ตอนที่ 489 ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
มือใหญ่ข้างหนึ่งยื่นมาคล้องคออิ๋นเอ๋อร์ ลากออกไปจากหน้าประตูพร้อมปิดประตูให้
อิ๋นเอ๋อร์ที่ถูกลากออกไปถลึงตาใส่หยวนกัง ท่าทางโมโหกระฟัดกระเฟียด
หยวนกังยืนกอดอกเฝ้าหน้าประตู ไม่แยแสกับความโกรธของนาง
ก่วนฟางอี๋กับหยวนฟางที่เดินกลับไปกลับมาบนเฉลียงทางเดินชะงักเท้าลง มองมาทางด้านนี้ ทั้งสองคนเรียกได้ว่าเหงื่อตกแทนหยวนกัง
หยวนฟางร้องจุ๊ๆ อยู่ในใจ รับรู้แล้วว่าหยวนเหยี่ยยังคงเป็นหยวนเหยี่ย ดุดันเฉกเช่นที่ผ่านมา ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าต่อกรกับราชินีปีศาจเช่นนี้
ภายในห้อง หนิวโหย่วเต้ายิ้มน้อยๆ สื่อว่าไม่เป็นไรแล้ว
เฉาเซิ่งไหวค่อนข้างฉงน “สตรีนางนี้เป็นใคร?”
หนิวโหยาวเต้ากล่าวว่า “นางเป็นใครไม่สำคัญ ไม่เกี่ยวอะไรกับนาง เราคุยธุระของเราต่อเถอะ”
เฉาเซิ่งไหวเอ่ยว่า “หนิวซยง สรุปแล้วเจ้าหมายความว่าอย่างไรกันแน่?” เขาชี้ขวดกระเบื้องเคลือบใบน้อยที่อยู่ตรงหน้า
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยเสียงแผ่วต่ำ เอ่ยชี้แจ้งเล็กน้อย “ทำให้เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยขึ้นกับหน่วยแปรวิญญาณ ในช่วงที่จะจัดการทำลายศพให้เจ้าคิดหาทางเอาศพมาให้ได้ นำไปโยนรวมกับทางฝั่งที่ฝึกไว้เชื่องแล้ว จากนั้นค่อยสลับเอาตัวที่ฝึกฝนเชื่องแล้วออกมาบางส่วน”
“…..” เฉาเซิ่งไหวพูดไม่ออก ตกตะลึงเป็นอย่างมาก ในที่สุดก็แสดงสีหน้าโมโหออกมา “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? เอาสัตว์ตายไปสลับกับสัตว์เป็น ไม่ต่างกับให้ข้าไปรนหาที่ตายเลย!”
“อย่าร้อนใจไป!” หนิวโหย่วเต้ากดมือลงเล็กน้อย สื่อว่าให้อีกฝ่ายใจเย็นๆ ลงก่อน “มันก็ใช่ที่จะให้เจ้านำสัตว์ตายไปสลับกับสัตว์เป็น แต่ไม่อาจปล่อยให้คนอื่นรู้ได้ว่าเจ้าเอาตัวที่ตายไปสลับกับตัวที่ยังเป็น ดังนั้นต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังกหน่อย ทำให้เกิดเรื่องกับทางหน่วยแปรวิญญาณเล็กน้อย แล้วก็ทำให้เกิดเรื่องกับสัตว์ที่ฝึกสำเร็จแล้วด้วย แต่จะต้องควบคุมปริมาณยาให้ดี หน่วยแปรวิญญาณตายได้ แต่สัตว์ที่ฝึกไว้เรียบร้อยแล้วป่วยได้ แต่ตายไม่ได้”
เขาชี้ขวดกระเบื้องเคลือบใบเล็ก “ใส่ยานี้เข้าไปในอาหารที่วิหคกิน เจ้ากลับไปลองศึกษาปริมาณยาที่ใช้เองดู”
ในที่สุดเฉาเซิ่งไหวก็เข้าใจเจตนาของเขาแล้ว ให้วางยาพิษสังหารวิหคที่หน่วยแปรวิญญาณกำลังฝึกฝนอยู่ ส่วนวิหคที่ฝึกฝนเสร็จเรียบร้อยแล้วเหล่านั้นเพียงทำให้ป่วยก็พอ จากนั้นค่อยคิดหาทางไปเอาซากศพวิหคยักษ์มา แล้วแอบนำไปเปลี่ยนกับวิหคที่ล้มป่วย ความหมายคือทำให้เบื้องบนเข้าใจผิดว่าในหมู่วิหคที่ฝึกไว้ดีแล้วก็มีตัวที่ตายไปด้วยเช่นกัน แต่ความจริงคือยังไม่ตาย หากแต่เอาออกไปแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว พอเบื้องบนคิดว่าวิหคยักษ์ตายไปแล้ว ก็ไม่มีทางไปสืบสาวตรวจสอบวิหคที่ถูกขนย้ายออกไป
วิธีการนี้ฟังดูเหมือนจะเป็นไปได้ แต่เฉาเซิ่งไหวยังคงหวาดหวั่นอยู่ดี โดยเฉพาะกับคำพูดของหนิวโหย่วเต้า
อะไรคือให้ข้าคำนวณปริมาณยาที่เหมาะสมเอาเอง? ข้าต้องตอบตกลงหรือ? เฉาเซิ่งไหวเอ่ยด้วยความโกรธ “หนิวโหย่วเต้า หากเจ้าอยากตายก็อย่ามาลากข้าไปด้วย วางยาพิษไปแล้วทางสำนักไหนเลยจะตรวจสอบไม่พบ?”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ข้าจะหาเรื่องให้ตัวเองเดือดร้อนได้อย่างไร แล้วก็ไม่มีทางปล่อยให้เจ้าเดือดร้อนด้วย หากเกิดปัญหาขึ้นกับเจ้าตัว ข้าไหนเลยจะไม่ถูกโยงไปด้วย เจ้าวางใจ ยานี้ข้าจัดเตรียมมาเป็นพิเศษ ไม่นับเป็นยาพิษอันใด ต้องได้รับยาเข้าไประดับหนึ่งถึงจะเกิดปฏิกิริยาบางอย่างขึ้นในร่างของวิหคจนทำให้สิ้นใจตายอย่างเฉียบพลัน เจ้าจงฟังให้ดี ตายอย่างเฉียบพลัน หาใช่ตายเพราะถูกพิษไม่ ไม่มีทางตรวจพบยาพิษใดๆ”
เขาว่าพลางหยิบขวดกระเบื้องเคลือบใบเล็กมาเปิดจุกขวดออก ยื่นปลายนิ้วก้อยเข้าไปแตะผงยาสีเทาออกมาเล็กน้อย จากนั้นใส่เข้าปากแล้วกลืนลงไปจนหมด
เฉาเซิ่งไหวมองตาค้าง
“ต่อให้เป็นมนุษย์ธรรมดากินเข้าไปก็ไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่จะใจเต้นแรงขึ้น ปากคอแห้งผากอยากดื่มน้ำเท่านั้น ขอเพียงดื่มน้ำเข้าไปให้มากหน่อยก็แก้อาการได้แล้ว แต่สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรยิ่งแก้ง่ายกว่า แค่โคจรพลังนิดหน่อยก็ปรับสมดุลได้แล้ว เป็นยาที่ไม่สามารถสังหารมนุษย์ได้ แต่สำหนับวิหคเหล่านั้นกลับต่างกันออกไป มันไม่เหมือนมนุษย์ไม่รู้ว่าต้องปรับสมดุลอย่างไร โดยเฉพาะวิหคที่ถูกกักขังไว้ในกรงเหล่านั้น ใช้ปริมาณยาเล็กน้อยก็ยากจะทนรับไหวแล้ว หากใช้ยาในปริมาณมากจะสิ้นใจตายอย่างเฉียบพลันภายในระยะเวลาสั้นๆ หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองชิมได้ ไม่ใช่ยาพิษอันใดจริงๆ เป็นเพียงตัวเร่งปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายเท่านั้น” หนิวโหย่วเต้าดันขวดกระเบื้องเคลือบใบน้อยไปไว้ตรงหน้าเขา
เฉาเซิ่งไหวเอนตัวถอยไปด้านหลัง ได้แต่โบกมือไปมาหลบเลี่ยงอยู่ท่าเดียว ไหนเลยจะกล้าชิมส่งเดช ขณะเดียวกันก็ปฏิเสธไปเสียงแข็งว่า “ไม่ได้! ข้าไม่อาจทำเรื่องเช่นนี้ได้ เล่นลูกไม้กับทางนั้นทีทางนี้ที มันจะทำให้คนเกิดความสงสัยได้ง่ายๆ”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “สงสัยอันใดเล่า? คนอื่นยังยากจะบอกได้ แล้วเจ้าจะกลัวอะไร? ไม่มีหลักฐานยืนยัน ผู้ใดจะกล้าปรักปรำความผิดใส่หลานชายผู้อาวุโสเฉาเล่า? เจ้าทำให้วิหคเหล่านั้นตายแล้วจะได้ประโยชน์ใด? เอาออกมาเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น ไม่มีผู้ใดสงสัยแน่ ยิ่งไม่กล้ามาสงสัยเจ้าส่งเดชด้วย มิเช่นนั้นท่านปู่เจ้าจะเป็นคนแรกที่ออกมาตอบโต้”
เฉาเซิ่งไหวเอ่ยว่า “เดิมทีงานนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่คนอย่างข้าจะทำให้สำเร็จได้ อีกทั้งข้าก็ไม่กล้าทำด้วย ข้าขอเตือนให้เจ้าล้มเลิกความคิดนี้ไปเสียดีกว่า”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “เจ้าคนเดียวทำไม่สำเร็จก็ไปหาคนมาช่วยได้ สำหรับคนอื่นอาจจะยาก แต่ด้วยภูมิหลังของเจ้าแล้ว เจ้าน่าจะมีหนทางจัดการได้ ไม่นับว่าเป็นเรื่องยุ่งยากเท่าไรนัก”
“เสี่ยงเกินไป เกิดเรื่องขึ้นมาผู้ใดก็ช่วยเหลือข้าไม่ได้ เรื่องนี้ข้าไม่อาจตกลงได้” เฉาเซิ่งไหวลุกขึ้นยืน “หากไม่มีธุระอื่นใดแล้ว ข้าขอตัวก่อน”
หนิวโหย่วเต้าค่อยๆ เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ เอ่ยอย่างไม่อนาทรร้อนใจ “เหอโหย่วเจี้ยนอยากล้างแค้นให้น้องชายตนอย่างยิ่ง เฉาซยง เจ้าว่าควรจัดการอย่างไรดี?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า