ตอนที่ 442 เจ้าสำนักกลับมาแล้ว
เรือนที่อยู่ทางด้านหนึ่งคือซากปรักหักพังจากเพลิงไหม้ที่ดับลงไปแล้ว ยังคงมีควันลอยม้วนอ้อยอิ่ง ส่วนเรือนอีกด้านหนึ่งมีศพถูกหามออกมาอย่างต่อเนื่อง
เฟิ่งรั่วหนานยกชายกระโปรงวิ่งลัดผ่านตรอกไปอย่างรวดเร็วดุจเหินบิน ทหารที่เดินสวนผ่านหลบเข้าด้านข้างหลีกทางให้ แต่ละคนหันมองตามหลังนางไป
นางมองซากเรือนฝั่งตรงข้ามที่มีควันม้วนลอยอ้อยอิ่ง จากนั้นก็มองรอยเท้าเปื้อนเลือดที่เหลืออยู่จากการเดินผ่านเข้าออกประตูเรือนอันเป็นที่พักของตน
หลังจากนางถูกคนปลุกให้ฟื้น นางก็ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่ามารดาไปอยู่ที่ไหน แล้วก็ไม่เห็นบิดาเช่นกัน มีผู้บำเพ็ญเพียรของสำนักหยกสวรรค์ขวางนางไว้ ไม่ปล่อยให้นางไปพบ ได้ยินเพียงเสียงร้องไห้คร่ำครวญของบิดาที่แว่วออกมาจากในห้อง
ดังนั้นนางจึงวิ่งมาที่นี่ ไล่ตามรอยเท้าเปื้อนเลือดเข้าไปในเรือน เดินอ้อมผ่านกำแพงไป สุดท้ายหยุดนิ่ง เบื้องหน้ามีซากศพกองเกลื่อนพื้น ห้องโถงหลักพังเสียหายอย่างหนัก ทุกหนทุกแห่งรอบข้างเต็มไปด้วยร่องรอยธนู
พอตื่นมาจากการสลบ เพียงชั่วพริบตาเดียวที่นี่ก็กลายเป็นเช่นนี้ไปเสียแล้ว มองแวบเดียวก็รู้ว่าเคยเกิดการต่อสู้อย่างดุเดือดขึ้น
มีทหารสิ้นชีพอยู่ที่นี่มากมายขนาดนี้ พอนำมาคิดปะติดประต่อกับการที่มารดาจงใจทำให้ตนสลบไป หากนางยังคิดไม่ออกอีกว่าเกิดอะไรขึ้น เช่นนั้นก็เสียทีที่เป็นแม่ทัพมานานหลายปีแล้ว
ทหารที่เก็บกองซากศพภายในเรือนมองนางเงียบๆ โซ่วเหนียนที่มาถึงทางนี้ก่อนหันกลับไปมองนาง สีหน้าของโซ่วเหนียนซับซ้อน
นางวิ่งเข้าไปในห้องโถงที่พังเสียหาย ตามหาไปทั่ว ไม่พบศพของพวกซางเฉาจงเลย
นางวิ่งออกมาอีกครั้ง สายตาเลื่อนไปเห็นไม้กระดานสองแผ่นที่วางพาดอยู่บนแปลงดอกไม้ ด้านบนวางศพไว้สองร่าง มีผ้าขาวคลุมเอาไว้ ดูแปลกแยกแตกต่างและดูสะดุดตาเป็นพิเศษด้วย เห็นได้ชัดว่าได้รับการปฏิบัติที่ต่างไปจากศพอื่นๆ
เฟิ่งรั่วหนานเดินเข้าไปพลางยื่นมือออกไป ละล้าละลังไม่ยอมจับสักที แต่สุดท้ายยังคงเลิกผ้าขาวทั้งสองผืนออก มิใช่ศพของใครอื่น เป็นศพของเฟิ่งรั่วอี้และเฟิ่งรั่วเจี๋ยพี่ชายทั้งสองคนของนาง
น้ำตานางไหลลงมาอย่างเงียบงัน ร้องไห้ด้วยจิตใจที่รู้สึกว่างเปล่าดฮณ๊ฯดฯฌซ,
…….
ฟ้ามืดแล้ว เหล่าศิษย์สามสำนักของสำนักเซียนสถิต สำนักเมฆาล่องและสำนักคีรีพิลาศยังคงเฝ้ารออยู่นอกเมือง พวกเขายังคงถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าเมืองเช่นเดิม แต่สามสำนักก็หาได้ร้อนใจไม่ เฝ้ารออยู่นอกเมืองจวบจนตะวันตกดินอย่างอดทน
ภายในเรือนอีกหลังหนึ่งภายในตัวเมือง ลูกศรที่สะบักไหล่ของซางซูชิงถูกถอนออกมาแล้ว ความเจ็บปวดที่ฝังลึกไปถึงกระดูกย่อมไม่ต้องเอ่ยถึงเลย แต่ก็นับว่าได้รับการรักษาอย่างถูกต้องแล้ว
คนที่ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดของฝั่งซางเฉาจงล้วนได้รับการรักษาแล้ว เพียงแต่สำนักหยกสวรรค์ไม่ปล่อยให้พวกเขามีอิสระ ควบคุมตัวพวกเขาทั้งหมดไว้ด้วยกัน เฝ้าจับตามองอย่างเข้มงวด ไม่มีทางปล่อยให้เกิดเรื่องซ้ำรอยเดิมขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์แล้ว ถึงแม้พวกซางเฉาจงจะเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก แต่พวกเขายังคงไม่มีแก่ใจจะพักผ่อนอยู่ดี ในที่สุดก็มีเวลาสอบถามหยวนกังแล้วว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร พวกเขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดจู่ๆ เฟิ่งหลิงปอถึงทำตัวเป็นสุนัขจนตรอกขึ้นมา
พอได้รับคำอธิบายจากหยวนกัง พวกเขาถึงเข้าใจขึ้นมา หลังจากเต้าเหยี่ยหายเงียบไปก็ใช่ว่าเขาจะไม่ทำอะไรเลย รวมถึงไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขาด้วย อีกฝ่ายลอบดำเนินการลับหลังอย่างเงียบๆ เปิดฉากเดินเกมครั้งใหญ่กับสำนักหยกสวรรค์อย่างแท้จริง เดินเกมนอกสนามรบ
ด้านหนึ่งก็กระตุ้นให้ราชสำนักแต่งตั้งซางเฉาจงเป็นผู้ว่าการมณฑลหนานโจว อีกด้านหนึ่งก็กระตุ้นให้มณฑลจินโจวระดมทัพใหญ่เข้าโจมตีมณฑลหนานโจว
สามารถขับเคลื่อนให้เกิดสถานการณ์ใหญ่โตขนาดนี้ขึ้นมาได้ พวกซางเฉาจงคิดไม่ออกเลยว่าหนิวโหย่วเต้าที่มีกำลังเพียงเท่านั้นทำได้อย่างไร โดยเฉพาะการนำกำลังทหารของมณฑลจินโจวมากดดันสำนักหยกสวรรค์ ทุกคนยิ่งจินตนาการไม่ออกเลยว่าวังสวรรค์หมื่นวิมานและมณฑลจินโจวยอมตกลงได้อย่างไร?
ทว่าหยวนกังบอกไปเพียงคร่าวๆ เท่านั้น ไม่ได้เผยความจริงออกไปแม้เพียงครึ่งคำ เรื่องบางอย่างแม้แต่ตัวหนิวโหย่วเต้าเองก็ยังไม่แพร่งพรายออกไปเลย หยวนกังที่ร่วมหัวจมท้ายกับหนิวโหย่วเต้าเองก็ไม่มีทางเผยความจริงออกไปเช่นกัน ความจริงบางอย่างไม่อาจปล่อยให้คนรู้มากเกินไปได้
แม้จะเพียงเท่านี้ พวกซางเฉาจงก็ตื่นเต้นและดีใจกันอย่างมากแล้ว ล้วนทราบดีว่าการที่หนิวโหย่วเต้าผลักดันให้เกิดสถานการณ์ใหญ่โตเช่นนี้ขึ้นมันหมายความว่าอย่างไร ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดหนิวโหย่วเต้าถึงให้พวกเขาคล้อยตามสำนักหยกสวรรค์มาตลอด เต้าเหยี่ยช่างลำบากทุ่มเทมากจริงๆ!
เนื่องด้วยเหตุนี้ พวกเขาถึงได้เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเฟิ่งหลิงปอถึงทำตัวเป็นสุนัขจนตรอก เต้าเหยี่ยบีบคั้นจนเฟิ่งหลิงปอไร้หนทางแล้ว อีกทั้งต้องการจะเขี่ยเฟิ่งหลิงปอออกไป แล้วเฟิ่งหลิงปอจะไม่ร้อนใจได้อย่างไร!
ภายในดวงตาของซางซูชิงที่รับฟังอยู่ด้านข้างฉายแววดีใจ ภายในใจก็รู้สึกปิติดีใจเช่นกัน นางเชื่อมั่นมาตลอดว่าหนิวโหย่วเต้าไม่มีทางทอดทิ้งพวกนาง และความจริงมันก็ได้พิสูจน์แล้วว่าการวิเคราะห์ของนางถูกต้อง
ก็เหมือนอย่างเฮยหมู่ตานในครานั้น ก่อนตายยังคงเชื่อมั่นอยู่ตลอดว่าเรือไม่มีทางจากไป เชื่อมั่นจนถึงที่สุดว่าหนิวโหย่วเต้าจะรอนาง
ความเชื่อใจเหล่านี้มิใช่เพียงเพราะความรู้สึกฉันท์ชายหญิงอันใดเท่านั้น แต่ทุกคนอยู่ร่วมกับหนิวโหย่วเต้ามานาน ไว้วางใจในอุปนิสัยของหนิวโหย่วเต้า แม้นหนิวโหย่วเต้าจะไม่นับว่าเป็นคนดีอันใดก็ตาม แต่คนที่อยู่ร่วมกับเขามานานล้วนรู้สึกไว้วางใจในตัวเขาทั้งสิ้น
“เต้าเหยี่ยจะกลับมาเมื่อไร?”
สุดท้ายซางซูชิงที่คอยฟังอยู่ด้านข้างก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นมา
แล้วก็นับว่าเป็นการพูดสิ่งที่อยู่ในใจของพวกเหมิงซานหมิงออกมาเช่นกัน ทุกคนล้วนอยากพบหนิวโหย่วเต้าเพื่อแสดงความขอบคุณ เต้าเหยี่ยช่วยพลิกสถานการณ์ให้ทางนี้ จะขอบคุณเช่นไรก็ล้วนไม่มากไปเลย
หยวนกังมองไปที่ซางเฉาจง “เรื่องนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าท่านอ๋องจะควบคุมหนานโจวได้เมื่อไร!”艾琳小說
ซางเฉาจงเงียบไป เหมิงซานหมิงตกอยู่ในห้วงความคิด หลานรั่วถิงพยักหน้าเล็กน้อย ล้วนเข้าใจความหมายในวาจานี้
ก่อนที่ทางนี้จะเข้าควบคุมหนานโจวได้อย่างสมบูรณ์ คาดว่าหนิวโหย่วเต้าคงไม่เผยตัวออกมา ผลักดันจนสถานการณ์พลิกไปเช่นนี้ คาดว่าสำนักหยกสวรรค์โดยเฉพาะผิงโย่วไจ้คงอย่างบดขยี้เต้าเหยี่ยให้แหลกเป็นเถ้าธุลีใจแทบขาดแล้ว
คาดว่าสำนักหยกสวรรค์คงกำลังเฝ้ารอให้หนิวโหย่วเต้าปรากฏตัวเพื่อจะกำจัดหนิวโหย่วเต้า ทางนี้มีแต่ต้องเข้าคุมอำนาจในมณฑลหนานโจวให้ได้ ถึงจะมอบหลักประกันความปลอดภัยที่มากพอสำหรับหนิวโหย่วเต้าได้ ต้องมีอำนาจมากพอจะข่มขวัญสำนักหยกสวรรค์ได้ ถึงจะทำให้สำนักหยกสวรรค์แบกรับความเสียหายด้านผลประโยชน์ไม่ไหว จนไม่กล้าผลีผลามลงมือกับเต้าเหยี่ย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า