ตอนที่ 448 พบจ้าวสยงเกออีกครั้ง
สายน้ำลำธารรินไหล พณากว้างรกร้าง ถนนทอดยาวน้อยใหญ่ ตะวันรุ่งตะวันรอน เขาเขียวคงนิรันดร์
เสียงฝีเท้าม้าแว่วดังฝุ่นตลบไปตลอดทาง มีเสียงก่นด่างึมงำของก่วนฟางอี๋แว่วแทรกอยู่เป็นครั้งคราว
เป้าหมายที่ถูกด่ากลับไม่ตอบโต้ เพียงยิ้มน้อยๆ ออกมาเป็นครั้งคราว กลับเป็นหยวนกังที่ฟังแล้วขัดหูนัก ปรายตามองด้วยสายตาเย็นชาอยู่เป็นพักๆ
สุดท้ายก่วนฟางอี๋ยังคงเดินทางออกมาอยู่ดี แต่เป็นการเดินทางติดตามหนิวโหย่วเต้าไป ร่วมทางไปด้วยกัน
จำนวนคนไม่ได้มากมายนัก เป็นคณะสิบคนเท่านั้น
หยวนฟางไม่ได้มีส่วนร่วมในศึกที่มณฑลหนานโจว คล้ายรู้สึกคันไม้คันมือ ครั้งนี้พอได้ยินว่าหนิวโหย่วเต้าจะเดินทางไกลอีกครั้งจึงทำหน้าหนาติดตามมาด้วย
ส่วนทางฝั่งกงซุนปู้ไม่ได้ส่งคนติดตามมาด้วยอีก
กงซุนปู้ปฏิบัติตามความต้องการของหนิวโหย่วเต้า ขยายเครือข่ายข่าวสารให้กว้างขวางขึ้น เรื่องที่ต้องจัดการจึงค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น ไม่สะดวกจะตะลอนไปทุกหนทุกแห่งอีก การเดินทางครั้งนี้มุ่งหน้าไปยังแคว้นซ่ง ปกติแล้วหยวนกังและก่วนฟางอี๋มักจะมีส่วนร่วมกับเครือข่ายข่าวกรองของสำนักเบญจคีรีอยู่เสมอ จึงรู้แล้วว่าต้องติดต่อกับสายข่าวของทางแคว้นซ่งอย่างไร ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องให้คนของสำนักเบญจคีรีติดตามมาอีก
ระหว่างที่อยู่ในเส้นทางบนภูเขาสายหนึ่ง ขบวนเดินทางรั้งบังเหียนหยุดม้า หยุดลงหน้าปากทางเข้าสู่ภูเขาลูกหนึ่ง เป็นเส้นทางเข้าสู่หมู่บ้านในป่า
หนิวโหย่วเต้าและหยวนกังต่างมองพินิจรอบๆ ปากทางเข้า จากไปนานหลายปี พอกลับมาเห็นปากทางเข้าแห่งนี้อีกครั้งก็รู้สึกสะท้อนใจขึ้นมา
หนิวหลิน หยวนหั่วและหนิวซานบังคับม้าแยกออกมาจากขบวน ประสานมือคำนับลา “เต้าเหยี่ย พวกเราไปก่อนนะขอรับ”
หนิวโหย่วเต้าพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ฝากทักทายคนในหมู่บ้านแทนข้าด้วย”
หนิวหลินอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามไปอีกประโยคหนึ่ง “เต้าเหยี่ย ท่านจะไม่กลับไปดูหน่อยหรือขอรับ? บ้านเก่าของครอบครัวท่านก็ยังอยู่นะขอรับ” เขาเกือบจะพูดว่าสุสานบรรพชนออกไปแล้ว
แววตาก่วนฟางอี๋ทอประกายวิบวับ ทอดตามองเข้าไปยังปลายสุดของเส้นทางในหุบเขาอย่างสงสัยใคร่รู้ อันที่จริงนางอยากไปดูว่าหมู่บ้านเล็กๆ ที่พูดถึงกันแห่งนั้น อยากเห็นว่าเป็นสถานที่เช่นไรถึงให้กำเนิดตัวประหลาดอย่างหนิวโหย่วเต้าออกมาได้
ไม่ใช่แค่หนิวโหย่วเต้าเท่านั้น แม้ว่านางจะไม่ลงรอยกับหยวนกัง แต่สายตายังคงมีแววอยู่ มองออกว่าหยวนกังไม่ธรรมดาเลย หมู่บ้านในหุบเขาเล็กๆ แห่งหนึ่งกลับสร้างตัวประหลาดเช่นนี้ออกมาได้ถึงสองคน แล้วจะไม่ให้นางอยากรู้อยากเห็นได้อย่างไร
อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่พวกลุงเฉินที่ติดตามมาก็อดไม่ได้ที่จะชะเง้อมองไปยังสุดปลายถนนอยู่หลายครั้งไอรีนโนเวล
หนิวโหย่วเต้าเพียงยิ้มแต่ไม่ตอบ บางคำถามก็ไม่จำเป็นต้องตอบ
หยวนกังเอ่ยขึ้นว่า “อย่าโอ้เอ้”
พวกหนิวหลินทั้งสามจึงทำได้เพียงประสานมือคำนับอีกครั้ง จากนั้นบังคับม้าหันหลังวิ่งห้อไปตามเส้นทาง ควบทะยานไป
หนิวโหย่วเต้าหันไปมองหยวนกัง “เจ้าไม่อยากกลับไปดูหน่อยหรือ?”
หยวนกังก็ไม่ได้ตอบเช่นกัน เพียงใช้สองเท้ากระทุ้งสีข้างม้า ควบม้าทะยานนำไปก่อน
หนิวโหย่วเต้าควบม้าตามไป ทั้งคณะออกเดินทางต่อ
นับตั้งแต่อยู่ในจังหวัดชิงซานจนไปยังแคว้นฉีแล้วไปที่เมืองซั่งผิงต่อ หลังผ่านเรื่องราวบางอย่างมา โดยเฉพาะหลังจากที่เสียพวกพ้องไปสามสิบกว่าคน ในที่สุดหยวนกังก็เข้าใจเรื่องที่ก่อนหน้านี้เต้าเหยี่ยต้องการให้เขาทำงานอยู่เบื้องหลังอย่างลึกซึ้งแล้ว
ก็เหมือนกับที่เต้าเหยี่ยเคยปฏิบัติกับเขาเมื่อในอดีต ตอนนี้เขาเองก็รับรู้ได้แล้วว่าความห่างชั้นระหว่างตนกับเหล่าพี่น้องขยายตัวออกไปมากขึ้นแล้ว ความเสี่ยงบางอย่างตัวเขาแบกรับไหว แต่ถ้าให้เหล่าพี่น้องร่วมเสี่ยงไปด้วยกันล่ะก็ นั่นก็ไม่ต่างอะไรกับการมุ่งหน้าไปหาความตายเลย
หลังเข้าใจแล้วว่าแนวคิดที่ติดมาจากอีกโลกหนึ่งไม่ค่อยเหมาะสมกับยุคสมัยนี้ ฝึกฝนเหล่าพี่น้องต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ที่สำคัญคือค่านิยมของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกัน เขากับหนิวโหย่วเต้าสามารถเตร็ดเตร่ไปทั่ว ทุกแห่งหนคือบ้าน แต่แนวความคิดที่ว่าช้าเร็วก็ต้องแต่งงานสร้างครอบครัวของเหล่าพี่น้องนั้นฝังลึก จะให้คนมากมายขนาดนั้นเป็นเหมือนพวกเขามันก็ไม่สมเหตุสมผลเท่าไรเช่นกัน
ประกอบกับหลังจากทุ่มกำลังช่วยเหลือซางเฉาจงไว้ในครานั้น ซางเฉาจงชื่นชมคนของเขาอย่างมาก อีกทั้งตอนนี้ซางเฉาจงได้ปกครองมณฑลจินโจวแล้ว จำเป็นต้องใช้คนอย่างเร่งด่วน ด้วยเหตุนี้หยวนกังจึงถือโอกาสถ่ายโอนเหล่าพี่น้องไปให้ซางเฉาจง ให้เหล่าพี่น้องไปติดตามซางเฉาจงเพื่อสร้างเส้นทางอนาคตในโลกคนธรรมดา
หยวนกังปล่อยวางได้แล้ว
ที่พวกหนิวหลินกลับมาครั้งนี้ก็เพราะเตรียมจะย้ายคนทั้งหมดในหมู่บ้านออกไป มณฑลหนานโจวกว้างใหญ่ถึงเพียงนั้น เพียงพอให้คนในหมู่บ้านเล็กๆ ได้ย้ายออกจากป่าเขาไปใช้ชีวิตใหม่ที่นั่นได้
อันที่จริงหนิวโหย่วเต้าไม่ต้องการให้คนในหมู่บ้านย้ายออกไปเลย เขาไม่คิดว่าพอชาวบ้านย้ายออกจากหมู่บ้านที่เคยใช้ชีวิตอยู่ไปแล้วจะมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ แต่พวกหนิวหลินล้วนคิดว่าแบบนั้นคือชีวิตที่ดีขึ้น บางทีชาวบ้านก็อาจจะคิดเช่นนั้นเหมือนกัน ดังนั้นหนิวโหย่วเต้าจึงไม่คัดค้านเช่นกัน
ทุกคนต่างมีทางเลือกของตัวเอง เขาไม่มีทางไปบังคับคนเหล่านี้ได้
ส่วนสาเหตุที่ครั้งนี้พาหยวนกังไปด้วย ไม่ได้ให้หยวนกังทำงานอยู่เบื้องหลัง เป็นเพราะหยวนกังได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตนแล้ว เขาสามารถปะทะกับผู้บำเพ็ญเพียรระดับโอสถทองอย่างซึ่งหน้าได้
……
ขุนเขาสายธารเชื่อมโยง เมื่อทอดสายตามองไป มีสถานที่งดงามชัยภูมิเลิศล้ำตั้งอยู่ไกลๆดฮณ๊ฯดฯฌซ,
จากแถบพื้นที่ที่เดินทางผ่านทำให้ก่วนฟางอี๋คาดเดาได้แต่แรกแล้ว นางชี้ออกไปพลางเอ่ยถาม “นี่เต้าเหยี่ย ข้าว่าสถานที่แห่งนี้คงเป็นสำนักสวรรค์พิสุทธิ์กระมัง?”
หนิวโหย่วเต้าตอบ “อืม”
ภูเขายังคงเป็นภูเขาลูกนั้น แม่น้ำก็ยังเป็นแม่น้ำสายนั้น ยามที่คณะเดินทางควบม้าผ่านไป ก่วนฟางอี๋เอ่ยถามขึ้นมาอีก “เต้าเหยี่ย เจ้าไม่อยากกลับไปดูหน่อยหรือ?”
หนิวโหย่วเต้าไม่ปริปาก ไม่แม้แต่จะเหลือบมอง ควบม้าผ่านไปเสมือนสายลมหอบหนึ่ง
……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า