ตอนที่ 479 อิ๋นเอ๋อร์
“คนผู้นี้คือ?” ก่วนฟางอี๋ถามอย่างฉงนเล็กน้อย
“อสูร…” หนิวโหย่วเต้าอ้าปากพูดแต่ก็หยุดไป อสูรศักดิ์สิทธิ์เป็นชื่อที่โลกภายนอกตั้งขึ้นมาในภายหลังเพื่อเรียกขานแบ่งชนชั้นอสูรผีเสื้อ จะเรียกว่าราชินีปีศาจผีเสื้อต่อหน้าอสูรศักดิ์สิทธิ์ก็คงไม่เหมาะเช่นกัน จะเรียกว่าผู้อาวุโส ก่วนฟางอี๋ก็คงฟังไม่เข้าใจ ตอนนี้ถึงได้นึกถึงปัญหานี้ขึ้นมา เขาหันไปเอ่ยถามอสูรศักดิ์สิทธิ์ “ข้าช่วยตั้งชื่อเรียกให้เจ้าดีหรือไม่”
อสูรศักดิ์สิทธิ์พยักหน้าอย่างกระตือรือร้น
ก่วนฟางอี๋นึกสงสัย เป็นคนที่ไม่รู้จักชื่อ ทั้งยังต้องให้เจ้าตั้งชื่อด้วยอย่างนั้นหรือ หมายความว่าอย่างไร?
หนิวโหย่วเต้าครุ่นคิดเล็กน้อย “อิ๋นเอ๋อร์ ต่อไปเรียกเจ้าว่าอิ๋นเอ๋อร์แล้วกัน”
อสูรศักดิ์สิทธิ์พยักหน้าแรงๆ ยกยิ้มสดใส เอ่ยด้วยน้ำเสียงใสกระจ่าง “อิ๋นเอ๋อร์!”
ก่วนฟางอี๋ทนไม่ไหว จึงถามไปว่า “เต้าเหยี่ย มันเรื่องอะไรกัน?”
หนิวโหย่วเต้าถอนหายใจ “ข้าก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเป็นเรื่องอะไร”
ก่วนฟางอี๋ไม่เชื่อ “ใครที่ไหนก็ไม่รู้ แต่เจ้าปล่อยให้อยู่ข้างกายจับเสื้อเจ้าไว้ไม่ปล่อยอย่างนั้นหรือ? ”
ใครที่ไหนก็ไม่รู้อย่างนั้นหรือ? หากพูดออกไปกลัวเจ้าจะตกใจเอาน่ะสิ หนิวโหย่วเต้ายิ้มแล้วเอ่ยไปว่า “ข้าย่อมทราบดีว่าเป็นผู้ใด ก็คนที่โจมตีจนเจ้าสลบไปก่อนหน้านี้อย่างไรเล่า นางกลายเป็นคนแล้ว”
ก่วนฟางอี๋และหยวนฟางเบิกตากว้างทันที มองไปที่อิ๋นเอ๋อร์อย่างพร้อมเพรียง จากนั้นก็พากันมองมือของอิ๋นเอ๋อร์ที่จับเสื้อหนิวโหย่วเต้าไว้ ต่างรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะถอยหลังไปก้าวหนึ่งทันที
ก่อนหน้านี้ทั้งสองยังรู้สึกแปลกๆ ในสถานที่บ้าบอเช่นนี้จะมีสตรีคนหนึ่งโผล่มาได้อย่างไร เห็นสตรีนางนี้สนิทสนมใกล้ชิดกับหนิวโหย่วเต้าก็นึกว่าเป็นคนรู้จักของหนิวโหย่วเต้า บางทีอาจจะตามมาช่วยอะไรทำนองนั้น ก็ยังแปลกใจอยู่ว่าเข้ามาลึกถึงที่นี่ได้อย่างไร ที่แท้ก็เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่น่าหวาดกลัวตนนั้น!
“นี่…” ก่วนฟางอี๋ยังคงหวาดหวั่นต่อการโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวนั้นของอสูรศักดิ์สิทธิ์ ถามอย่างค่อนข้างหวาดกลัว “เต้าเหยี่ย เจ้าไม่ได้ล้อเล่นกระมัง?”
หนิวโหย่วเต้าผายมือออก ท่าทางจนปัญญาอย่างมากเช่นกัน艾琳小說
เขาก็ไม่ได้อยากมีคนที่ติดตามไปทั่วเช่นนี้เลย ไม่ว่าท่าทีที่ดูไร้พิษภัยของอสูรศักดิ์สิทธิ์จะเป็นการเสแสร้งหรือไม่ แต่การที่มีราชินีปีศาจอันน่าหวาดผวาเช่นนี้ตามติดไปทุกฝีก้าวจะยังรู้สึกสบายใจได้อีกหรือ? ไม่มีใครรู้ว่านางจะไม่สบอารมณ์ขึ้นมาตอนไหน หากว่านางไม่สบอารมณ์ขึ้นมา ผลลัพธ์จะรุนแรงนัก เปรียบเสมือนมีจอมปีศาจติดตามอยู่ข้างกายซ้ำยังเป็นจอมปีศาจที่พร้อมจะซัดเจ้าให้ตายได้ทุกเมื่อ
ก่วนฟางอี๋และหยวนฟางมองไปที่หยวนกัง ล้วนทราบดีว่าแม้คนผู้นี้จะไม่ชอบพูด แต่หากเปิดปากพูดส่วนใหญ่ไม่เคยโป้ปดเลย
หยวนกังพยักหน้าเล็กน้อย
จิตใจของก่วนฟางอี๋และหยวนฟางตึงเครียดขึ้นมา แม้ว่าอิ๋นเอ๋อร์จะดูบริสุทธิ์ไร้พิษภัย แต่ทั้งสองล้วนกระวนกระวายใจ เงียบงันเสมือนจักจั่นในหน้าหนาว ไม่กล้าพูดจาส่งเดชอีก
เดิมทีทั้งสองอยากจะถามว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร จนใจที่อยู่ต่อหน้าอิ๋นเอ๋อร์จึงไม่กล้าถามมากอีก
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “ไม่ต้องกลัว ดูเหมือนจะไม่มีอะไรแล้ว”
ดูเหมือนหรือ? ทั้งสองมองอิ๋นเอ๋อร์ เรื่องร้ายแรงถึงชีวิต ไม่มีผู้ใดทราบถึงอารมณ์ของราชินีปีศาจตนนี้ได้แน่ชัด จะใช้คำว่าดูเหมือนได้หรือ?
พอเห็นก่วนฟางอี๋มีสีหน้าย่ำแย่ หนิวโหย่วเต้าจึงเอ่ยถามไป “บาดเจ็บหนักมากหรือ?”
ก่วนฟางอี๋เหลือบมองอิ๋นเอ๋อร์ “พอไหว พักฟื้นไปสักระยะก็ดีขึ้นแล้ว”
พอกล่าวมาถึงตรงนี้ หยวนฟางอิจฉานักที่นางมีโอสถวิญญาณรักษาอาการบาดเจ็บติดตัว บาดเจ็บหนักถึงเพียงนั้น ตอนแรกขยับนิดขยับหน่อยก็เต็มกลืนแล้ว สุดท้ายกินโอสถวิญญาณเข้าไปเม็ดเดียวก็ฟื้นฟูอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ ถึงแม้อาการบาดเจ็บจะไม่หายสนิท แต่ผลลัพธ์ก็เป็นที่ประจักษ์แล้ว
ก่วนฟางอี๋ก็มองเห็นแผลที่มือเขาแล้วเช่นกัน นางเอ่ยถาม “เจ้าปลอดภัยดีกระมัง?”
หนิวโหย่วเต้ายิ้มเจื่อน “จะปลอดภัยได้อย่างไร? ซี่โครงหักไปหลายซี่ แต่ก็ไม่มีอะไรร้ายแรง”
ก่วนฟางอี๋สังเกตเห็นไข่มุกสีทองในมือเขาแล้ว จึงเอ่ยถามออกไปอีกครั้ง “นางมอบให้เจ้าหรือ?”
เรื่องนี้หนิวโหย่วเต้าไม่อาจบอกได้จริงๆ ว่าอีกฝ่ายมอบให้ อสูรศักดิ์สิทธิ์คล้ายจะลืมไข่มุกสีทองเม็ดนี้ไปแล้ว แล้วก็ไม่ได้บอกว่ายกให้เขา เป็นหยวนกังที่เก็บกลับมา เขาเอ่ยยิ้มๆ “อยู่ในมือข้าก็ต้องเป็นของข้าสิ”
ก่วนฟางอี๋ยื่นมืออกไปทันที “ส่งมาให้ข้า!”
หนิวโหย่วเต้าแปลกใจ “เจ้าใช้ประโยชน์ได้หรือ?”
ก่วนฟางอี๋พลันแสดงสีหน้าเจ็บปวด “ยันต์กระบี่สวรรค์หนึ่งแผ่นมีราคามากเท่าไรเจ้าน่าจะรู้กระมัง? ข้าเสียหายมากขนาดนี้ก็ควรได้รับสิ่งชดเชยบ้างมิใช่หรือ?”
หนิวโหย่วเต้ายิ้มออกมา โยนส่งให้โดยไม่ใส่ใจเรื่องนี้เลย
เมื่อถึงเวลาที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ เขาย่อมต้องมีวิธีให้ก่วนฟางอี๋นำออกมา แค่มอบให้นางเก็บรักษาไปก่อนเท่านั้นไอรีนโนเวล
ชั้นเชิงในด้านนี้ก่วนฟางอี๋ไหนเลยจะสู้เขาได้ ไม่รู้เท่าทันความคิดเขา หลงนึกว่าตนได้กำไรแล้ว พอรับมาถึงมือก็เหลือบมองอิ๋นเอ๋อร์ก่อนเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าราชินีปีศาจไม่ได้มีท่าทีอะไรถึงได้ยิ้มหน้าบานเก็บไว้อย่างดีใจ โยนเรื่องสูญเสียยันต์กระบี่สวรรค์ออกไปจากสมองแล้ว
สัญลักษณ์สืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักของสำนักหมื่นสรรพสัตว์ สมบัติที่ทำให้อวิ๋นจียอมเสี่ยงอันตรายขนาดนั้นเพื่อให้ได้มา ขอถามหน่อยเถิดว่ามูลค่าของยันต์กระบี่สวรรค์แผ่นหนึ่งจะเทียบกันได้หรือ นางย่อมคิดว่าตนได้กำไรแล้ว ย่อมไม่คิดถือสาเรื่องที่สูญเสียยันต์กระบี่สวรรค์อีกต่อไป
สมบัติล้ำค่าเชียวนะ! แววตาหยวนฟางเต็มไปด้วยความอิจฉา แต่เขาไม่มีสิทธิ์พูดอะไร ในฐานะที่เป็นคนดียวที่หนีเอาตัวรอดไปในยามที่ประสบอันตราย ตัวเขาก็รู้สึกละอายใจเช่นกัน ได้แต่ทำตัวเป็นผู้ตามอย่างอ่อนน้อมว่าง่าย เลี่ยงไม่ให้สร้างปัญหาแก่ตัวเอง
หลังเก็บมุกวิญญาณหมื่นสรรพสัตว์ไปนางก็นึกถึงเจ้าของคนก่อนหน้านี้ ก่วนฟางอี๋อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกไปประโยคหนึ่ง “อวิ๋นจีตายแล้วหรือ?”
หนิวโหย่วเต้าหันไปมองอิ๋นเอ๋อร์เล็กน้อย “นางไม่ได้บอก เจ้าคิดว่านางลงมือแล้ว อวิ๋นจีจะมีจุดจบที่ดีอันใดหรือ?” ว่าแล้วก็ถอนหายใจ เขาไม่รู้ว่าโหวฉิงเทียนจะรู้หรือไม่ว่าอวิ๋นจีมาพบเขา หลังออกจากแดนความฝันไป เกรงว่าต้องเผชิญกับคำถามแน่นอน เรื่องนี้ยากจะอธิบายได้จริงๆ คงได้แต่ต้องบอกว่าไม่รู้เท่านั้น
พอจะนึกภาพออกเลยว่าเขาข้ามเมฆาที่ขาดอวิ๋นจีไป เกรงว่าคงจะลำบากแล้ว
ในเมื่อราชินีปีศาจนางนี้ไม่พูด ก่วนฟางอี๋ก็ได้แต่ตอบว่า “โอ้” เท่านั้น ไม่ได้ถามมากความอีก แต่คิดๆ ไปแล้วก็ถูก นางเคยประจักษ์ในพลังของอสูรศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว มีความเป็นไปได้สูงว่าอวิ๋นจีจะประสบเคราะห์ไปแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า