ตอนที่ 444 เจ้าศักดินา
ทางซางเฉาจงเองก็ยอมรับเงื่อนไขของสำนักหยกสวรรค์ ยกเรื่องผู้คุ้มกันของตนให้สำนักหยกสวรรค์จัดการไม่ให้ผู้คุ้มกันจากสามสำนักเข้ามาแทรกแซง
เหล่าแม่ทัพแยกย้ายไปจัดการตามบัญชา เหมยหลินเซิ่ง อู๋เทียนตั้งและจ้าวซิงเฟิงจากไปอย่างเงียบๆ เช่นกัน ทั้งสามต่างรู้แจ้งแก่ใจดี เกรงว่าซางเฉาจงคงอยากดำเนินการกับไพร่พลในสังกัดของพวกเขาให้หมดจด สลายอำนาจของพวกเขา
และเรื่องราวก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ ซางเฉาจงเคยเสียเปรียบมาแล้ว เหตุการณ์ที่ถูกบังคับให้ตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังยังคงกระจ่างชัดเหมือนอยู่ตรงหน้า ยามนั้นรู้สึกสิ้นหวังเพียงใดแล้ว หากประสบเหตุการณ์เช่นนั้นแล้วยังไม่ทำการเปลี่ยนแปลงสิถึงจะแปลก ดังนั้นการกวาดล้างที่กำลังจะมาถึงในครานี้ย่อมรุนแรงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ซางเฉาจงถึงขนาดที่หมายหัวเฟิ่งหลิงปอและหลานๆ ทั้งหลายของเฟิ่งหลิงปอด้วย การสังหารเฟิ่งรั่วอี้และเฟิ่งรั่วเจี๋ยไปไม่อาจทำให้เขาสบายใจได้ ขอเพียงบุตรชายของทั้งสองคนและเฟิ่งหลิงปอยังอยู่ เผิงโย่วไจ้ที่มีตำแหน่งเป็นเจ้าสำนักหยกสวรรค์ก็อาจจะทุ่มกำลังช่วยสนับสนุนได้ทุกเมื่อ ยังคงมีโอกาสที่จะเข้ามาแทนที่ทางฝั่งนี้อยู่
เมื่อเห็นทุกคนแยกย้ายไปแล้ว เผิงโย่วไจ้ที่คอยฟังอยู่ด้านข้างก็เดินเข้ามา เอ่ยถามด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อนว่า “ท่านอ๋องรับราชโองการจากราชสำนัก ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ว่าการมณฑลหนานโจว ในวันมงคลเช่นนี้ไยถึงไม่เห็นหนิวโหย่วเต้ามาร่วมยินดีเล่า?”
ทางเขาเฝ้ารอให้หนิวโหย่วเต้าปรากฏตัวอยู่ตลอด จนใจที่หลายวันมานี้ไม่เห็นแม้แต่เงาของหนิวโหย่วเต้าเลย ต่อให้ข้าไม่ทำร้ายเจ้า อีกทั้งแผนการเจ้าก็สำเร็จแล้ว เจ้าก็ควรออกมาพูดเรื่องผลกำไรการค้าสุราให้ชัดเจนหรือเปล่า?
คำนวณพลาดไปหนึ่งก้าวแล้ว ความรู้สึกที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบช่างน่าอึดอัดนัก
ซางเฉาจงตอบว่า “ข้าก็ตามหาเขาอยู่เช่นกัน ไม่รู้ว่าเขาไปอยู่ที่ไหน”
เขาปฏิเสธที่จะตอบ ความจริงแล้วเขาก็ไม่ทราบเช่นกันว่าหนิวโหย่วเต้าไปอยู่ที่ไหน เขาเองก็อยากพบหนิวโหย่วเต้าเช่นกัน ความรู้สึกตื้นตันนั้นติดอยู่ในใจเสมอมา
ที่สำคัญคือหนิวโหย่วเต้าต่างไปจากสำนักหยกสวรรค์ อีกฝ่ายไม่เคยเรียกร้องสิ่งใดจากเขาเลย คอยช่วยเหลือเขามาตลอด มอบความช่วยเหลือให้ในยามที่ลำบาก ถึงแม้หนิวโหย่วเต้าจะเป็นผู้บำเพ็ญเพียรเช่นกัน แต่ก็คบหากันเยี่ยงสหายมาโดยตลอด คบค้ากับหนิวโหย่วเต้าแล้วรู้สึกปลอดภัยนัก ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้เหมิงซานหมิงและหลานรั่วถิงล้วนนึกถึงตงกัวเฮ่าหรานขึ้นมา
ทั้งสองต่างบอกว่ามิน่าล่ะ ตงกัวเฮ่าหรานถึงได้รับหนิวโหย่วเต้าเป็นศิษย์คนสุดท้ายได้ บุคลิกคล้ายกับผู้เป็นอาจารย์อย่างยิ่ง
แต่ถ้าหนิวโหย่วเต้ามาได้ยินประโยคนี้เข้า ก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเขาจะคิดอย่างไร
เผิงโย่วไจ้หน้าตึงขึ้นมาเล็กน้อย คำตอบนี้นับว่าทำให้รู้ซึ้งถึงกลยุทธ์ของใครบางคนอย่างแท้จริง ที่ผ่านมาเป็นเพราะปะทะกันอย่างอ้อมๆ จึงไม่รู้สึกอะไรมากนัก แต่หนนี้เรียกได้ว่าปะทะกับเจ้านั่นโดยตรง สำนักหยกสวรรค์เสียหายอย่างรุนแรง
เขาไร้ที่จะระบายความคับข้องใจนี้ จนปัญญาเพราะเจ้านั่นหลบซ่อนไม่เผยตัว เพียงแค่คอยบงการอยู่เบื้องหลังเท่านั้น
สำหรับตัวเขาในตอนนี้ ซางเฉาจงไม่ได้น่ากลัวเลย เพราะถึงอย่างไรชีวิตของซางเฉาจงก็อยู่ในกำมือของสำนักหยกสวรรค์ คนที่ทำให้เขากริ่งเกรงอย่างแท้จริงคือหนิวโหย่วเต้าที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลัง โดยเฉพาะหลังจากเสียเปรียบในครั้งนี้ หากไม่กำจัดคนผู้นี้ทิ้ง เขาคงจะต้องกังวลอยู่ตลอดว่าซางเฉาจงจะหลุดพ้นจากการควบคุมไปวันไหน
เมื่อเห็นเขาไม่บอก เผิงโย่วไจ้ก็ไม่บังคับเช่นกัน เอ่ยเตือนเพียงประโยคเดียว “บุญคุณความแค้นระหว่างท่านอ๋องและตระกูลเฟิ่ง พระชายาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย หวังว่าท่านอ๋องจะมีเมตตาไม่สร้างความลำบากใจให้แก่นาง”
ทางสำนักหยกสวรรค์ไม่มีทางยอมให้ครอบครัวเผิงอวี้หลานอยู่ที่นี่ต่อไป มิเช่นนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกซางเฉาจงลงมือกำจัด เดิมทีเตรียมจะพาเฟิ่งรั่วหนานจากไปพร้อมกัน เพื่อไม่ให้ถูกซางเฉาจงพาลหาเรื่อง
แต่ตัวเฟิ่งรั่วหนานเองกลับยินยอมจะทนทุกข์กับซางเฉาจงมากกว่าติดตามตระกูลเฟิ่งไป ทุกคนต่างทราบกันดีว่าครั้งนี้ตระกูลเฟิ่งได้ทำลายความรู้สึกของบุตรีเข้าแล้วจริงๆ
เรื่องบางอย่างย่อมไม่อาจบังคับกันได้ ในเมื่อเฟิ่งรั่วหนานไม่อยากไป พวกเขาก็ไม่อาจบังคับพาตัวเฟิ่งรั่วหนานไปได้เช่นกันดฮณ๊ฯดฯฌซ,
ซางเฉาจงกล่าวว่า “เจ้าสำนักโปรดวางใจ ข้าไม่ถึงขั้นจะไปพาลพาโลใส่สตรี รั่วหนานเป็นชายาของข้า ข้าจะดูแลให้อยู่สุขสบาย ไม่มีทางทำร้ายนางแน่นอน!”
เผิงโย่วไจ้เงียบไป ไม่ได้พูดอะไรอีก หันหลังเดินออกไป หากเฟิ่งรั่วหนานได้รับความคับข้องหมองใจอันใดจริงๆ แล้วไม่ยอมปริปากบอก คนนอกก็ยากจะเข้าไปยุ่งเรื่องระหว่างสามีภรรยาได้ พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์
คนทั้งกลุ่มออกมาส่งเผิงโย่วไจ้นอกห้องโถง เฝ้ามองคณะของเขาเดินทางจากไป
ในที่สุดคลื่นลมก็สงบลงแล้ว ซางเฉาจงที่ยืนอยู่บนขั้นบันไดใต้ชายคาเงยหน้ามองฟ้าพรูลมหายใจออกมา อารมณ์สดใสดั่งฟ้าหลังฝน ในที่สุดมณฑลหนานโจวก็ตกอยู่ในมือตนแล้ว!
ซางซูชิงพลันถอนหายใจเบาๆ “ไม่รู้ว่าเต้าเหยี่ยจะกลับมาเมื่อไร”
ทั้งกลุ่มต่างทอดถอนใจ หนิวโหย่วเต้าไม่เพียงแต่จะช่วยให้ทางนี้ได้ครองมณฑลหนานโจวเท่านั้น ยังช่วยให้ทางนี้ได้รับการแต่งตั้งจากทางราชสำนักด้วย ทางนี้จึงไม่ถูกกล่าวหาว่ากบฏ ตำแหน่งผู้ว่าการมณฑลหนานโจวที่ได้รับแต่งตั้งจากราชสำนักอย่างเป็นทางการ มีทั้งเกียรติยศและตำแหน่ง ช่วยลดความยุ่งยากไปได้มากจริงๆ และยิ่งทำให้ทุกคนรู้สึกสะท้อนใจยิ่งกว่าเดิม
หลานรั่วถิงเอ่ยว่า “ยึดครองมณฑลหนานโจวเป็นเพียงจุดเริ่ม การบริหารดูแลมณฑลหนานโจวหลังจากนี้ยังคงเป็นปัญหา สำนักหยกสวรรค์ไม่มีทางยอมสูญเสียไปเปล่าๆ ต่อไปพวกเขาจะต้องเรียกร้องทรัพย์สินในมณฑลหนานโจวแน่นอน นี่นับเป็นเรื่องยุ่งยาก”
ทุกคนล้วนทราบดีว่าที่สำนักหยกสวรรค์ยอมเสี่ยงชิงมณฑลหนานโจวมา ก็เพื่อให้ได้รับแหล่งทรัพย์สินที่ใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม พวกเขาย่อมต้องยื่นมือเข้ามาแทรกแซงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ในเวลานี้เอง องครักษ์นายหนึ่งเดินเข้ามายืนอยู่ด้านล่างบันไดพลางรายงานว่า “ท่านอ๋อง สามเจ้าสำนักจากสำนักเซียนสถิต สำนักเมฆาล่องและสำนักคีรีพิลาศมาขอเข้าพบพ่ะย่ะค่ะ”
ขณะที่ซางเฉาจงกำลังจะบอกให้เชิญเข้ามา หยวนกังที่อยู่ด้านข้างกลับเอ่ยขัดว่า “เต้าเหยี่ยสั่งว่าให้หมางเมินพวกเขา ไม่ต้องไปสนใจพวกเขาชั่วคราว”
ทั้งกลุ่มหันไปมองเขาพร้อมกัน ซางเฉาจงเอ่ยอย่างลังเลว่า “แบบนี้จะดีหรือ?”
หยวนกังกล่าวว่า “เต้าเหยี่ยสั่งให้พวกเขามาคุ้มกัน แต่พวกเขาทำตัวแบ่งรับแบ่งสู้ หดหัวอยู่นอกเมือง ด้วยไม่อยากล่วงเกินฝ่ายใดทั้งสิ้น ทำให้ท่านอ๋องเกือบมีอันตราย! หลังจากเต้าเหยี่ยทราบเรื่องก็ไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง จะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ จึงจะไล่พวกเขากลับไปเฝ้าบ้านเต้าเหยี่ยที่จังหวัดชิงซาน รอจนพวกเขาตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลือกยืนข้างฝ่ายไหนก็ค่อยว่ากันอีกที หากไม่ใช่พวกเดียวกันก็ไม่จำเป็นต้องสนใจอันใดอีก ปล่อยพวกเขาอยู่กันไปตามยถากรรม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า