ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 422

ตอนที่ 422 เขาคิดจะทำอะไร?

ผู้บำเพ็ญเพียรที่อยู่ในมณฑลจินโจวต่างทราบกันว่าสถานที่แห่งนี้ถูกขนานนามว่า ‘เขตอากาศพิษ’ อากาศพิษที่ถือกำเนิดขึ้นที่นี่รุนแรงกว่าอากาศพิษทั่วไป สังหารคนได้อย่างไร้ร่องรอย ไม่มีผู้ใดกล้าฝ่าเข้าไป พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าโจรลักพาตัวกลุ่มนั้นจะกล้าหนีเข้าไป โจรพวกนั้นไม่รู้ถึงเรื่องนี้หรือว่าไม่กลัวกันแน่?

อย่างไรก็ตามเหล่า ผู้บำเพ็ญเพียรจากวังสวรรค์หมื่นวิมานทำได้เพียงหยุดฝีเท้าแล้วเบิกตามอง จากนั้นก็มองกันไปมองกันมา

พวกเขาไม่ได้จากไปในทันที หากแต่กระจายกำลังคนปิดล้อมอยู่รอบนอกเขตอากาศพิษ ป้องกันไม่ให้กลุ่มโจรลักพาตัวเล็ดรอดหนีออกไปในจากตำแหน่งอื่นได้

ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม หลีอู๋ฮวาก็พากำลังเสริมหลายสิบคนมุ่งหน้ามาถึงอย่างรวดเร็ว พอเห็นสถานการณ์ก็ตะคอกถาม “เกิดอะไรขึ้น? คุณชายล่ะ?”

ใครคนหนึ่งรายงานว่า “อาจารย์อา คุณชายถูกลักพาตัวเข้าไปในเขตอากาศพิษขอรับ…”

หลังจากทราบรายละเอียดของสถานการณ์ รวมถึงลาดตระเวนรอบนอกเขตอากาศพิษไปรอบหนึ่ง สุดท้ายก็ไม่พบร่องรอยที่กลุ่มโจรลักพาตัวออกมาเขตอากาศพิษอีกเลย หลีอู๋ฮวาจึงทำได้เพียงพาเหล่าศิษย์จากไปด้วยความคับแค้นใจ

…..

ในหุบเขาที่อยู่ห่างจากที่นี่ไปไม่นับว่าไกล อูเซ่าฮวนตลอดจนเหล่าศิษย์ของสามสำนักยังคงกบดานอยู่อย่างเงียบเชียบ ทั้งหมดล้วนไม่ทราบว่าสรุปแล้วตนต้องมาทำอะไรที่นี่กันแน่

ความจริงคือหนิวโหย่วเต้ากลัวว่าจะเกิดปัญหาขึ้นกับทางหยวนกัง เผื่อว่าสถานการณ์ไม่ราบรื่นแล้วเกิดการปะทะต่อสู้กันขึ้นมา เขาจึงช่วยจัดเตรียมกำลังเสริมไว้ให้หยวนกัง

แต่ตอนนี้ดูเหมือนทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างราบรื่น หยวนกังจึงไม่ได้ส่งข่าวมาขอกำลังเสริมจากพวกเขาเลย คงไม่จำเป็นต้องต่อสู้แล้ว

ส่วนหยวนกังที่มาในครานี้ก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าสถานการณ์จะราบรื่นถึงเพียงนี้ เดิมทีหลงนึกว่าคงต้องสิ้นเปลืองเวลาเป็นอย่างมากถึงจะพาคนออกมาจากจวนผู้ว่าการมณฑลได้ ใครจะไปรู้ว่าจะไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองความคิดอันใดเลย เซียวเทียนเจิ้นกลับเป็นฝ่ายสร้างโอกาสพาตัวเองออกจากจวนผู้ว่าการมณฑล ส่งตัวเองมาหาเขาถึงที่

……

กลุ่มผู้บำเพ็ญเพียรของวังสวรรค์หมื่นวิมานเดินทางกลับไปยังตัวเมืองมณฑลจินโจว ระหว่างทางไม่พบเห็นความผิดปกติอันใดเลย หลีอู๋ฮวารู้สึกว่าค่อนข้างผิดปกติ จึงมุ่งหน้าตรงกลับไปที่จวนผู้ว่าการมณฑล

พอเห็นเขากลับมา ทันทีที่เจอหน้ากัน ไห่หรูเยวี่ยที่เดินวนกลับไปกลับมาอยู่ในห้องโถงก็ปราดเข้ามาสอบถามเขาทันที “ผู้อาวุโส ช่วยเทียนเจิ้นกลับมาได้หรือไม่?”

แม้นางจะรู้ดีว่าในเมื่อทางหนิวโหย่วเต้ากล้าลงมือลักพาตัว อีกฝ่ายก็จะต้องเตรียมตัวมาแล้วแน่นอน แต่ถึงกระนั้นก็ยังคาดหวังว่าหลีอู๋ฮวาออกโรงด้วยตัวเองก็น่าจะมีความคืบหน้าอะไรบ้าง

จูซุ่นก็มองหลีอู๋ฮวาด้วยสีหน้าคาดหวังเช่นกัน เขารับใช้ตระกูลเซียวมาสามชั่วอายุคนแล้ว ตระกูลเซียวหลงเหลือทายาทอยู่เพียงคนเดียว เขาย่อมกังวลใจไม่น้อยไปกว่าไห่หรูเยวี่ยเลย

หลีอู๋ฮวากล่าวว่า “ไม่ได้ ตอนที่ข้าไปถึง อีกฝ่ายพาตัวคุณชายหนีเข้าไปในเขตอากาศพิษแล้ว”

“เขตอากาศพิษหรือ?” ไห่หรูเยวี่ยอุทานด้วยความตกใจ พอรู้ว่าบุตรชายถูกพาเข้าไปในสถานที่ที่ทำให้คนตายอย่างเงียบๆ ได้ หนังศีรษะของนางพลันชาวาบทันที รีบเอ่ยถามไปว่า “เทียนเจิ้นจะทนรับไหวหรือ? จะเกิดปัญหาขึ้นหรือไม่?”

หลีอู๋ฮวากล่าวว่า “อีกฝ่ายจับตัวคุณชายไป แสดงว่าจะต้องมีแผนการอยู่แน่นอน ก่อนจะบรรลุเป้าหมาย พวกเขาไม่น่าจะลงมือทำอะไรคุณชาย ดูแล้วน่าจะไม่เกิดเหตุอันใดขึ้น ทางฝั่งเจ้าต่างหาก ไม่ใช่ว่าระดมกำลังคนไปดักตามเส้นทางต่างๆ หรอกหรือ? ตลอดเส้นทางขากลับมา ไยข้าจึงไม่เห็นว่ามีการระดมกำลังคนอะไรเลย?” เขาว่าพลางเดินไปยังที่นั่งตำแหน่งประธาน จากนั้นหันหลังนั่งลงช้าๆ สายตาจับจ้องสีหน้าท่าทางของไห่หรูเยวี่ย

ยังไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องอื่นเลย ยามนี้เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้นมา ทว่ากระทั่งภายในตัวเมืองจินโจวก็ยังไม่มีความผิดปกติใดๆ ขึ้นทั้งสิ้น ไม่มีทีท่าว่าจะยกระดับการเฝ้าระวังให้เข้มงวดขึ้นด้วยซ้ำ นี่มันออกจะผิดปกติเกินไปหน่อย

ไห่หรูเยวี่ยพยายามสงบสติอารมณ์เพื่อไม่ให้เผยพิรุธออกไป “ก็อย่างที่ท่านว่ามา ข้าก็คิดว่าอีกฝ่ายลักพาตัวเทียนเจิ้นไปจะต้องมีแผนการอยู่แน่ ยังไม่น่าจะทำอะไรเทียนเจิ้น ข้ากลัวว่าหากกดดันจนทำให้อีกฝ่ายตกอยู่สภาพสุนัขจนตรอก แบบนั้นจะทำให้เทียนเจิ้นมีอันตรายได้”

คำแก้ตัวนี้ดูค่อนข้างฝืดฝืนเกินไป จูซุ่นหลุบตาลงเล็กน้อย เขาทราบถึงการเปลี่ยนแปลงของไห่หรูเยวี่ยดีที่สุด หลังจากได้รับจดหมายฉบับนั้น ไห่รหูเยวี่ยก็สั่งระงับการเคลื่อนพลทันที สาเหตุจะต้องเกี่ยวข้องกับจดหมายฉบับนั้นอย่างแน่นอน

หลีอู๋ฮวาจ้องมองไห่หรูเยวี่ยอย่างเย็นชา โบกมือไปทางจูซุ่น “เจ้าถอยออกไปก่อน”

จูซุ่นมองไห่หรูเยวี่ยเล็กน้อย เห็นนางพยักหน้าให้นิดๆ จึงทำได้เพียงถอยออกไปอย่างนอบน้อม

หลีอู๋ฮวาลุกขึ้นมาอีกครั้ง ค่อยๆ เดินเข้าไปหาไห่หรูเยวี่ย รุกคืบเข้าไปใกล้ ทำให้ไห่หรูถอยหลังไปก้าวหนึ่งโดยไม่รู้ตัว

หลีอู๋ฮวายื่นมือเข้าไปบีบคางไห่หรูเยวี่ย “เจ้ามีเรื่องปิดบังข้าอยู่”

ไห่หรูเยวี่ยกุมมือเขาไว้ด้วยสองมือ เอ่ยฉอเลาะอ่อนหวาน “ข้าจะปิดบังอะไรท่านได้?”

หลีอู๋ฮวาสะบัดสองมือของนางออก จากนั้นยื่นมือเข้าไปอีกครั้ง “อย่ามาใช้ไม้นี้กับข้า จดหมาย่ละ?”

ไห่หรูเยวี่ยใจเต้นแรง ถามกลับไปว่า “จดหมายอะไร?”

“อย่ามาทำไขสือกับข้า ก่อนหน้านี้พอข้าออกไปก็มีคนนำจดหมายฉบับหนึ่งมาส่งให้เจ้า เอาออกมา!” หลีอู๋ฮวาตวาดด้วยสีหน้าถมึงทึง ทันทีที่เข้ากลับมา ศิษย์ของวังสวรรค์หมื่นวิมานที่เฝ้าอยู่ก็มารายงานเรื่องจดหมายต่อเขาแล้ว

ไห่หรูเยวี่ยอกสั่นขวัญแขวน ถูกบีบให้ถอยหลังไปเรื่อยๆ จากนั้นหลีอู๋ฮวาก็ลงมือในทันใด คว้าลำคอของนางไว้

“กระทำการลับหลังวังสวรรค์หมื่นวิมาน เจ้าหน่ายจะมีชีวิตอยู่แล้วกระมัง?” หลีอู๋ฮวาพลันยกมือขึ้น สองเท้าของไห่หรูเยวี่ยสะบัดอยู่เหนือพื้น ถูกบีบคอแล้วยกชูขึ้นมา สองมือปัดป่ายตบตีออกไป ดวงตาเบิกกว้างใบหน้าแดงเถือก

ขณะที่เฉียดเข้าใกล้ความตายแล้ว ไห่หรูเยวี่ยออกแรงบีบมือเขาพร้อมพยักหน้าสื่อว่ายินยอมจะสารภาพแล้ว

หลีอู๋ฮวาคลายมือออก ไห่หรูเยวี่ยร่วงลงมา พอสองเท้าสัมผัสพื้นก็ทรุดนั่งลงไปกับพื้น กุมลำคอพลางไอดัง ‘แค่กๆ’ ไม่หยุด ผ่านไปสักพักลมหายใจถึงได้เป็นปกติ นางเงยหน้ามองหลีอู๋ฮวาอย่างหวาดผวา

หลีอู๋ฮวาสะบัดชายเสื้อ ย่อตัวลงไปตรงหน้านาง “จดหมายล่ะ?”

ไห่หรูเยวี่ยส่ายหน้า “อ่านจบก็เผาทิ้งไปแล้ว”

หลีอู๋ฮวาโมโหขึ้นมา พลันบีบปลายคางนางไว้ ไห่หรูเยวี่ยรีบเอ่ยชี้แจงอย่างกระท่อนกระแท่นว่า “เผาไปแล้วจริงๆ อ่านจบก็เผาเลย”

หลีอู๋ฮวาถาม “จดหมายจากผู้ใด?”

ไห่หรูเยวี่ยตอบด้วยเสียงอู้อี้ “หนิวโหย่วเต้า”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า