ฮ่องเต้ทรงมีพระประสงค์จะยกราชบัลลังก์ให้หนิงอ๋อง ทว่าจู่ๆ แนวคิดอันสุดโต่งของหนิงอ๋องก็ถูกเผยออกมา ภายใต้แรงกดดันจากกลุ่มอำนาจต่างๆ ภายในโลกบำเพ็ญเพียร อดีตองค์ฮ่องเต้ทรงเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลอย่างที่คนนอกไม่มีทางนึกภาพออก ในท้ายที่สุด จู่ๆ อดีตองค์ฮ่องเต้ก็สิ้นพระชนม์อย่างกะทันหัน สาเหตุการสิ้นพระชนม์ไม่ชัดเจน จากนั้นก็มีราชโองการสั่งเสียให้มอบราชบัลลังก์แก่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ภายในเรื่องราวนี้มีความแปลกประหลาดแอบแฝงอยู่มากมายนัก! ”

พอเอ่ยมาเช่นนี้ หนิวโหย่วเต้าพลันเข้าใจ ว่ากันตรงๆ แล้วเบื้องลึกเบื้องหลังของเรื่องราวนี้ก็คือการต่อสู้ช่วงชิงบัลลังก์นั่นเอง

เขาไม่สนใจเรื่องนี้ เพียงแค่อยากทำความเข้าใจสถานการณ์เท่านั้น หลังจากรู้แล้วก็ไม่พูดอะไรมากอีก นำแผนที่แคว้นเยี่ยนมาคลี่กางบนโต๊ะ

ซางเฉาจงมีท่าทีคล้ายเพียงแค่ต้องการมองดูอยู่เฉยๆ เท่านั้น เขาอยากดูว่าเต้าเหยี่ยผู้นี้จะทำอะไร

สายตาของซางซูชิงที่อยู่ภายใต้หมวกม่านแพรมองไปที่หนิวโหย่วเต้าเป็นระยะ ภายในใจมีความคาดหวังอยู่เล็กน้อย นางจำที่หยวนกังเคยบอกไว้ได้ สำหรับสถานการณ์ของพวกท่านแล้ว ตัวของเต้าเหยี่ยนั้นมีค่ายิ่งกว่าสภาวะของเขาเสียอีก มาตรว่านางจะรู้สึกสงสัยในเรื่องนี้ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เชื่อเลยแม้เพียงนิด ก่อนหน้านี้ก็เป็นเพราะเห็นเขาอายุยังน้อยจึงดูแคลนสภาวะของเขาไป ผลคือพอลงมือกลับสร้างความตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง ให้ความรู้สึกคมในฝัก ด้วยเหตุนี้จึงค่อนข้างมีความคาดหวังในตัวเขา

บนแผนที่ พื้นที่ของแคว้นเยี่ยนไม่ใหญ่เท่าแคว้นอื่น ทิศตะวันออกมีแคว้นซ่ง ทิศเหนือมีแคว้นหาน ทิศตะวันตกมีแคว้นจ้าว ทิศใต้ติดมหาสมุทรกว้างใหญ่ อำเภอชางหลูตั้งอยู่ในจังหวัดชิงซานมณฑลหนานโจวของแคว้นเยี่ยน อยู่ในตำแหน่งติดชายทะเลของจังหวัดชิงซานพอดี ทางตะวันออกติดกับจังหวัดกว่างอี้ ทางตะวันตกมีอำเภอหนึ่งคั่นไว้ อยู่ใกล้กับแคว้นจ้าว

มณฑลหนานโจวมีทั้งหมดสิบเอ็ดจังหวัด จังหวัดชิงซานและจังหวัดกว่างอี้ล้วนอยู่ใต้การปกครองของมณฑลหนานโจว โจวโส่วเสียนผู้ว่าการมณฑลเป็นเสนาบดีคนสนิทของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ได้รับการแต่งตั้งให้ดูแลมณฑลแห่งนี้ จึงย่อมมีความสามารถอยู่หลายส่วน คอยข่มเฟิ่งหลิงปอที่เป็นผู้ว่าการจังหวัดกว่างอี้มาโดยตลอด…

หลังจากฟังหลานรั่วถิงชี้แจงถึงสถานการณ์โดยรอบของอำเภอชางหลูแล้ว หนิวโหย่วเต้าก็ชี้ไปยังจังหวัดกว่างอี้ที่อยู่ในแผนที่ เอ่ยถามว่า “เป็นแค่จังหวัดเล็กๆ แห่งหนึ่ง แต่เฟิ่งหลิงปอก็ยังกล้ากำเริบเสิบสานแข็งข้อกับราชสำนัก สำนักบำเพ็ญเพียรที่หนุนหลังเขาอยู่คงแข็งแกร่งทีเดียวกระมัง?”

หลานรั่วถิงลูบเคราพยักหน้ารับ “เป็นเช่นนั้นจริงๆ ผู้ที่หนุนหลังเฟิ่งหลิงปออยู่คือสำนักหยกสวรรค์ เป็นสำนักบำเพ็ญเพียรอันดับต้นๆ ของแคว้นเยี่ยน เผิงอวี้หลานที่เป็นภรรยาเฟิ่งหลิงปอคือบุตรสาวของเผิงโย่วไจ้ผู้เป็นเจ้าสำนักหยกสวรรค์คนปัจจุบัน เฟิ่งหลิงปอสามารถสร้างอิทธิพลในจังหวัดกว่างอี้ได้สำเร็จ เรียกได้ว่าสำเร็จเพราะเผิงอวี้หลาน แต่ก็พลาดท่าเพราะเผิงอวี้หลานเช่นกัน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า