ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 407

ตอนที่ 407 ความผิดบาป

บุตรชายที่อยู่ด้านหน้าคนนี้ยังหนุ่มแน่น แต่ผมกลับขาวหงอกไปเกินครึ่งหัวแล้ว บุตรชายที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ไอออกมาเป็นเป็นเลือด และเป็นบุตรชายที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ที่ตะโกนตำหนิตนด้วยความโกรธ เซ่าเติงอวิ๋นพิงราวกั้นมองบุตรชายที่อยู่ตรงหน้าแล้วส่ายหน้าช้าๆ ความเงียบคือเสียงที่ดังที่สุด

เซ่าผิงปอหายใจหอบถี่ คล้ายจะรู้สึกตัวแล้วว่าไม่ควรพูดกับบิดาตนเช่นนี้ จึงปรับน้ำเสียงให้อ่อนลง

“อย่างน้อยที่สุด การที่ตระกูลเซ่ามาถึงจุดนี้ได้ก็ไม่เหลือทางให้ถอยแล้ว แล้วก็จะถอยไม่ได้เช่นกัน ทันทีที่ถอยจะต้องเผชิญกับหายนะที่ไม่อาจฟื้นฟูกลับมาได้แน่นอน ผู้ใดจะยอมปล่อยพวกเราไป? ไม่ว่าจะแคว้นเยี่ยนหรือแคว้นหานล้วนจะขุดรากถอนโคนตระกูลเซ่า! เมื่อตระกูลเซ่าล่มสลาย ท่านพ่อน่าจะจินตนาการได้กระมังว่าจุดจบของหลิ่วเอ๋อร์จะเป็นอย่างไร คนเหล่านั้นจะยอมปล่อยหลิ่วเอ๋อร์ไปเหมือนไม่เคยมีเรื่องใดเกิดขึ้นหรือ? หรือท่านทนเห็นหลิ่วเอ๋อร์กลายเป็นนางโลมในหอคณิกาที่ผู้ใดก็ย่ำยีได้? ท่านพ่อ ขอเพียงตระกูลเซ่ายังอยู่ ผู้ใดก็แตะต้องหลิ่วเอ๋อร์ไม่ได้ทั้งสิ้น ขอเพียงยังมีอำนาจหนุนหลังหลิ่วเอ๋อร์อยู่ เฮ่าเจินจะต้องดีต่อหลิ่วเอ๋อร์แน่ แม้ว่าจะเป็นการสวมหน้ากากเสแสร้งก็ตาม”

“ท่านพ่อ ท่านยอมฟังข้าสักครั้งเถิด ให้หลิ่วเอ๋อร์ออกเรือนกับเฮ่าเจินมิใช่เรื่องเลวร้ายเลยจริงๆ ลูกทำเพราะหวังดีต่อนางจริงๆ จากนี้ต่อให้ตระกูลเซ่าล่มสลาย แต่ขอเพียงหลิ่วเอ๋อร์ยังเป็นพระชายาอยู่ อย่าว่าแต่จะอยู่สุขสบายไร้กังวลเลย ต่อให้ตายก็ยังได้ตายอย่างมีศักดิ์ศรี ไม่ต้องไปถูกผู้อื่นย่ำยีเหยียดหยาม”

“ท่านพ่อ เรื่องบางเรื่องมันก็หมดหนทางแล้ว หากจะพูดถึงความลำบาก ก็บอกได้เพียงว่าหลิ่วเอ๋อร์ชะตารันทดไม่ควรเกิดมาในตระกูลเซ่าเลย ตอนท่านพ่อเป็นขุนนางรับใช้แคว้นเยี่ยน หากเราไม่ทรยศต่อแคว้นเยี่ยน บทลงเอยของหลิ่วเอ๋อร์จะเป็นอย่างไรท่านก็รู้แก่ใจดี ตอนนี้มันก็เหมือนกัน หากตระกูลเซ่าพังพินาศ หลิ่วเอ๋อร์ก็ยากจะหนีรอดภัยไปได้ ตั้งแต่วันที่นางถือกำเนิดขึ้นมาในตระกูลเซ่า นางก็ถูกลิขิตให้ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องราวหลายอย่างแล้ว หาใช่ข้าต้องการทำร้ายนางไม่!”

เซ่าเติงอวิ๋นเอ่ยด้วยสีหน้าโศกหมอง “สรรหาเหตุผลมากล่าวอ้าง! เหตุใดเจ้าถึงไม่ถามความสมัครใจของตัวหลิ่วเอ๋อร์เอง? ไยเจ้าไม่เอาเหตุผลเหล่านี้ไปพูดให้นางฟังแล้วให้นางเลือกเองเล่า ดูว่านางยินดีจะรับเกียรติยศรุ่งโรจน์ที่เจ้ามอบให้หรือเปล่า?”

เซ่าผิงปอกล่าวว่า “หลิ่วเอ๋อร์อ่อนต่อโลก ตอนนี้ไม่มีวุฒิภาวะพอจะเลือกได้ ในฐานะพี่ชาย ข้าต้องรับผิดชอบช่วยชี้แนวทางให้นาง! ข้ายินดีให้นางนึกเสียใจเพียงชั่วคราว ดีกว่าให้นางนึกเสียใจไปชั่วชีวิต”

เซ่าเติงอวิ๋นกัดฟันถาม “นี่เจ้าคิดจะบังคับให้นางออกเรือนหรือ?”

เซ่าผิงปอส่ายหน้า “ท่านพ่อวางใจเถอะ ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับความสมัครใจ ข้าเพียงมอบทางเลือกให้นางเท่านั้น ไม่มีทางบังคับนางแน่นอน หากนางยินดีแต่งก็แต่ง หากไม่ยินดีแต่ง ข้าก็ไม่บังคับ!”

วาจานี้ทำให้เซ่าเติงอวิ๋นกับหยางซวงผงะไปพร้อมกัน นึกสงสัยว่าตนหูฝาดไปหรือไม่ ด้วยนิสัยของเซ่าหลิ่วเอ๋อร์แล้ว นางจะตอบตกลงออกเรือนได้อย่างไร ส่วนคนผู้นี้ก็เจรจากับทางแคว้นฉีไว้แล้ว หากเกิดเหตุเหนือความคาดหมายขึ้น เขาจะยอมรับได้หรือ?

เซ่าเติงอวิ๋นจี้ถามทันที “คำพูดนี้เป็นความจริง?”

เซ่าผิงปอตอบว่า “ขอเพียงท่านพ่อยอมรับปากว่าจะให้หลิ่วเอ๋อร์ได้เลือกเอง ไม่ทำเรื่องใดๆ ที่จะรบกวนการตัดสินใจของหลิ่วเอ๋อร์ ข้าก็รับปากท่านพ่อว่าจะไม่บังคับนางแน่นอน!”

“ได้!” เซ่าเติงอวิ๋นชี้เขา “เจ้าพูดเองนะ”

เซ่าผิงปอตอบว่า “ไม่ผิดคำพูดแน่นอนขอรับ!”

ในเวลานี้เอง เซ่าซานเสิ่งที่รออยู่ด้านนอกก็เร่งเดินเข้ามา รายงานว่า “นายท่าน คุณชายใหญ่ คุณหนูมาขอเข้าพบอยู่ด้านนอกขอรับ”

เซ่าเติงอวิ๋นชี้ไปทางเซ่าผิงปอ “มาแล้ว ในเมื่อนางมาหาเจ้าแล้ว เจ้าก็อธิบายเอาเองเถอะ”

บุตรสาวร่ำไห้มาขอคำอธิบายจากเขา แต่รายละเอียดเรื่องราวเป็นอย่างไรเขาไม่ทราบแน่ชัด จึงไม่สามารถอธิบายอะไรได้ บอกให้นางรอคอยพี่ใหญ่ของนางกลับมาอธิบายเอง

“แค่กๆ!” เซ่าผิงปอกำมือป้องปากไอเล็กน้อย หันไปเอ่ยว่า “เชิญเข้ามา!”

“ขอรับ!” เซ่าซานเสิ่งเดินออกไป

ผ่านไปสักพัก เซ่าหลิ่วเอ๋อร์เร่งเดินเข้ามา

ภายในระเวลาเพียงไม่กี่ปี รูปร่างของนางงามสง่าเพรียวบางขึ้นเรื่อยๆ ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นไม่น้อย ความสดใสไร้เดียงสาไม่รู้จักโตหายไปไม่น้อยทีเดียว

“ท่านพ่อ!” เซ่าหลิ่วเอ๋อร์คารวะเพียงเซ่าเติงอวิ๋น ไม่ได้คารวะพี่ใหญ่ของตน หากแต่ถามไปตรงๆ ว่า “พี่ใหญ่ ด้านนอกมีข่าวลือว่าท่านจะให้ข้าออกเรือนเป็นชายาใหม่ของอิงอ๋องแห่งแคว้นฉี จริงหรือไม่?”

เซ่าผิงปอหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดคราบเลือดตรงมุมปาก แล้วก็เช็ดคราบเลือดที่ไอเปื้อนฝ่ามือช้าๆ เอ่ยเสียงเรียบเฉยว่า “เรื่องราวเป็นเช่นนี้จริง ตอนที่ข้าเดินทางไปแคว้นฉี บังเอิญว่าเฮ่าเจินตกพุ่มม่ายพอดี ด้วยเหตุนี้จึงทูลขอสมรสพระราชทานจากฮ่องเต้เฮ่าอวิ๋นถูแห่งแคว้นฉี ฮ่องเต้แคว้นฉีตอบตกลงแล้ว กลับมาครั้งนี้เตรียมจะบอกข่าวมงคลนี้กับเจ้าอยู่พอดี ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะทนรอไม่ไหวจนเป็นฝ่ายมาหา”

พอได้รับคำยืนยันจากปากเขา เซ่าหลิ่วเอ๋อร์ใจหายวาบ เอ่ยด้วยความโกรธ “พี่ใหญ่ลืมเรื่องที่รับปากข้าไว้แล้วหรือ?”

เซ่าผิงปอเหลือบมองพลางเอ่ยว่า “รับปากหรือ? รับปากเรื่องใด?”

เซ่าหลิ่วเอ๋อร์กล่าวว่า “ถานเย่าเสียน! พี่ใหญ่เคยรับปากข้าไว้ว่าท่านจะให้เวลาถานเย่าเสียนสามปี ท่านเคยบอกว่าขอเพียงเขาสร้างผลงานตั้งตัวได้ภายในสามปี ท่านก็จะยอมให้ข้าออกเรือนกับเขา นี่ยังไม่ครบกำหนดสามปีเลย ไยท่านถึงผิดคำพูด”

“ถานเย่าเสียน?” เซ่าผิงปอใช้ผ้าเช็ดหน้าถูฝ่ามือแล้วเอ่ยไปว่า “หลิ่วเอ๋อร์ ลืมคนผู้นั้นเสียเถิด เขาไม่มีทางกลับมาหาเจ้าอีกแล้ว”

เซ่าหลิ่วเอ๋อร์เอ่ยอย่างโกรธเคือง “ท่านมีสิทธิ์อะไรมาว่าเขาเช่นนี้? ข้ารับปากแล้วว่าจะรอเขาสามปี ยังไม่ครบกำหนดสามปี ข้าจะไม่แต่งกับผู้ใดทั้งนั้น ผู้ใดกล้าบังคับข้า ข้าจะตายให้ดู!”

เซ่าผิงปอเอ่ยว่า “อย่าว่าแต่สามปีเลย ต่อให้รออีกสามสิบปีเขาก็ไม่มีทางกลับมาอีก วันนั้นที่พวกเจ้าหนีตามกันไป หลังจากเขาแยกกับเจ้าแล้ว ข้าได้รับข่าวว่าบัณฑิตปวกเปียกที่ไร้เรี่ยวแรงจะเชือดไก่อย่างเขาพบโจรร้ายเข้า จึงสิ้นชีพด้วยน้ำมือโจร ไม่มีวันกลับมาแล้ว”

เซ่าเติงอวิ๋นและหยางซวงจ้องมองเขาอย่างรวดเร็ว ต่างตระหนักได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า