ตอนที่ 462 เขย่าขวัญ
หยวนฟางถือมีดคู่ยืนประชิดตัวหนิวโหย่วเต้า กวาดตามองไปรอบๆ อย่างหวาดกลัว
พอเห็นอสูรปีกขาวที่ชักกระตุกอยู่บนพื้น ก่วนฟางอี๋ลดเสียงลงพลางเอ่ยด้วยความโกรธว่า “ยังไม่หนีอีก เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “สายไปแล้ว!”
มีเสียงประหลาดแว่วมาจากรอบทิศทาง ‘มนุษย์’ ที่มีรูปลักษณ์แปลกประหลาดทยอยปีนป่ายโผล่ออกมาจากด้านหลังต้นไม้หรือว่าก้อนหินตัวแล้วตัวเล่า เพียงครู่เดียวก็มีอสูรผีเสื้อโผล่ออกมาหลายสิบตัวแล้ว แต่ละตัวพากันจ้องมองมาที่พวกเขาด้วยสีหน้าดุร้ายโหดเหี้ยม ค่อยๆ กางปีกผีเสื้อด้านหลังออกมา
ในบรรดาปีกผีเสื้อที่กางออกมามากมาย ส่วนใหญ่เรืองแสงสีขาว มีแสงสีน้ำเงินอยู่หลายตัว แถมยังมีตัวที่แผ่แสงสีแดงออกมาตัวหนึ่งด้วย
อสูรโลหิต? ม่านตาก่วนฟางอี๋หดตัว ตวัดมือคีบยันต์อาคมออกมา “สารเลว รีบหนีได้แล้ว ยันต์อาคมในมือข้าน่าจะคุ้มกันพวกเราไปได้สักระยะ”
หนิวโหย่วเต้ากลับเหลือบมองไปทางหยวนกัง “ฝากเจ้าด้วย”
กรามของหยวนกังขยับเล็กน้อย กัดปลายลิ้นตัวเอง จากนั้นก็อ้าปากพ่นน้ำลายที่มีโลหิตปนเปื้อนออกมา สาดพ่นใส่ร่างหนิวโหย่วเต้าดั่งละอองหมอก หนิวโหย่วเต้าก็ยอมให้พ่นไป
หยวนฟางเองก็หลบไม่พ้นเช่นกัน
ก่วนฟางอี๋ที่กำลังตะลึงงันอยู่ก็ถูกพ่นน้ำลายปนโลหิตใส่หน้าเช่นกัน นางยกมือขึ้นเช็ดหน้าเล็กน้อย มือเปื้อนคราบเลือดจางๆ
เดิมทีนางคิดจะใช้พลังขจัดทิ้ง แต่พอเห็นว่าหนิวโหย่วเต้าปล่อยให้หยวนกังพ่นน้ำลายใส่ นางก็ตระหนักได้ว่าหยวนกังทำเช่นนี้ต้องมีเหตุผลแน่นอน จึงยอมปล่อยให้พ่นใส่หน้าไป
แต่พอนึกขึ้นได้ว่าสิ่งที่พ่นลงบนหน้าคือน้ำลายของหยวนกัง นางก็คลุ้มคลั่งขึ้นมาเล็กน้อยทันที นางเป็นสตรีที่รักสวยรักงามคนหนึ่ง จึงย่อมต้องรักความสะอาดไปด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่ถูกคนพ่นน้ำลายใส่หน้าเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นคือถูกคนที่ตนเกลียดพ่นใส่หน้าด้วย นางรู้สึกขยะแขยงเป็นอย่างอย่างยิ่ง
แต่นางยังไม่ทันได้สอบถามเรื่องราวให้กระจ่าง อสูรโลหิตที่ดวงตาฉายแววโหดเหี้ยมที่ยืนอยู่บนก้อนหินตัวนั้นพลันอ้าปากแยกเขี้ยว เปล่งเสียงดัง “กี้ด” อย่างโกรธเกรี้ยว
อสูรผีเสื้อตัวอื่นที่กระจายตัวอยู่ตามพื้นที่ลุ่มดอนรอบข้างพากันบินพุ่งเข้ามา เข้าปิดล้อมโจมตี!
หนิวโหย่วเต้าที่กุมสองมืออยู่บนด้ามกระบี่สงบนิ่งเยือกเย็น แต่ทำให้คนรับรู้ได้ถึงความพร้อมรับมือที่อยู่ภายใต้ความสงบนิ่ง
สีหน้าและแววตาของหยวนฟางฉายแววประหม่าหวาดกลัวออกมาอย่างชัดเจนไอรีนโนเวล
นับตั้งแต่ออกจากวัดมาจนถึงตอนนี้ เขายังไม่เคยผ่านการต่อสู้ฆ่าฟันอย่างเป็นจริงเป็นจังมาก่อนเลย ยกตัวอย่างเช่นการต่อสู้นอกเมืองไจซิงเขาก็แค่หนีไปซ่อนตัว รอให้พวกหนิวโหย่วเต้าจัดการเรียบร้อยแล้วค่อยโผล่หน้ามา
ดังนั้นตอนนี้เขาจึงนึกเสียใจขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว นึกเสียใจว่าไม่ควรรบเร้าอยากติดตามหนิวโหย่วเต้าออกมาเลย มีอะไรน่าเปิดหูเปิดตากัน เก็บตัวอยู่ในบ้านต่างหากถึงจะปลอดภัย โลกภายนอกอันตรายเกินไปแล้ว
ก่วนฟางอี๋ก็คีบยันต์อาคมในมือไว้แน่น ตั้งท่าพร้อมจะใช้ยันต์เพื่อทำการป้องกันอยู่ตลอดเวลา
หยวนกังถือดาบไว้ในมือ หันเข้าหาอสูรโลหิตที่อยู่บนก้อนหินตัวนั้น
แต่ภาพการโจมตีอันดุเดือดแบบที่หยวนฟางและก่วนฟางอี๋จินตนาการไว้กลับไม่เกิดขึ้น อสูรผีเสื้อที่พุ่งเข้ามาโจมตีหยุดลงกะทันหัน ปากสองข้างยืดกางออก พากันร่อนลงบนพื้นที่อยู่ห่างออกไปประมาณหนึ่งจั้ง ต่างค่อยๆ ถอยหลังไปด้วยสีหน้าหวาดกลัว ไม่รู้ว่ากลัวอะไรอยู่
ก่วนฟางอี๋ที่จิตใจกำลังตึงเครียดพลันประหลาดใจ นึกเชื่อมโยงไปถึงอสูรปีกน้ำเงินสามตัวที่จะเข้ามาโจมตีพวกเขาก่อนหน้านี้ก็เหมือนจะมีท่าทีเช่นนี้เหมือนกัน จากนั้นก็นำมาผนวกรวมกับการกระทำของหนิวโหย่วเต้าและหยวนกัง นางอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหยวนกัง ในที่สุดก็ตระหนักได้แล้วว่าเหตุการณ์ผิดปกตินี้น่าจะเกี่ยวข้องกับหยวนกัง
พอเห็นว่าพรรคพวกถอยหนีไม่ยอมเข้าโจมตี อสูรโลหิตที่อยู่บนก้อนหินตัวนั้นโมโหขึ้นมา ชี้กรงเล็บไปทางพวกหนิวโหย่วเต้าอย่างโกรธเกรี้ยว เปล่งเสียง ‘กี้ด’ ดุดันออกมาอีกครั้ง น้ำเสียงเต็มไปด้วยเจตนาข่มขู่
อสูรผีเสื้อที่ถอยหลังออกไปเป็นวงหยุดนิ่งลง มีท่าทางกล้าๆ กลัวๆ ทั้งไม่กล้าเดินหน้าเข้าไปโจมตี แต่ก็ไม่กล้าถอยเนื่องจากหวาดกลัวอสูรโลหิต
พรึบ! เงาสีแดงพุ่งเข้ามา เมื่อเห็นว่าพรรคพวกไม่กล้าลงมือ ในที่สุดอสูรโลหิตก็ลงมือทำการโจมตีด้วยตัวเองก่อน
แต่พอมาถึงระยะห่างหนึ่งจั้งเท่ากัน การโจมตีของอสูรโลหิตก็เปลี่ยนทิศทางไป บินวนอ้อมรอบตัวคนทั้งกลุ่ม ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เปลี่ยนทิศทาง ทว่าไม่ได้ถอยหนีไปเช่นเดียวกับอสูรผีเสื้อตัวอื่นๆ แถมยังส่งเสียงร้อง “กี้ด” ใส่พวกหนิวโหย่วเต้าด้วย ไม่เข้าใจว่าต้องการจะสื่ออะไร
หยวนกังที่ถือดาบพาดเฉียงๆ อยู่ในมือก้าวเท้าเดินออกไป เดินเข้าไปทางอสูรโลหิตทีละก้าวๆ บีบเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
ฝ่ามือของหยวนฟางมีเหงื่อไหลซึมออกมาแล้ว พบว่าหยวนเหยี่ยก็คือหยวนเหยี่ย ช่างดุดันห้าวหาญเสียเหลือเกิน!
ก่วนฟางอี๋มีสีหน้าตกใจและสับสน
เมื่อหยวนกังเข้าไปใกล้ เท้าข้างหนึ่งของอสูรโลหิตก้าวถอยหลังไปทันที แต่ก็ชักกลับมาอย่างรวดเร็ว เพื่อแสดงว่าตนไม่ได้หวาดกลัว มันยืดคอร้อง “กี้ด” ใส่หยวนกังอย่างโกรธเกรี้ยว คล้ายว่ากำลังข่มขู่หรือเตือนไม่ให้หยวนกังเข้าไปใกล้มากกว่านี้
เมื่ออสูรโลหิตคำรามใส่ หยวนกังก็เปล่งเสียง “โฮก” ตอบกลับไป อารมณ์ที่แฝงอยู่ในเสียงทำให้คนรับรู้ได้ถึงโทสะอย่างชัดเจน
“กี้ด!” อสูรโลหิตคำรามออกมาอีกครั้ง สองปีกขยับกระพือ ชี้กรงเล็บไปทางอสูรปีกขาวที่ล้มอยู่ข้างๆ หนิวโหย่วเต้า คล้ายกำลังบรรยายอันใดอยู่ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
หนิวโหย่วเต้าขมวดคิ้วเล็กน้อย พบว่าเรื่องราวมันไม่ได้เป็นไปตามที่ตนคาดการณ์ไว้ รู้สึกรางๆ ว่าหยวนกังไม่ได้มีอำนาจมากพอจะข่มอสูรผีเสื้อระดับอสูรโลหิตได้ จึงอดนึกเป็นห่วงหยวนกังขึ้นมาไม่ได้ ฝ่ามือที่วางทาบบนด้ามกระบี่ค่อยๆ กุมด้ามกระบี่ไว้แน่น
“โฮก…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า