ตอนที่ 413 มรสุมใกล้เข้ามาแล้ว
พอได้ยินวาจานี้ หลานรั่วถิงและเหมิงซานหมิงสื่อสารกันผ่านสายตา พวกเขานึกกลัวอยู่ว่าคนผู้นี้จะหวาดหวั่นในสำนักหยกสวรรค์จนไม่กล้าสอดมือเข้ามายุ่ง แล้วปล่อยให้ซางเฉาจงตกอยู่ในกำมือของสำนักหยกสวรรค์อย่างสมบูรณ์ หากว่าคนผู้นี้ไม่เข้ามายุ่งล่ะก็ ทางนี้ก็ไร้หนทางจะตอบโต้อันใดได้จริงๆ ทำได้เพียงคล้อยตามเท่านั้น แต่ยามนี้พอเห็นคนผู้นี้เตรียมตัดทางถอยของเฟิ่งหลิงปอไว้เรียบร้อย จึงมองออกว่าเตรียมแผนการรับมือไว้แล้ว ในเมื่อได้ทราบว่าอีกฝ่ายมีแผนการเตรียมไว้แล้ว ทั้งสองก็เบาใจขึ้นไม่น้อย
ผ่านไปสักพัก เฟ่ยฉางหลิว เซี่ยฮวาและเจิ้งจิ่วเซียวที่ไปกล่าวอำลาในฐานะเจ้าสำนักก็เดินเข้ามาเช่นกัน เฟิงเอินไท่เป็นตัวแทนสำนักหยกสวรรค์ออกมาส่งทั้งสามคน
พอส่งคนออกนอกประตูสำนักแล้ว เฟิงเอินไท่ก็ลากหนิวโหย่วเต้าออกไปอีกด้าน คำพูดที่เอ่ยก็เป็นพวกคำบอกลา พูดจาทำนองว่าตอนนี้อยู่ไม่ไกลกันแล้ว ต่อไปก็ไปมาหาสู่กันได้สะดวกขึ้น
หลังจากพูดตามมารยาทเสร็จ หนิวโหย่วเต้าก็ยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ยถามไปว่า “เป็นงานเลี้ยงที่ดี แต่กลับไม่มีเรื่องดีเลย นี่พี่ใหญ่ ร่วมมือกันขุดหลุมพรางดักทางฝั่งข้าเช่นนี้ ข้าไม่เชื่อว่าผู้อาวุโสแห่งสำนักหยกสวรรค์อย่างท่านจะไม่ทราบความเลยสักนิด เหตุใดถึงไม่บอกอะไรให้รู้บ้างเลย?”
เฟิงเอินไท่ถอนหายใจ เอ่ยไปว่า “น้องสาม เจ้าอย่าได้ขุ่นเคืองพี่ใหญ่เลย พี่ใหญ่ก็มีความลำบากใจของพี่ใหญ่เช่นกัน ระหว่างพวกเรา เรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวต้องแบ่งแยกกัน ไม่อาจเผยเรื่องส่วนรวมเพื่อประโยชน์ส่วนตัวได้”
หนิวโหย่วเต้าพยักหน้ารับ “ได้ ข้าจะจำประโยคนี้ของพี่ใหญ่ไว้ เรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวแบ่งแยกกัน หากมีโอกาสข้าจะส่งคืนวาจานี้ให้พี่ใหญ่แน่นอน หวังว่าพอถึงเวลานั้น พี่ใหญ่จะไม่ตำหนิข้า”
เฟิงเอินไท่ส่ายหน้าพลางยิ้มเจื่อน โบกมือเล็กน้อยสื่อว่าไม่อยากคุยเรื่องนี้ต่อแล้ว เรื่องบางอย่างตัวเขาในฐานะศิษย์สำนักหยกสวรรค์ก็ไม่สะดวกจะเข้าข้างคนนอกเช่นกัน พูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์
รอคอยต่อไปสักพัก ซางเฉาจงและเฟิ่งรั่วหนานก็กลับออกแล้ว เป็นเฟิ่งหลิงปอและเผิงอวี้หลานสองสามีภรรยาออกมาส่งด้วยตัวเอง
เมื่ออยู่ต่อหน้าทุกคน เผิงอวี้หลานเอ่ยกำชับบุตรสาวว่าให้ทำตัวสมเป็นศรีภรรยาคอยดูแลสามีอะไรทำนองนั้นต่อหน้าคนอื่น
แต่ผู้คนที่อยู่รอบข้างส่วนใหญ่ฟังแล้วกลับคิดไปในทางอื่น นี่เป็นเพราะรู้ตัวว่าฝั่งตนเองใช้แผนไม่ซื่อชิงอำนาจมา จึงพูดจาดูดีน่าฟังเพื่อปลอบใจซางเฉาจงอย่างนั้นหรือ?
อันที่จริงพวกเฟิ่งหลิงปอสามีภรรยาก็ทราบดีว่าทางนี้รวมหัวกันกดดันและเอาเปรียบซางเฉาจง ทว่าบุตรีกลับแต่งให้ซางเฉาจงไปแล้ว หากกลับไปแล้วเกิดซางเฉาจงระบายโทสะกับบุตรีของพวกเขาจริงๆ ล่ะก็ ความเป็นอยู่ของบุตรีคงยากลำบากแน่ แต่เรื่องบางเรื่องก็ไม่อาจคิดอะไรมากขนาดนั้นได้ ยังไงก็ต้องมีได้และมีเสีย ถึงอย่างไรบุตรีก็แต่งออกไปแล้ว ทว่าอนาคตของบุตรชายทั้งสองกลับขึ้นอยู่กับการแย่งชิงอำนาจในตอนนี้แล้ว
สิ่งเดียวที่สามารถทำเพื่อปลอบใจตนได้ก็คือหากครอบครัวตนได้ดีก็จะสามารถดูแลบุตรสาวได้
ในใจเฟิ่งรั่วหนานขมขื่นนัก ครอบครัวตนทำเช่นนี้จะให้นางทนรับความอดสู้ไหวได้อย่างไร นางไม่รู้เลยจริงๆ ว่าต่อไปจะเผชิญหน้ากับซางเฉาจงอย่างไร หากซางเฉาจงรับเลี้ยงอนุอีกหลายๆ คนล่ะก็ นางยังจะพูดอันใดได้หรือ?
เฟิ่งหลิงปอก้าวเข้ามายืนเบื้องหน้าหนิวโหย่วเต้า เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หนิวโหย่วเต้า ไม่ได้พบกันเสียนาน เติบโตขึ้นไม่น้อยเลยนะเนี่ย ความเยาว์วัยในปีนั้นลดลงไปหลายส่วนเลยทีเดียว”
หนิวโหย่วเต้าตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ไม่ได้พบกันเสียนานจริงๆ สีหน้าของผู้ว่าการเฟิ่งก็ดูดีกว่าในอดีตมาก ช่างสมเป็นคนสดใสด้วยมีเรื่องมงคลโดยแท้ จะว่าไปข้าก็นับว่าเป็นดาวนำโชคของผู้ว่าการเฟิ่งจริงๆ”
เฟิ่งหลิงปอร้องโอ้ ถามออกไป “หมายความว่าอย่างไรหรือ?”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ผู้ว่าการเฟิ่งลองตรองดูสิ ครั้งแรกที่ข้าได้พบผู้ว่าการ ผู้ว่าการก็ได้ส่งบุตรีออกเรือน เรียกได้ว่าเป็นมงคลใหญ่ ครั้งนี้ได้พบหน้าผู้ว่าการอีกครั้ง ก็ได้เป็นสักขีพยานในการรับอำนาจบัญชาการไพร่พลห้าจังหวัดของท่านผู้ว่าการ นี่ก็เป็นเรื่องมงคลเช่นกัน เมื่อคำนวณกันเช่นนี้แล้ว ข้าก็นับเป็นดาวนำโชคของท่านผู้ว่าการเฟิ่งมิใช่หรือ? เห็นทีว่าท่านผู้ว่าการเฟิ่งต้องมาพบหน้าข้าบ่อยๆ เสียแล้วล่ะ”
ภายนอกเฟิงหลิ่งปอหัวเราะออกไป แต่ในใจกลับถอนหายใจ ครานั้นส่งบุตรีออกเรือนรู้สึกว่าเป็นเรื่องมงคลนัก ต่อมาถึงได้ทราบว่าถูกหลอกต้มเข้าแล้ว คนผู้นี้ยังมีหน้ามาเอ่ยถึงเรื่องนั้นอีกหรือ?
ตอนนี้เขาคิดมาตลอดว่าเป็นฝีมือการวางแผนของหลานรั่วถิง จนกระทั่งภายหลังได้ยินเรื่องราวต่างๆ ของหนิวโหย่วเต้าเข้า ถึงได้ทราบว่าตนถูกหนิวโหย่วเต้าหลอกลวงเข้าแล้ว หลานรั่วถิงอันใดกัน เห็นๆ อยู่ว่าเป็นฝีมือของเจ้านี่
ทั้งสองสบตากันพลางแย้มยิ้ม แต่แววตากลับลุ่มลึกมีเลสนัย
เมื่อกลุ่มคนจากจังหวัดชิงซานลงเขาไป เฟิงเอินไท่ก็ให้เกียรติยิ่งนัก ติดตามไปส่งจนถึงตีนเขา
ส่วนผู้ว่าการจังหวัดทั้งสามกลับไม่ได้รีบจากไป ยังคงรั้งอยู่ในสำนักหยกสวรรค์ต่อเกือบครึ่งวันถึงได้จากไป
ยามที่พวกเขาจากไปก็เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว ส่วนพวกเฟิ่งหลิงปอสามีภรรยากลับยังไม่มีทีท่าจะจากไป ต้องการพำนักต่ออีกสองสามวัน
เรื่องบางเรื่องก็ต้องรอให้ทางสำนักหยกสวรรค์ทำการประสานงานในขั้นสุดท้ายก่อน ต้องดำเนินแผนงานตามที่ได้คุยกันไว้ให้สำเร็จเป็นจริง
หมู่เมฆยามสนธยาปกคลุมนภา พวกเฟิ่งหลิงปอสองสามีภรรยาเดินตามหลังเผิงโย่วไจ้ เดินชมทิวทัศน์อันงดงามบนภูเขาไปด้วยกัน
เผิงโย่วไจ้ทอดสายตามองตะวันแดงฉานที่ลับขอบฟ้าไปครึ่งหนึ่งแล้วพลางเอ่ยขึ้นว่า “บุตรเขยคนนั้นของพวกเจ้าคงขัดเคืองในตัวพวกเจ้าสามีภรรยาแล้ว”
เผิงอวี้หลานกล่าวว่า “ต่อให้ท่านพ่อปลดเขาออก เขาก็ทำได้เพียงยอมรับเท่านั้น”
“ยอมรับหรือ?” เผิงโย่วไจ้ปรายตามองนางเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปที่เฟิ่งหลิงปอต่อ “ไพร่พลสองแสนนายในปกครองของซางเฉาจง หากยกให้เจ้าทันที เจ้าสามารถควบคุมได้หรือไม่?”
“เอ่อ…” เฟิ่งหลิงปอลังเลอย่างเห็นได้ชัด สุดท้ายก็ตอบว่า “หากซางเฉาจงเห็นชอบยอมมอบให้ย่อมสามารถควบคุมได้ขอรับ หากว่าไม่ยินยอมล่ะก็…หลังจากซางเฉาจงตั้งตัวในพื้นที่สองจังหวัดได้ พรรคพวกเก่าของหนิงอ๋องซางเจี้ยนปั๋วที่เคยหายตัวหรือหลบซ่อนไปกบดานต่างทยอยปรากฏตัวแล้วเข้ามาสวามิภักดิ์ต่อซางเฉาจงโดยมีเหมิงซานหมิงเป็นแกนนำ คนเหล่านี้ล้วนเชี่ยวชาญการดูแลจัดการกองทัพ ภักดีต่อซางเจี้ยนปั๋วตราบสิ้นชีพ ยามนี้ยอมมอบความภักดีให้ซางเฉาจงเช่นกัน ไพร่พลสองแสนนายนี้เกรงว่าคนอื่นคงยากจะบัญชาการได้ขอรับ”
เผิงโย่วไจ้หันไปมองบุตรีอีกครั้ง สายตาที่มองคล้ายกำลังถามอยู่ว่าเจ้าได้ยินหรือ? จากนั้นก็ยิ้มเยาะเอ่ยไปว่า “ไพร่พลสองแสนนายหาใช่ข้าวชามหนึ่งไม่ เจ้าคิดว่าผู้ใดอยากกินล้วนกินได้อย่างนั้นหรือ? โลภไม่รู้จักอิ่มจะตายเอาง่ายๆ! หากบีบคั้นจนกลายเป็นสุนัขจนตรอกล่ะก็ ซางเฉาจงสั่งการเพียงประโยคเดียวก็ทำให้ห้าจังหวัดโกลาหลได้แล้ว อีกทั้งเบื้องหลังเขามีหนิวโหย่วเต้าคนนั้นอยู่ คนผู้นั้นก็รับมือได้ยากเช่นกัน”
เผิงอวี้หลานเอ่ยขึ้นว่า “ท่านพ่อ หากเป็นไปตามที่ท่านกล่าวมา ต่อให้ชิงมณฑลหนานโจวได้ แต่หากเขายังคุมไพร่พลสองแสนนายอยู่ พวกเราก็จัดการได้ลำบากอยู่ดี”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า