ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 487

ตอนที่ 487 งานชุมนุมสัตว์วิเศษถูกยกเลิก

ใบหน้านี้ช่างคุ้นเคยนัก สำหรับลู่เซิ่งจงแล้ว นี่เรียกได้ว่าไม่ทันตั้งตัวเลย จิตใจสั่นสะท้านตื่นตระหนก

แต่เขายังคงรักษาความเยือกเย็นไว้ได้ โอบกอดเสี้ยวความหวังไว้ แสร้งทำเป็นไม่รู้จักแล้วเหินทะยานต่อไป

“ลู่ซยง พบหน้ากันแล้วไยทำเหมือนไม่รู้จักเล่า?” หนิวโหย่วเต้าใช้พลังขยายเสียงให้ดังก้องขึ้น

ลุงเฉินปรากฏตัวขึ้นในป่า ขวางทางของลู่เซิ่งจงเอาไว้ บีบให้ลู่เซิ่งจงต้องร่อนลงพื้น

การตอบสนองของอีกฝ่ายว่องไวเป็นยิ่งนัก ลู่เซิ่งจงเพียงมองดูก็รู้แล้วว่าตนมิใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายเลย คำว่า ‘ลู๋ซยง’ ที่หนิวโหย่วเต้ากล่าวออกมาได้พิสูจน์ให้เห็นว่าหนิวโหย่วเต้าเตรียมตัวมาแล้ว พุ่งเป้ามาหาเขา เขาพาตัวเองเข้ามาติดกับ หนีไปไหนไม่รอดแล้ว

เหตุผลที่เขาแปรพักตร์อย่างต่อเนื่องก็เพราะเขารู้จักปรับตัวตามสถานการณ์

ครั้งนี้ก็ยังคงมองสถานการณ์ออกเช่นเคย หนิวโหย่วเต้าออกโรงด้วยตัวเองไหนเลยจะยอมปล่อยเขาหนีไปได้? ดังนั้นจึงไม่ดิ้นรนขัดขืนอย่างไร้ประโยชน์ให้เจ็บตัวเปล่า

ด้านหน้ามีลุงเฉินยืนอยู่บนยอดไม้ด้วยสีหน้าเย็นชา ลู่เซิ่งจงค่อยๆ หันหลังกลับ มองหนิวโหย่วเต้าที่นั่งเขี่ยกองไฟบนเนินเขาอย่างไม่อนาทรร้อนใจ

เขาดีดตัวขึ้นมา เหินทะยานแล้วร่อนลงข้างกองไฟ นั่งขัดสมาธิลงไป เผชิญหน้ากับหนิวโหย่วเต้าโดยมีกองไฟคั่นกลาง เขาปลดใบหน้าปลอมออกจากหน้า เอ่ยด้วยรอยยิ้มขมขื่น “เต้าเหยี่ย บังเอิญนัก”

มาถึงตอนนี้แล้ว มีหรือจะไม่รู้ว่าบทสนทนาที่ได้ยินในโรงเตี๊ยมนั้นเป็นการเจตนาพูดเพื่อให้เขาได้ยิน ตั้งใจแหวกหญ้าให้งูตื่น บีบให้เขาออกจากเมืองวั่นเซี่ยง เนื่องจากไม่สะดวกจะลงมือในเมืองวั่นเซี่ยง แต่สิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัวอย่างแท้จริงคืออีกฝ่ายคำนวณได้ว่าหลังออกจากเมือง เขาจะมุ่งหน้ามาทางนี้ จึงมาดักรอเขาอยู่ที่นี่ นี่แปลว่าอีกฝ่ายเดาทางเขาออก

“ใช่ บังเอิญจริงๆ” หนิวโหย่วเต้าเงยหน้าขึ้นมา “ไม่ได้ยินข่าวคราวเจ้าเสียนาน นึกว่าเจ้าตายด้วยน้ำมือเซ่าผิงปอเสียแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะได้พบเจ้าที่นี่ ถึงอย่างไรก็เป็นคนรู้จักเก่าก่อน มาแล้วก็ไม่รู้จักมาทักทาย ไร้น้ำใจเกินไปแล้วกระมัง”艾琳小說

ลู่เซิ่งจงเอ่ยว่า “ท่านหาตัวข้าพบได้อย่างไร? เพราะเฉาเซิ่งไหวหรือ?”

หนิวโหย่วเต้าโบกมือไปในทิศทางหนึ่ง โหวฉิงเทียนปรากฏตัวออกมาจากป่า

พอลู่เซิ่งจงหันไปเห็นก็พูดไม่ออกอย่างสิ้นเชิง ผ่านไปพักใหญ่ถึงจะหันกลับมา เอ่ยถามด้วยความหดหู่ “พวกเขาเป็นคนของท่านหรือ?”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “นับว่าใช่กระมัง จูเจียง ฮ่าๆ นี่ล้วนเป็นความบังเอิญทั้งสิ้น เจ้าดวงซวยจริงๆ”

ลู่เซิ่งจงเงยหน้ามองฟ้าพลางถอนหายใจยาวๆ “กล่าวได้เพียงว่าข้าโชคไม่ดี”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ไหนเลยจะมีโชคมากมายปานนั้น ต่อให้ไม่มีเรื่องนี้ เจ้าคิดหรือว่าให้เฉาเซิ่งไหวมาจัดการข้าแล้วเจ้าจะรอดตัวไปได้? อันที่จริงในใจเจ้าก็ตระหนักได้แล้ว รู้ว่าเฉาเซิ่งไหวอาจจะสู้ข้าไม่ได้ เนื่องด้วยเหตุผลนี้จึงปลอมตัวเป็นจูเจียง วางแผนเพิ่มไปอีกชั้น หากว่ามีความมั่นใจจริงๆ ไหนเลยจะต้องเพิ่มอุบายนี้เข้าไปอีก เจ้าคิดว่าต่อให้เฉาเซิ่งไหวทำพลาดก็ไม่มีทางรู้ว่าเจ้าเป็นใครอยู่ดี ข้าก็คงเดาไม่ถูกเช่นกันว่าเป็นฝีมือของผู้ใดใช่หรือไม่? ยังไม่ต้องพูดเรื่องล่อเจ้าออกมาเลย ขอเพียงเจ้ายังอยู่ในเมืองวั่นเซี่ยง เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถให้สำนักหมื่นสรรพสัตว์ดักสกัดประตูไว้ได้ทุกเมื่อ คัดกรองหาตัวเจ้าออกมาได้ปานร่อนตะแกรง มีวิธีบีบคั้นให้เจ้าปรากฏตัวออกมา เจ้าคิดว่าเจ้าจะหนีรอดไปได้อย่างนั้นหรือ?”

เขาโยนกิ่งไม้ในมือเข้ากองไฟ “ผิดที่ตัวเจ้าเอง อย่าได้กล่าวโทษโชคดวงอันใดเลย ไหนลองว่ามาซิ เซ่าผิงปอมอบความกล้าให้เจ้ามากขนาดไหน เจ้าถึงได้กล้าบุกมาสร้างปัญหาให้ข้าตามลำพังได้”

“ข้าก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน ข้าสงสัยว่าข้าจะถูกพิษ ‘โอสถเทพระทม’ ของหอจันทร์กระจ่างเข้าแล้ว…” ลู่เซิ่งจงเล่าเรื่องราวที่ประสบมารวมถึงสาเหตุที่ทำให้ตนหมดทางเลือกออกมาด้วยสีหน้าขมขื่น

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ลำบากเจ้าเสียแล้ว”

ลู่เซิ่งจงเอ่ยว่า “หากท่านหาทางแก้พิษให้ข้าได้ ข้าสามารถกลับไปเป็นสายลับข้างกายเซ่าผิงปอให้ท่านได้ ทำคุณไถ่โทษ”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “เจ้าคิดว่าเจ้าลงมือกับข้าแล้วยังจะได้รอดกลับไปอย่างปลอดภัยอีกหรือ เซ่าผิงปอจะยอมเชื่อเจ้าง่ายๆ หรือ? มองจากที่เขาส่งเจ้ามาลงมือคนเดียวก็แปลว่าเขาพร้อมสละเจ้าทิ้งแล้ว หากข้าเป็นเจ้า ข้าจะตรงมาหาข้าแล้วบอกเล่าเรื่องราวแต่แรก มิใช่รอจนก่อเรื่องขึ้นมาแล้วค่อยพูด ทำงานพลาดแล้วยังจะมาพูดเรื่องยาถอนพิษอันใดอีก เรื่องยาถอนพิษข้าน่าจะขอมาจากทางหอจันทร์กระจ่างได้ แต่เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่ามาพูดเอาตอนนี้ก็ออกจะสายไปเสียหน่อยแล้ว?”ดฮณ๊ฯดฯฌซ,

พอได้ยินว่าเขาสามารถหายาถอนพิษมาได้ ลู่เซิ่งจงก็มีตื่นตัวขึ้นมาทันที “ต่อให้ข้าไม่สามารถกลับไปอยู่ข้างกายเซ่าผิงปอได้ แต่ข้ายังช่วยจัดการเรื่องอื่นให้ท่านได้ ท่านมารอพบข้าด้วยตัวเองก็เพราะยังมีช่องให้เจรจากันได้มิใช่หรือ?”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ข้าจะให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง ให้เจ้ารับหนึ่งฝ่ามือจากข้า หากว่าสามารถรอดชีวิตไปจากที่นี่ได้ ก็ให้กลับไปพบข้าที่เมืองวั่นเซี่ยง”

“….” ลู่เซิ่งจงตะลึงงัน

ทั้งสองสบตากันโดยมีกองไฟคั่นกลาง ทันใดนั้นเอง ร่างของทั้งสองคนขยับแทบจะพร้อมเพรียงกัน ทั้งสองฝ่ายต่างซัดฝ่ามือเข้าไปในกองไฟ สะเก็ดไฟพุ่งกระจายไปทั่วทิศ

เกิดเสียงดังปัง หนิวโหย่วเต้าก้าวออกมาจากแสงไฟ สีหน้าสงบนิ่ง

ลู่เซิ่งจงซวนเซถอยกรูดไถลลงเนินเขาไป โลหิตไหลซึมมุมปาก มองหนิวโหย่วเต้าด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ ไม่คิดเลยว่าสภาวะของผู้บำเพ็ญเพียรรุ่นหลังอย่างหนิวโหย่วเต้าจะล้ำหน้าเขาไปแล้ว แต่สิ่งที่เขาตกใจยิ่งกว่าคือฝ่ามือที่เขาทุ่มพลังทั้งหมดซัดเข้าปะทะกับฝ่ามือหนิวโหย่วเต้ากลับไม่ส่งผลใดๆ เลย

แต่ปฏิกิริยาตอบสนองที่รุนแรงยิ่งกว่ากลับเกิดขึ้นมาในร่างของเขา ความร้อนระอุและหนาวยะเยือกสองสายเคี่ยวกรำอยู่ภายในร่าง ทำให้เขาต้องระดมพลังเข้าสกัดต้าน

หนิวโหย่วเต้าทอดตามองดูเขา เอ่ยคล้ายจะพูดกับตัวเอง “น่าเสียดาย” พลันเคลื่อนกายทะยานออกไป ทิ้งลู่เซิ่งจงไว้โดยไม่ใยดี

ลุงเฉินรวมถึงพวกโหวฉิงเทียนที่อยู่ในป่ารอบข้างพากันปรากฏตัวออกมาแล้วทะยานจากไป

ลู่เซิ่งจงค่อยๆ หมุนตัวนั่งลงไป นั่งสมาธิโคจรพลังสลายพลังแปลกประหลาดที่อยู่ในร่าง ใบหน้าครึ่งหนึ่งซีดขาวอีกครึ่งหนึ่งแดงก่ำ เส้นผมครึ่งหนึ่งปรากฏน้ำแข็งเกาะ

ในป่าไม่ไกลออกไป บุรุษคนหนึ่งเหินร่างเข้ามา ร่อนลงเบื้องหน้าลู่เซิ่งจง

ลู่เซิงจงเงยหน้ามอง สีหน้าบิดเบี้ยว จำได้ว่าเป็นศิษย์ร่วมสำนัก ความสิ้นหวังปรากฏขึ้นในดวงตา เขากระเสือกกระสนอยากจะลุกขึ้นยืน เหลียวหลังไปพยายามตะโกนเรียก “เต้าเหยี่ย…”

“เจ้าสำนักมีคำสั่งให้มาเก็บกวาดเพื่อสำนัก ศิษย์ทรยศต้องถูกสังหารไม่มีเว้น!”

พอชายคนนั้นกล่าวจบก็ชักกระบี่ออกจากฝัก ประกายกระบี่เยียบเย็นตวัดวาด ศีรษะหนึ่งขาดลอยละลิ่วออกไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า