ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 441

ตอนที่ 441 ปลิดชีพด้วยศรเดียว

เขาไม่ได้ฉวยโอกาสพุ่งเข้าไปต่อสู้กับเผิงอวี้หลาน หากแต่ฉวยโอกาสช่วงที่เผิงอวี้หลานถูกลูกศรถ่วงเวลาไว้ ตั้งท่าป้องกันพร้อมกับยื่นมืออีกข้างไปด้านหลัง ลากตัวซางเฉาจงออกไป พุ่งตัวออกไปด้านข้าง ร่างกายบึกบึนกระแทกตัวเข้าใส่ผนังด้านข้างเต็มแรง

เกิดเสียงดังครืน อิฐผนังแตกกระจาย

หยวนกังพาซางเฉาจงมุดผ่านผนังออกไปจากห้องโถง ไม่สนใจความเป็นความตายของคนอื่นๆ

ในใจเขาทราบชัดเจนดี หากปะทะกับผู้บำเพ็ญเพียรที่ทรงพลังอย่างเผิงอวี้หลาน ตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายแน่นอน

บางทีตนอาจจะอาศัยพละกำลังสกัดไว้ได้สักพัก แต่หากว่าต่อสู้พัวพันกันต่อไปจริงๆ มีความเป็นไปได้สูงที่ตนจะพลาดท่าด้วยน้ำมืออีกฝ่าย

แต่นั่นเป็นเพียงสถานการณ์ที่ตนฝืนต้านเอาไว้เพียงคนเดียว บางทีอาจจะยื้อไว้ได้อีกเล็กน้อย แต่นั่นไม่ใช่เป้าหมายที่เขานำกำลังคนเสี่ยงบุกเข้ามา แลกชีวิตไปมากมายขนาดนี้ การช่วยซางเฉาจงต่างหากถึงจะเป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุด จะปล่อยให้เกิดเหตุร้ายกับซางเฉาจงไม่ได้ มิเช่นนั้นความพยายามของเต้าเหยี่ยจะสูญเปล่า การตายของพวกพ้องเหล่านั้นก็จะสูญเปล่าเช่นกัน

ขอเพียงซางเฉาจงรอด คนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงจะมีโอกาสรอดไปด้วย หากซางเฉาจงตาย เกรงว่าคนอื่นๆ ก็อย่าหมายจะรอดชีวิตออกไปจากวงล้อมกองทัพใหญ่ได้

ว่ากันตามตรง หากเผิงอวี้หลานไม่ได้เข้ามาพัวพันกับเขา หากแต่ทุ่มกำลังทั้งหมดเพื่อสังหารซางเฉาจงล่ะก็ ด้วยกำลังของหยวนกังแล้ว เขาไม่มีทางปกป้องซางเฉาจงไว้ได้เลย

พอเห็นว่าทั้งสองคนหลบหนีไป เผิงอวี้หลานไหนเลยจะยอมปล่อยให้ซางเฉาจงหนีไปได้ นางพุ่งตัวผ่านช่องบนผนังไล่ตามไปทันที

คนอื่นๆ ที่อยู่ภายในห้องรอดพ้นจากการคุกคามของเผิงอวี้หลานทันที

“ยิงธนู!”

พอเห็นหยวนกังพาซางเฉาจงหนีออกมา หนงฉางกว่างตวาดสั่งการทันที

ธนูน้าวสายขึ้นศรในทันใด ลูกศรพุ่งออกไปดั่งห่าฝน

หยวนกังรู้แต่แรกแล้วว่ามีพลธนูกลุ่มหนึ่งคอยจ้องจะลงมืออยู่ เขาเตรียมใจมาแต่แรกแล้ว พอได้ยินเสียงก็พาซางเฉาจงกระโจนพื้น จากนั้นกลิ้งตัวใช้ซากศพที่กองอยู่บนพื้นเป็นเครื่องกำบัง พยายามปกป้องซางเฉาจงให้ปลอดภัย

เผิงอวี้หลานที่พุ่งตามออกมากลับไม่ทันเตรียมตัว คิดไม่ถึงว่าคนฝั่งตนจะยิงธนูเข้าใส่ตน พอพุ่งพ้นช่องผนังมาก็สะดุ้งโหยง โคจรพลังยกแขนสองข้างผลักออกไป ลูกศรจำนวนมากลอยค้างอยู่กลางอากาศ

โชคดีที่รถหน้าไม้อืดอาด กว่าจะยิงได้จำเป็นต้องใช้เวลาเล็กน้อย艾琳小說

เฟิ่งรั่วอี้เองก็ตกใจเช่นกัน รีบตวาดด้วยความโกรธ “หยุดมือ!”

พลธนูหยุดทันที หยวนกังลากซางเฉาจงกระเด้งตัวขึ้นมาอีกครั้ง พุ่งตรงขึ้นสู่หลังคา

“ข้างบน…” เฟิ่งรั่วอี้ชี้มือขึ้นไป กล่าวไปได้เพียงครึ่งเดียวก็เงียบลง จ้องมองขึ้นไปบนหลังคาด้วยสีหน้าตระหนกลนลาน

เผิงอวี้หลานสะบัดแขนทั้งสองข้าง ปัดลูกศรที่ลอยอยู่กลางอากาศจนกระเด็นออกไป นางทะยานร่างเหินสู่อากาศ พอร่อนลงบนหลังคาก็ชะงักค้างไปเช่นกัน สีหน้าเคร่งเครียด

ไป๋เหยาปรากฏตัวขึ้นบนหลังคา หยวนกังลากซางเฉาจงไปยืนอยู่ด้านหลังไป๋เหยา ผู้บำเพ็ญเพียรสำนักหยกสวรรค์ที่ติดตามมาก็ร่อนตามลงมาคุ้มกันคนทั้งสอง

นี่คือเป้าหมายที่หยวนกังพยายามทุกวิถีทางเพื่อถ่วงเวลาเอาไว้

ไป๋เหยาได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งในอากาศ เขากวาดสายตาเย็นชามองห้องโถงที่พังพินาศ ซ้ำยังมีซากศพกองเต็มไปหมด สายตาจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าของเผิงอวี้หลานที่สีหน้าหมองคล้ำ เอ่ยถามเสียงเย็นชา “เจ้าคิดจะทำอะไร?”

เผิงอวี้หลานตอบว่า “เจ้าน่าจะรู้ว่าเรื่องครั้งนี้สำคัญต่อข้าและทั้งครอบครัวของข้า อย่ามาขวางข้า หลีกไป!”

ไป๋เหยาถาม “เจ้ายังใช่ศิษย์สำนักหยกสวรรค์อยู่หรือไม่? คำสั่งของสำนักยังอยู่ในสายตาของเจ้าหรือไม่?”

เผิงอวี้หลานตวาดใส่ “อย่าบังคับข้า!”

ไป๋เหยากล่าวว่า “เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทัน หากกล้าลงมือกับศิษย์ร่วมสำนัก แม้แต่ท่านอาจารย์ก็ปกป้องเจ้าไว้ไม่ได้”

เผิงอวี้หลานพุ่งตัวร่อนลงไปในลานเรือน ร่อนลงข้างกายบุตรชาย ชี้กระบี่ขึ้นไปทางหลังคา “รถหน้าไม้!”

หนงฉางกว่างสั่งการทันที “เล็งไปที่หลังคา เร็วเข้า!”

รถหน้าไม้ขนาดใหญ่จ่อยิงขึ้นมาจากด้านล่างทันที

ไป๋เหยาไม่ขยับเขยื้อน เพียงจ้องมองเผิงอวี้หลานด้วยสีหน้าเรียบเฉย

เสียงทุ้มต่ำเสียงหนึ่งแว่วดังมาจากด้านหลังของเผิงอวี้หลาน มาจากหลังคาเรือนหลังหนึ่งที่อยู่ทางด้านหลังจุดที่เหล่าทหารมารวมตัวกัน “อวี้หลาน แม้แต่ข้าเจ้าก็จะสังหารด้วยกระมัง?”

เผิงอวี้หลานได้ยินก็ตัวสั่นขึ้นมา ค่อยๆ หันกลับไป มองเห็นเฟิงเอินไท่ที่หน้าดำคร่ำเครียดยืนอยู่บนหลังคา

“อาจารย์อา!” เผิงอวี้หลานเอ่ยเสียงเศร้า กระบี่ในมือร่วงลงพื้นดังเคร้ง นางค่อยๆ หลับตาลง

นางไม่มีความสามารถพอจะลงมือกับเฟิงเอินไท่ได้ หรือต่อให้มีความสามารถขนาดนั้นนางก็ไม่กล้าอยู่ดี ต่อให้สังหารซางเฉาจงและไป๋เหยาไปด้วยกัน เพื่อผลประโยชน์ของตนแล้ว สำนักหยกสวรรค์อาจจะพอยอมให้โอกาสทางนี้ได้บ้าง แต่ถ้าลงมือกับเฟิงเอินไท่ หากกล้าแตะต้องแม้กระทั่งผู้อาวุโสของสำนักหยกสวรรค์ เช่นนั้นจะกระทบต่อประโยชน์ของสมาชิกระดับสูงทั้งหมดในสำนักหยกสวรรค์ ผลลัพธ์ที่ตามมาจะเป็นอย่างไร เพียงแค่คิดดูก็รู้แล้ว

เฟิ่งรั่วอี้ที่อยู่ด้านข้างกัดฟันแน่น สีหน้าซีดเซียว กระบี่ที่ถืออยู่ในมือยันพื้นไว้ รู้ดีว่าจบสิ้นแล้ว รู้สึกเกลียดชังตนเองที่ไร้ความสามารถ

เฟิงเอินไท่ตวาดด้วยความโกรธ “ยังไม่สั่งให้คนสลายตัวออกไปอีก?”

เหล่าทหารมองกันไปมองกันมา

หนงฉางกว่างพลันตวัดแขนร้องสั่ง “ทุกคนวางอาวุธ ถอนกำลังเดี๋ยวนี้!”

เฟิ่งรั่วอี้ไม่ได้ขัดขวาง จากนั้นไม่นานเหล่าทหารก็สลายตัวไป เหลือเพียงซากศพที่นอนจมกองเลือดเกลื่อนพื้น

เฟิงเอินไท่ทะยานลงมาบนพื้น เดินย่ำพื้นที่เจิ่งนองไปด้วยโลหิต เฉียดผ่านข้างกายเผิงอวี้หลานไป ยามที่เดินผ่านเขาโบกมือเล็กน้อย ศิษย์หลายคนที่ตามหลังมาลงมืออย่างรวดเร็ว คุมตัวเผิงอวี้หลานเอาไว้ทันที

เผิงอวี้หลานสีหน้าเผือดซีด ไม่ได้ขัดขืนใดๆ ทั้งสิ้น

เฟิ่งรั่วอี้ผู้เป็นบุตรชายอึกอักคล้ายอยากจะพูดอะไร แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า