ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 431

ตอนที่ 431 ไม่ยอม

ทำอย่างไรหรือ? ยังจะทำอะไรได้เล่า?

เจิ้งจิ่วเซียวกล่าวว่า “ตัวเขายังไม่โผล่มาเลย พวกเราจะทำอันใดได้? จู่ๆ พวกเราจะไปสนับสนุนสำนักหยกสวรรค์อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ? พวกเราจะสนับสนุนได้เหรอ? อีกอย่าง เรื่องนี้คาดว่าแม้แต่ตัวเขาเองก็คงทำอะไรไม่ได้เช่นกัน เขาจะทำอะไรสำนักหยกสวรรค์ได้เล่า? ต่อให้เรื่องที่ราชสำนักแต่งตั้งซางเฉาจงจะเกี่ยวข้องกับเขา แต่จะมีประโยชน์อันใด? ก็แค่ยุแยงให้แตกแยกนิดหน่อยเท่านั้น”

แม้จะกล่าวไปเช่นนี้ แต่ทุกคนก็ล้วนทราบดีว่าพวกเขาสามสำนักเป็นพรรคพวกของหนิวโหย่วเต้า หลายปีมานี้หนิวโหย่วเต้าไม่เคยเอาเปรียบพวกเขาสามสำนักเลย เรียกได้ว่าเป็นตัวตั้งตัวตีช่วยหาเงินก้อนใหญ่ให้พวกเขาด้วยซ้ำ ยามนี้พวกเขาเลือกมาติดตามสำนักหยกสวรรค์แล้วทำลายหนิวโหย่วเต้า ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของเหตุผลหรือความรู้สึกก็ล้วนแต่ไม่เหมาะทั้งสิ้น

เซี่ยฮวามองไปที่เฟ่ยฉางหลิว “พี่เฟ่ย ความคิดของท่านล่ะ?”

เฟ่ยฉางหลิวเงียบอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เอ่ยอย่างลังเล “สถานการณ์กลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว พวกเราก็มีความลำบากใจในส่วนของพวกเราเหมือนกัน กระทั่งตัวเขาเองยังไม่สนใจ พวกเราก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปแตกหักกับสำนักหยกสวรรค์เช่นกัน”

เซี่ยฮวาพยักหน้าเล็กน้อย “มีเหตุผล”

เมื่อพูดคุยกันเช่นนี้ ทั้งสามก็ได้ยืนยันท่าทีของอีกฝ่ายต่อหน้าแล้ว ต่างมีความเห็นไปในทางเดียวกัน ทำให้จิตใจที่ลังเลกระสับกระส่ายสงบลง

เดิมทีพวกเขามาพบกันครั้งนี้ก็เพราะเรื่องนี้ ต้องการร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน มิเช่นนั้นหากตัดสินใจเพียงลำพังโดยไม่ทราบถึงท่าทีของอีกสองสำนัก แบบนั้นมันออกจะหัวเดียวกะเทียมลีบเกินไปหน่อย เส้นทางอนาคตยังเลือนราง การจับกลุ่มกันเอาไว้จะช่วยลดความไม่สบายใจลงไปได้ เพราะหากเกิดเหตุใดขึ้นมา พวกเขาก็ต้องมีคำอธิบายให้ภายในสำนักของตนเช่นกัน

เมื่อกำหนดทิศทางของเรื่องราวได้แล้ว เฟ่ยฉางหลิวก็เอ่ยขึ้นว่า “พวกเราไม่ควรออกมาพร้อมกันนานเกินไป มิเช่นนั้นจะทำให้สำนักหยกสวรรค์คิดมากเอาได้ เดี๋ยวจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้ง่ายๆ แยกย้ายกันกลับเถอะ คอยติดต่อกันเอาไว้!”

“ตกลง!” เซี่ยฮวาพยักหน้ารับ

เจิ้งจิ่วเซียวเพิ่งจะประสานมือกล่าวอำลากับทั้งสองไป ศิษย์คนหนึ่งก็นำข้อความที่ผ่านการแปลมาแล้วที่ปีกทองตัวหนึ่งนำมาส่งให้เข้ามา กล่าวว่า “เจ้าสำนักขอรับ”

เซี่ยฮวาและเฟ่ยฉางหลิวสบตากัน ไม่สะดวกที่จะสอดส่องข่าวสารส่วนตัวภายในสำนักของเจิ้งจิ่วเซียว จึงอาศัยจังหวะนี้หันหลังจากไป

เจิ้งจิ่วเซียวอ่านจดหมายเล็กน้อย สีหน้าพลันแปรเปลี่ยน เขาเงยหน้าแล้วตะโกนเรียกอย่างร้อนใจ “ทั้งสองช้าก่อน!”

เซี่ยฮวาและเฟ่ยฉางหลิวที่เพิ่งกลับไปรวมตัวกับศิษย์ที่พามาด้วยต่างหันกลับมามองพร้อมกัน

เจิ้งจิ่วเซียวโบกจดหมาย “จดหมายจากหนิวโหย่วเต้า!”

เซี่ยฮวาและเฟ่ยฉางหลิวสบตากันอยู่ไกลๆ จากนั้นก็เร่งเดินกลับมาอีกครั้ง

ในเวลานี้เอง มีปีกทองอีกสองตัวทยอยร่อนลงบนมือของศิษย์จากอีกสองสำนัก

เมื่อได้รับจดหมายมา เซี่ยฮวาและเฟ่ยฉางหลิงก็ก้มอ่านพร้อมกัน บนจดหมายเขียนไว้เพียงว่า ‘ระดมกำลังศิษย์หัวกะทิในสำนัก มุ่งหน้าสู่เมืองซั่งผิงเพื่อคุ้มกันท่านอ๋องทันที! หนิวโหย่วเต้า’

หลังอ่านจบ ทั้งสองก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกัน มองหน้ากันเหลอหลา จากนั้นก็มองเจิ้งจิ่วเซียวที่มีสีหน้าตึงเครียด

เจิ้งจิ่วเซียวดูว้าวุ่นใจอย่างเห็นได้ชัด เอ่ยถามความเห็นจากทั้งสอง “ทำอย่างไรดี?”

เซี่ยฮวาและเฟ่ยฉางหลิวยังไม่ทันได้ออกความเห็น ก็มีศิษย์จากสองสำนักนำเอาจดหมายลับที่ผ่านการถอดความแล้วเข้ามาส่งให้ไล่ๆ กัน

พอเห็นสีหน้าตึงเครียดของทั้งสองที่จ้องมองจดหมาย เจิ้งจิ่วเซียวคล้ายจะตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง แล้วก็ไม่สนว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวหรือไม่ เขาเดินเข้าไปหาทั้งสองคน เมื่อเห็นว่าทั้งสองไม่มีท่าทีคัดค้านอะไร เขาจึงชะโงกหน้าเข้าไปอ่านจดหมายในมือของทั้งสองคน

หลังอ่านจบก็โล่งใจ เนื้อหาในจดหมายของสามสำนักตรงกันหมด หลงนึกว่าหนิวโหย่วเต้าส่งจดหมายมาให้ตนเพียงคนเดียว มองจากตอนนี้แล้ว ทางหนิวโหย่วเต้าน่าจะส่งจดหมายให้สามสำนักพร้อมกันหมด

ครั้งนี้เป็นเซี่ยฮวาที่เงยหน้าขึ้นมาถาม “ทำอย่างไรดี?”

เฟ่ยฉางหลิวและเจิ้งจิ่วเซียวก็อยากรู้เช่นกันว่าควรทำอย่างไรดี การมาถึงของจดหมายฉบับนี้ทำให้ทั้งสามว้าวุ่นใจขึ้นมา

ก่อนหน้านี้ยังมีข้ออ้างปลอบใจตนว่าขนาดหนิวโหย่วเต้าเองก็ยังนิ่งเงียบมาโดยตลอด แต่ตอนนี้หนิวโหย่วเต้ามีคำสั่งลงมาแล้ว หนำซ้ำยังเป็นผลลัพธ์ในแบบที่พวกเขาไม่อยากเผชิญหน้าที่สุด จะทำตามหรือไม่ทำตามดี?

สิ่งที่ทำให้สีหน้าทั้งสามตึงเครียดคือ เนื้อความในจดหมายไม่ได้มีเจตนาจะหารือกับพวกเขา หากแต่เหมือนสั่งการลงมาโดยตรง สั่งให้พวกเขาปฏิบัติตามทันที ไม่เหลือช่องให้เจรจาหารือแม้แต่น้อย!

น้ำเสียงที่แฝงอยู่ในจดหมายฉบับนี้แข็งกร้าวเป็นอย่างยิ่ง!

นับตั้งแต่ที่สามสำนักรู้จักหนิวโหย่วเต้ามา พวกเขายังไม่เคยเห็นหนิวโหย่วเต้าแสดงอำนาจกับสามสำนักเช่นนี้มาก่อนเลยดฮณ๊ฯดฯฌซ,

….

ณ ศาลาว่าการเมืองซั่งผิง มีปีกทองบินเข้ามาอีกตัว รายงานด่วนถูกส่งไปยังโต๊ะทำงานของเฟิ่งหลิงปออีกครั้ง

เฟิ่งหลิงปอที่อยู่หลังโต๊ะรู้สึกไม่กล้าเปิดรายงานด่วนออกอ่าน ตอนนี้เขาร้อนใจจนดวงตาแดงก่ำ แต่นับว่ายังควบคุมอารมณ์เอาไว้ได้ มีเพียงสีหน้าที่ตึงเครียด แต่ไม่ได้ระเบิดอารมณ์ออกมา

ก่อนหน้านี้ยังไม่แน่ใจว่าเหตุใดจู่ๆ สำนักหยกสวรรค์ถึงย้อนกลับมายังเมืองซั่งผิง แล้วเหตุใดจู่ๆ ถึงสั่งไม่ให้เขาแตะต้องเหมิงซานหมิง ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจแล้ว

คณะของเผิงโย่วไจ้เร่งเดินทางไปยังมณฑลจินโจว ระหว่างทางมีการเปลี่ยนม้าจากจุดพักม้าในเขตมณฑลหนานโจวไปตลอดทาง ความเคลื่อนไหวนี้ย่อมไม่รอดพ้นไปจากสายตาเขาที่ควบคุมมณฑลหนานโจวอยู่ในยามนี้

มณฑลหนานโจวยังไม่มั่นคงดี อีกทั้งเขาเพิ่งจะได้รับอำนาจมา ยังไม่ได้มีการจัดวางสายสืบที่จะส่งออกไปจับตามองสถานการณ์นอกมณฑลหนานโจว ตอนนี้ให้ความสนใจในมณฑลหนานโจวเป็นหลัก ดังนั้นจึงไม่ยังทราบเรื่องที่ทัพใหญ่ของมณฑลจินโจวมารวมตัว จนกระทั่งสายสืบที่ทัพชายแดนมณฑลหนานโจวส่งตัวออกไปส่งข่าวกลับมา รายงานว่าทัพใหญ่ของมณฑลจินโจวรุกคืบมาใกล้ชายแดนแล้ว เขาถึงได้สังเกตเห็นความผิดปกติ

มณฑลจินโจวส่งทัพใหญ่มายังเขตชายแดนในเวลานี้หมายความว่าอย่างไรกัน?

ตอนนี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเผิงโย่วไจ้ถึงเร่งร้อนเดินทางไปยังมณฑลจินโจว

จู่ๆ ราชสำนักก็แต่งตั้งซางเฉาจงเป็นผู้ว่าการมณฑลหนานโจว!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า