ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 488

ตอนที่ 488 ข้าช่วยเจ้าคิดวิธีเอาไว้แล้ว

ลุงเฉินไม่ได้อยู่รอคำตอบจากนางว่าจะให้อยู่หรือไป ก่อนจะเดินออกประตูไป เขาได้เอ่ยขึ้นประโยคหนึ่ง “คนผู้นั้นให้ข้าหาโอกาสเอ่ยเตือนท่านสักประโยค ที่ผ่านมาข้าหาโอกาสที่เหมาะจะเอ่ยปากไม่ได้เลย ยามนี้ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าท่านจะสงสัยอีกต่อไป พูดกันตามตรงได้แล้ว”

ก่วนฟางอี๋เดินไปนั่งลงข้างโต๊ะ ดึงชุดถ้วยน้ำชาบนถาดเข้ามาไว้ตรงหน้า ไม่ได้รินชาออกมา นิ้วเรียวงามไล้ถ้วยชาเล่น “ล้างหูรอฟังแล้ว”

ลุงเฉินเอ่ยว่า “เขาบอกว่า เดิมทีท่านก่อตั้งสวนไม้เลื้อยอยู่เป็นอิสระก็ดีมากอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้ามาพัวพันเสี่ยงอันตรายในเรื่องราวบางอย่างเลย หนิวโหย่วเต้าอยู่ท่ามกลางมรสุมแปรปรวน ท่านติดตามเขาอันตรายเกินไป หากถลำลึกเข้าไปพัวพันในเรื่องที่ไม่อาจคาดเดาได้บางอย่างเข้า เกรงว่าแม้แต่เขาก็คงยากจะช่วยเหลือท่านได้ ความหมายของเขาคือ หากว่าท่านยินยอม ท่านก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเข้าไปพัวพันกับหนิวโหย่วเต้าลึกเกินแล้วจะถอนตัวออกมาได้ เขาจะคิดหาทางช่วยจัดการให้ท่านหลุดพ้นจากปัญหากวนใจเหล่านี้ได้ ยิ่งเร็วเท่าไรก็ยิ่งดี หากถลำตัวลึกเกินไป เมื่อถึงเวลานั้นเขาก็ช่วยไม่ได้แล้ว” 艾琳小說

ก่วนฟางอี๋จ้องมองถ้วยชา ปลายนิ้วไล้ไปตามขอบถ้วย “เช่นนั้นเจ้าก็ช่วยถ่ายทอดข้อความของข้าต่อเขาด้วย ก่อนอื่นข้าต้องขอขอบคุณความปรารถนาดีของเขา แต่จงบอกเขาว่าข้าเป็นเพียงสตรีคนหนึ่ง ข้าไม่เคยมีความทะเยอทะยานอันใดทั้งสิ้น ข้าเองก็รู้ดีว่าติดตามหนิวโหย่วเต้าแล้วเสี่ยงอันตราย แต่มีคำพูดหนึ่งที่หนิวโหย่วเต้าเคยพูดได้ดี อยู่ที่ใดแล้วสงบใจ ที่นั่นย่อมเป็นบ้าน!”

“หลายปีมานี้ข้าพานพบบุรุษมามากมาย เคยมีทุกข์เคยมีสุข ช่วงแรกเริ่มทุกคนล้วนดีมาก แต่พอผ่านไปนานเข้าก็ยิ่งทำให้ข้าอึดอัด ต่อให้ข้างดงามปานใด ต่อให้พยายามระมัดระวังเพียงได้ก็ไม่มีประโยชน์ ทุกคนล้วนหาเหตุผลต่างๆ มาตีตัวออกห่างจากข้า เช่นนั้นมันน่ากลัวยิ่งกว่าการเสี่ยงอันตรายมากนัก เป็นความรู้สึกสิ้นหวังอย่างหนึ่ง ข้าโรยราไปโดยจมอยู่ในความสิ้นหวังเช่นนี้”

“แต่หนิวโหย่วเต้ากลับตรงกันข้าม ติดตามเขาแล้วข้าสบายใจขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดก่อนเฮยหมู่ตานจะตาย นางถึงเชื่อมั่นว่าหนิวโหย่วเต้าจะไม่ทอดทิ้งนาง ตอนนี้ข้าเองก็เชื่อมั่นแล้วเช่นกัน ข้าไม่จำเป้นต้องโรยราไปโดยจมอยู่กับความสิ้นหวังแล้ว ความรู้สึกเช่นนี้มันช่างดีจริงๆ ข้ารู้สึกโชคดีที่ติดตามเขาออกมาจากสวนไม้เลื้อย!”

ภาพเฮยหมู่ตานสิ้นใจลงในอ้อมแขนของหนิวโหย่วเต้าอย่างสบายใจไร้โศกผุดขึ้นมาในหัวนาง จากนั้นก็ตามมาด้วยภาพที่หนิวโหย่วเต้ายอมเสียสละตัวเองในแดนความฝัน รอยยิ้มซึ้งใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง

ลุงเฉินเงียบไป “ข้าจะถ่ายทอดข้อความให้ แต่เขาก็หวังดีเช่นกัน”

ก่วนฟางอี๋หันกลับมาจ้องมองด้วยสายตาเย็นชา “เช่นนั้นก็ขอฝากเจ้าไปบอกอีกประโยค เขาเป็นผู้ใดข้ายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ จะให้เชื่อใจได้อย่างไร? ข้าไม่สนใจว่าเขาจะเป็นใคร หากอยากให้ข้าเชื่อเขา ก็ให้เขามาพูดต่อหน้าข้าเอง คนที่ไม่กล้าแม้แต่จะเผยหน้าตนออกมา ทำตัวหลบๆ ซ่อนๆ กลัวอันใดเล่า? กลัวตัวเองเดือดร้อนแล้วยังมาพูดจาทำนองว่าหวังดีกับข้าอีกหรือ? บุรุษประเภทนี้ข้าเคยเห็นมานักต่อนักแล้ว น้ำใจเช่นนี้ข้าไม่ต้องการ ข้าต้องการบุรุษที่กล้ามายืนอยู่ตรงหน้าข้า!”

ลุงเฉินพูดไม่ออก

……

ในที่สุดอิ๋นเอ๋อร์ก็ยอมปล่อยมือแล้ว ด้วยการข่มขู่ของหนิวโหย่วเต้า ท้ายที่สุดนางก็ไม่เอาแต่จับเสื้อหนิวโหย่วเต้าไว้อีก แต่ยังคงชอบเกาะติดหนิวโหย่วเต้าอยู่ ไอรีนโนเวล

ติดตามมานั่งที่โต๊ะอาหารด้วย

บนโต๊ะมีอาหารจัดเตรียมไว้เต็มโต๊ะ หนิวโหย่วเต้าลองชิมเองก่อน จากนั้นก็ส่งสัญญาณให้อิ๋นเอ๋อร์ชิมด้วย เขาอยากเห็นว่าราชินีปีศาจตนนี้จะกินอาหารของโลกภายนอกได้หรือไม่

อิ๋นเอ๋อร์สนใจใคร่รู้ ยื่นมือไปหยิบตะเกียบคีบเนื้อชิ้นหนึ่งใส่เข้าปาก

หนิวโหย่วเต้าสังเกตเห็นว่านางจับตะเกียบได้คล่องมือ ก็เงยหน้าขึ้นสบตากับหยวนกังอย่างมีนัยยะแฝง

พอเคี้ยวไปเล็กน้อย อิ๋นเอ๋อร์ก็ผงกหัวรัวๆ ยื่นตะเกียบไปคีบของในจานอย่างต่อเนื่อง

ก่วนฟางอี๋และหยวนฟางสบตากันแล้วยิ้ม หยิบตะเกียบเริ่มลงมือเช่นกัน

ผู้ใดจะทราบว่าอิ๋นเอ๋อร์กลับช้อนตามอง เอ่ยขู่ทั้งสองอย่างไม่ไว้หน้า “ไปให้พ้น ของข้า!”

ท่าทางนั้นให้ความรู้สึกเหมือนเป็นพื้นที่ของนาง ราวกับมีคนต้องการรุกล้ำเข้าไปในอาณาเขตของนาง จึงประกาศขับไล่ออกไปทันที

ก่วนฟางอี๋และหยวนฟางพลันยิ้มไม่ออกแล้ว สีหน้าดูไม่จืดเลย ดวงตาฉายแววกริ่งเกรงเล็กน้อย ทั้งสองคนพากันชักตะเกียบกลับไปด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน

หยวนฟางยิ้มแห้งๆ ลุกขึ้นยืน ค้อมตัวพยักหน้านิดๆ “ใช่แล้วๆ เป็นของท่าน ล้วนเป็นของท่าน”

ก่วนฟางอี๋ก็นั่งไม่ติดแล้วเช่นกัน ลุกขึ้นยืนส่งยิ้มให้เล็กน้อย ก่อนจะเดินลิ่วๆ จากไปพร้อมกับหยวนฟาง ไปหาอย่างอื่นกินแทน

“…..” หนิวโหย่วเต้าหลับตาลง รู้สึกคล้ายยิ้มไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก

อิ๋นเอ๋อร์จ้องมองหยวนกัง หยวนกังไม่แยแสนาง ถือตะเกียบคีบกินในส่วนของตัวเองไป

สองคนนั้นไม่ทราบตื้นลึกหนาบางของอิ๋นเอ๋อร์ แต่เขาทราบชัดเจนดี ไม่จำเป็นต้องกลัวนางอีก

อิ๋นเอ๋อร์ไม่พอใจอย่างมาก หนิวโหย่วเต้าใช้ข้อนิ้วเคาะลงบนโต๊ะ ส่งคำเตือนให้นางเล็กน้อย นางถึงได้ยู่ปากอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ

ไม่นานนักหนิวโหย่วเต้าก็สังเกตเห็นว่าปีศาจตนนี้กินเก่งจริงๆ เป็นตัวกินจุขนานแท้…

หลังกินอาหารเสร็จก็มีแขกมาเยือน เฉาเซิ่งไหวมาแล้ว

หนิวโหย่วเต้ารั้งอยู่ที่นี่มาหลายวันก็เพื่อรอเขา

ภายในห้องไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย เฉาเซิ่งไหวเองก็ไม่อยากให้มีคนอื่นอยู่เช่นกัน เขาอยากสนทนากับหนิวโหย่วเต้าแบบส่วนตัว

อิ๋นเอ๋อร์ก็ถูกไล่ออกไปเช่นกัน แน่นอนว่าเป็นเพราะหนิวโหย่วเต้ามีความมั่นในใจการควบคุมแล้ว

ทั้งสองคนนั่งตรงข้ามกัน หนิวโหย่วเต้ารินน้ำชาใส่ถ้วย

เห็นได้ชัดว่าเฉาเซิ่งไหวหลบมาเงียบๆ ไม่ได้สวมชุดเครื่องแบบสำนักหมื่นสรรพสัตว์ เขายกมือขึ้นดึงหน้ากากออกจากใบหน้า

แอ๊ด! ประตูพลันเปิดออก จู่ๆ อิ๋นเอ๋อร์ก็ยื่นหัวมองเข้ามาในห้อง คล้ายอยากดูว่าหนิวโหย่วเต้าแอบหนีไปหรือไม่

เฉาเซิ่งไหวสะดุ้งโหยง เบือนหน้าหลบอย่างรวดเร็ว ใส่หน้ากากในมือกลับเข้าไป

หนิวโหย่วเต้าที่ถือกาน้ำชาอยู่ถลึงตาใส่ เอ็ดไปว่า “ออกไป!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า