ตอนที่ 406 ลูกอกตัญญู
แม้ว่าจะสันนิษฐานไว้แล้ว แต่พอได้รับคำยืนยันจากอีกฝ่าย หยวนกังก็ยังตกใจอย่างมากอยู่ดี ได้ยินว่าคนผู้นี้เป็นพี่สาวของฮ่องเต้แคว้นเว่ย ส่วนฮ่องเต้แคว้นเว่ยก็ขึ้นชื่อเรื่องบริหารบ้านเมืองไม่อ่าว ร่ำลือกันว่าผู้กุมอำนาจปกครองแคว้นเว่ยตัวจริงคือสตรีนางนี้
หยวนกังไม่ทราบว่าข่าวลือเป็นจริงหรือเท็จประการใด แต่ข่าวลือย่อมมีมูลอยู่บ้าง องค์หญิงใหญ่คนหนึ่งสามารถกลายเป็นมหาเสนาบดีประจำแคว้นได้ เห็นได้ชัดว่าไม่ธรรมดา
บุคคลเช่นนี้ดันบังเอิญมารู้จักกับเขาในสถานการณ์เช่นนี้ได้ ทำให้เขาแปลกใจอย่างมาก
หยวนกังเอ่ยถาม “มหาเสนาบดีแคว้นเว่ย ไฉยถึงมาปรากฏตัวในสถานที่เช่นนี้ได้?”
เสวียนเวยฟังความหมายในวาจาเขาออก มหาเสนาบดีแห่งแคว้นแคว้นหนึ่งออกเดินทางข้างกายน่าจะมีคนจำนวนมากติดตามคุ้มกันถึงจะถูก นางยิ้มพลางเอ่ยตอบไปว่า “ก่อนหน้านี้ไปคารวะหลานหมิงประมุขแห่งหอไร้ขอบเขตมา เดินทางข้ามพรมแดนแคว้นอื่นไม่สะดวกจะเปิดเผยโจ่งแจ้ง” จากนั้นผายมือแนะนำบุรุษข้างกาย “นี่คือสหายของข้า ซีเหมินชิงคง”
ท่าทางนั้นคล้ายกำลังบอกว่ามีผู้นี้คุ้มกันก็เพียงพอแล้ว
หยวนกังจ้องมองไปที่ชายคนนั้นทันที “ท่านคือซีเหมินชิงคงยอดฝีมืออันดับหนึ่งบนทำเนียบโอสถ?”
บางทีเขาอาจจะจำชื่อหจำนวนมากบนทำเนียบโอสถไม่ได้ แต่ชื่อของอันดับหนึ่งบนทำเนียบโอสถย่อมจำได้แม่นอย่างแน่นอน
ซีเหมินชิงคงเอ่ยเสียงเรียบ “เรื่องบางอย่างฟังหูไว้หูก็พอ อย่าถือเป็นจริงเป็นจัง ข้าก็ไม่ได้แข็งแกร่งถึงขั้นที่กล้าเรียกตนว่าอันดับหนึ่ง เกียรตินี้เป็นผู้อื่นมอบให้ ทำเนียบโอสถจัดลำดับกันอย่างไรก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้า”
หยวนกังเอ่ยว่า “ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือ”
ซีเหมินชิงคงเอ่ยว่า “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ ข้าเองหาได้ช่วยเหลืออะไรเจ้าไม่”
หยวนกังมิใช่คนขี้เกรงใจจนเกินไป ในเมื่ออีกฝ่ายบอกว่าไม่ต้องขอบคุณ เขาก็ไม่พูดอีก
กลับเป็นเสวียนเวยที่อดซักถามต่อไม่ได้ “น้องหยวน เหตุใดดาบสามคำรามถึงมาอยู่กับเจ้าได้ แล้วเหตุใดหอจันทร์กระจ่างถึงตามล่าเจ้า?”
หยวนกังตอบสั้นๆ “ยากจะบอกเล่าได้!”
เสวียนเวยร้องโอ้คำหนึ่ง เมื่ออีกฝ่ายไม่อยากเล่า นางเองก็ไม่ซักไซ้อีก เปลี่ยนหัวสนทนาไปเสีย “น้องหยวนสามารถควบคุมแมงป่องทรายได้หรือ?”
หยวนกังตอบว่า “ไม่ถึงขั้นที่เรียกว่าควบคุม ข้าเองก็ค้นพบวิธีโดยบังเอิญระหว่างที่หลบหนีก่อนหน้านี้”
สองชายหญิงสบตากัน ต่างนึกว่าหยวนกังอยากเก็บความลับไว้ไม่ยอมแพร่งพราย เมื่อเป็นเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายจึงไม่สะดวกจะถามมาก
เสวียนเวยเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอีกครั้ง “น้องหยวนกังจะไปที่ใดหรือ?”
“ไปไหนอย่างนั้นหรือ?” หยวนกังเหม่อลอย ซูจ้าวตายแล้ว เขาก็ไม่ทราบเช่นกันว่าตนสมควรไปที่ใดอีก จึงพึมพำกับตัวเองว่า “กลับจังหวัดชิงซานกระมัง!”
เขาไม่ใช่คนทะนงตัว หลังเผชิญสถานการณ์วิกฤตชนตอเข้าอย่างจัง เขาก็รู้ตัวแล้วว่าเขาไม่มีความสามารถพอจะควบคุมสถานการณ์อันซับซ้อนได้ แม้ว่าเขาจะดูถูกเซ่าผิงปอ ก่อนหน้านี้คิดว่าอีกฝ่ายก็เป็นแค่คนธรรมดา ตนเองก็เป็นคนธรรมดาเช่นกัน เซ่าผิงปอสามารถจัดการชีวิตได้เป็นอย่างดี แล้วทำไมคนที่เคยผ่านประสบการณ์ชีวิตในอีกโลกหนึ่งมาแล้วอย่างตนจะทำไม่ได้? ตอนนี้พอสงบใจลองใคร่ครวญดูก็รู้ว่าความสามารถของตนเทียบอีกฝ่ายไม่ติดเลย
ตอนที่อยู่ข้างกายหนิวโหย่วเต้า หลายเรื่องราวดูแล้วเหมือนไม่มีอะไรซับซ้อนยุ่งยาก แต่ความจริงแล้วหาได้เป็นไปตามนั้นจริงๆ ไม่ นั่นเป็นเพราะเต้าเหยี่ยจัดการทุกอย่างไว้แล้วถึงสั่งให้เขาไปจัดการต่างหาก
ตามที่ชายไว้เคราคนนั้นกล่าวไว้ หนนี้หากมิใช่เพราะเต้าเหยี่ยเตรียมทางหนีทีไล่ไว้ให้เขาล่วงหน้า หากว่าชายไว้เคราคนนั้นลงมือสังหารเขาทันทีที่เจอเขา เกรงว่าเขาคงรอดชีวิตมาไม่ได้ถึงตอนนี้
อีกทั้งก่อนหน้านี้ เขาสั่งให้พวกหยวนเฟิงสลายตัวแยกย้ายกลับไปยังจังหวัดชิงซานแล้ว
พอเห็นว่าสุ้มเสียงเขาคล้ายจะแฝงความลังเลเอาไว้ เสวียนเวยพลันตาเป็นประกาย รีบเอ่ยเชิญชวนทันที “น้องหยวน อยากไปเที่ยวเล่นที่แคว้นเว่ยของข้าสักคราหรือไม่?”
….
ณ สวนไม้เลื้อย อวี้ชางยืนอยู่ใต้ดงไผ่ รับฟังตู๋กูจิ้งที่รายงานข่าวอยู่ด้านข้าง
“ราชาแมงป่องทรายช่วยพวกเขาไว้อย่างนั้นหรือ?” หลังจากอวี้ชางฟังรายงานจบก็หันไปเอ่ยถาม คล้ายจะสงสัย
ตู๋กูจิ้งเอ่ยว่า “ศิษย์ก็สงสัยว่าจะเป็นข้ออ้างเพื่อปัดความรับผิดชอบขอรับ เพียงแต่ผู้อาวุโสไป๋บอกว่ามีพยานบุคคล ในช่วงเวลานั้นบังเอิญพบซีเหมินชิงคงและเสวียนเวยระหว่างทาง ทั้งสองก็เห็นเหตุการณ์ขอรับ บอกว่าทั้งสองคนสามารถเป็นพยานได้ ส่งคนไปสอบถามดูสักหน่อยก็สามารถยืนยันได้ขอรับ”
อวี้ชางเอ่ยด้วยความแปลกใจ “เสวียนเวยไปที่ทะเลทรายแห่งนั้นหรือ?”
ตู๋กูจิ้ง “ในที่เกิดเหตุมีเพียงซีเหมินชิงคงและเสวียนเวยโดยสารวิหคตัวหนึ่งมาเท่านั้น ผู้อาวุโสไป๋สงสัยว่าจะไปคารวะหลานหมิงที่หอไร้ขอบเขตขอรับ”
อวี้ชางยกมือลูบเครา ใคร่ครวญแล้วพยักหน้าเล็กน้อย “มีโอกาสจะเป็นเช่นนี้จริงๆ ด้วยฐานะของเสวียนเวย ตามหลักแล้วก็มีเพียงความเป็นไปได้นี้เท่านั้น คนอื่นๆ ไม่คู่ควรพอให้นางเดินทางไกลไปพบด้วยตัวเอง” จากนั้นก็ถามอีกครั้ง “สรุปคือผู้อาวุโสไป๋สังหารซูจ้าวไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”
ตู๋กูจิ้งเอ่ยว่า “เป็นตายไม่ทราบแน่ชัดขอรับ แต่ผู้อาวุโสยืนยันว่าโจมตีซูจ้าวจนบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว”
อวี้ชางกล่าวว่า “เขาเคยบอกว่าจะรับผิดชอบด้วยตัวเอง ข้าไม่สนว่าเขาจะใช้วิธีการใด แต่ต้องยืนยันให้ได้ว่าซูจ้าวเป็นหรือตาย”
ตู๋กูจิ้งตอบรับ “ขอรับ ศิษย์เข้าใจแล้ว นี่คือบรรทัดฐาน ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยสิ่งใดก็ต้องกำจัดคนทรยศทิ้งให้จงได้ ไม่ปล่อยไว้เด็ดขาด”
อวี้ชางกล่าวว่า “ยังมีหยวนกังคนนั้นด้วย คอยจับตามองไว้ สามารถบงการกองทัพแม่ป่องทรายได้ ซ้ำยังควบคุมราชาแมงป่องทรายได้ พวกเราประเมินเขาต่ำไปจริงๆ นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคนมีความสามารถน่าอัศจรรย์ ไม่แปลกเลยที่หนิวโหย่วเต้าจะให้ความสำคัญกับเขาอย่างมาก หากว่าเป็นไปได้ก็หาทางดึงตัวเขามาจากหนิวโหย่วเต้าเสีย เขาได้รับโอสถเทพระทมไปแล้วมิใช่หรือ? ไม่ว่าจะทำอะไร ยิ่งมีคนมากความสามารถอยู่ในมือมากเท่าไรก็ยิ่งดี”
ตู๋กูจิ้งพยักหน้าเล็กน้อย “ขอรับ!”
“เฮ้อ เสียดายก็แต่เจ้าบอด พวกเราเสียสมบัติล้ำค่าไปแล้ว ทำเอาข้าปวดใจเหลือเกิน!” อวี้ชางถอนหายใจด้วยความเสียดาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า