ตอนที่ 491 เยือนสำนักหมื่นสรรพสัตว์
ช่วงเที่ยงวันต่อมา
ริมหน้าต่างวางน้ำชาไว้หนึ่งกา เก้าอี้ตั้งอยู่หนึ่งตัว คนผู้หนึ่งนั่งเฉื่อยชาหลับตาอยู่บนเก้าอี้อย่างสงบสุข
บนโต๊ะที่ตั้งอยู่ด้านข้างมีของกินวางกองอยู่เต็มโต๊ะ อิ๋นเอ๋อร์ครอบครองไว้เพียงผู้เดียว กินอย่างสำราญใจ
ดูเหมือนอาหารจะช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของนางไปจากตัวหนิวโหย่วเต้าได้ชั่วคราว
ก่วนฟางอี๋เข้าห้องมา เหลือบมองอิ๋นเอ๋อร์ที่กินอาหารไปเรื่อยๆ เล็กน้อย จากนั้นเดินไปที่ริมหน้าต่างหันพลังพิงกรอบหน้าต่าง จ้องมองหนิวโหย่วเต้าที่หลับตาอย่างสงบอยู่ ในใจพลันเกิดความรู้สึกค่อนข้างสงสารบุรุษคนนี้ขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
พอได้ติดต่อกับสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ ถึงได้เข้าใจมากขึ้นว่าคนผู้นี้ต้องผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะมาถึงขั้นนี้ได้ ได้ทราบมากขึ้นว่ากว่าเขาจะพาพวกพ้องก้าวมาถึงวันนี้ได้ช่างยากลำบากนัก ใจเด็ดใช่ว่าจะไร้ความรู้สึก เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือก เขาก็ได้เผยให้เห็นอุปนิสัยดั้งเดิมที่องอาจกล้าหาญ ยอมลำบากแบกรับไว้ลำพัง
เพียงได้กลิ่นหอมก็รู้ว่าเป็นใคร หนิวโหย่วเต้าไม่ต้องลืมตามองก็รู้ว่าผู้ใดมา เขาเอ่ยเนิบช้า “มองอะไร? ข้าน่ามองสู้เจ้าไม่ได้หรอก”
นางรู้ดีว่าคนผู้นี้พูดจารื่นหูเพื่อเอาใจตน แต่เมื่อได้ฟังวาจารื่นหูก็ย่อมมีความสุข ก่วนฟางอี๋พลันยิ้มหวาน เดินยักย้ายอ้อมไปอยู่ด้านหลังเขา โน้มตัวเข้าหาจากทางด้านหลังพนักเก้าอี้ ก้มหน้าลงไปใกล้หูเขา ริมฝีปากแดงอิ่มเอิบขยับเอื้อนเอ่ยเสียงหวาน “ไปกันแล้ว จัดการตามที่เจ้าสั่งแล้ว จากไปอย่างเงียบเชียบ น่าจะไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้นแน่”
หนิวโหย่วเต้าตอบอืมคำหนึ่ง ลืมตาขึ้น ยื่นมือไปยกถ้วยน้ำชาบนโต๊ะน้ำชามาละเลียดดื่มช้าๆ
นางยืนโน้มตัวบิดสะโพก เอวคอดอกนูนทรวงทรงงามเย้ายวนน่ามองพลางเอียงคอมองใบหน้าด้านข้างของเขา “ถังอี๋รูปโฉมงดงามนัก อ่อนเยาว์สวยสะพรั่ง ร้างลากันไปเช่นนี้เจ้าไม่เสียใจหรือ?” ไอรีนโนเวล
หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “ไยข้าถึงรู้สึกว่าเจ้างามกว่านางเล่า?”
“เรื่องนั้นยังต้องพูดกันอีกหรือ” ก่วนฟางอี๋เอ่ยมีจริตจะก้าน
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ดังนั้นข้ามีเจ้าก็เพียงพอแล้ว”
“ฮ่าๆ!” ก่วนฟางอี๋หัวเราะร่า ฟาดไหลเขาเบาๆ อย่างคล้ายจะหยอกเย้าฉอเลาะ “น้อยๆ หน่อยเถิด เจ้าคิดว่าข้ามองไม่ออกหรือ จะหย่าร้างหรือไม่เจ้าก็เสียใจทั้งนั้น อีกอย่างเรื่องของพวกเจ้าเกี่ยวอะไรกับข้า ไยต้องลามมาทำลายชื่อเสียงของข้าไปด้วย?”
หนิวโหย่วเต้าถาม “บุรุษที่เคยทำลายชื่อเสียงของเจ้ามีน้อยเสียเมื่อไร? ชื่อเสียงของเจ้ายังเหลือให้ข้าทำลายอีกหรือ?”
ก่วนฟางอี๋กล่าวว่า “ถึงกระนั้นก็ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาเพิ่มจุดด่างพร้อยให้กระมัง? ไม่ได้การแล้ว เรื่องนี้เจ้าจะชดเชยอย่างไร?”
“ตัวข้าก็อยู่ในกำมือของเจ้าแล้ว ยังไม่พออีกหรือ?”
“ชิ ผู้ใดอยู่ในกำมือผู้ใดกันแน่ ทุกวันนี้มีแต่ข้าวิ่งตามเจ้าเหมือนสาวใช้ เจ้าเป็นนายท่านของข้ามิใช่หรือ?”
“สองแขนเสื้อข้าว่างเปล่า มองเห็นได้ชัดเจนทะลุปรุโปร่ง เจ้าอยากได้สิ่งใดเพื่อชดเชยก็หยิบเอาเองได้เลย”
“ยาจก เจ้ามันยาจกจริงๆ! เจ้าก็มีแต่ตัวเท่านั้น ถ้าอย่างนั้นเอาเช่นนี้แล้วกัน ใช้ตัวเจ้ามาเป็นสิ่งชดเชยดีหรือไม่?”
“เช่นนี้ไม่ดีกระมัง เจ้าค่อนข้างแก่ไปหน่อย…”
“ไปตายซะ!”
ก่วนฟางอี๋ชักสีหน้าทันที พลันยื่นมือไปปัดถ้วยน้ำชาในมือหนิวโหย่วเต้า น้ำชาสาดกระจายใส่หน้าหนิวโหย่วเต้า
หนิวโหย่วเต้านั่งตะลึงพูดไม่ออก ใบชากระจายอยู่บนหน้า น้ำไหลหยดมาตามใบหน้า
ผู้ใดที่นำอายุของก่วนฟางอี๋มาเอ่ยล้อเล่น นางล้วนจะชักสีหน้าใส่ทั้งสิ้น
บทสนทนาหยอกเอินหวานชื่นปิดฉากลงในชั่วพริบตา
หนิวโหย่วเต้าวางถ้วยชาลง เช็ดหน้าเช็ดตาแล้วลุกขึ้นยืน สะบัดอาภรณ์เล็กน้อย ทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “แดนความฝันยังไม่ปิดตัว ระยะนี้ทางนี้น่าจะมีแขกสูงศักดิ์มาเยือนไม่น้อย เป็นโอกาสเหมาะจะสร้างสัมพันธ์สานไมตรี สวี่เหล่าลิ่วหูตากว้างขวาง ให้เขาออกไปเดินสำรวจให้มากหน่อยเถอะ”
“ข้าอายุมากแล้ว เดินไม่ไหวแล้ว”
“ก็ไม่ได้ให้เจ้าไปเสียหน่อย ให้สวี่เหล่าลิ่วออกไปเดินก็พอ”
“ไม่ไป!”
“ไม่ไปจริงๆ น่ะหรือ?”
“ไม่ไป!” ก่วนฟางอี๋ถลึงตาใส่อย่างมีน้ำโห
หนิวโหย่วเต้าไม่ต่อล้อต่อเถียงกับนางอีก เรื่องโต้เถียงก็ส่วนโต้เถียง เขาไม่เคยชินกับนิสัยเสียของนางเลย ยิ่งนางเจ้าอารมณ์เท่าไรเขาก็ยิ่งต้องหาเหตุผลมาสยบนางเท่านั้น
เขาพยักหน้านิดๆ ยกแขนขึ้นมาเล็กน้อย ตวัดมือดีดนิ้วส่งกระแสปราณออกไปสายหนึ่ง ปะทะเข้ากับผนังห้องด้านข้างเกิดเสียงดัง ‘เปาะ’
พอได้ยินสัญญาณ หยวนกังมาถึงโดยเร็ว เปิดประตูเข้าห้องมา สังเกตเห็นคราบน้ำชาบนตัวหนิวโหย่วเต้า สายตาเหลือบมองไปทางก่วนฟางอี๋อย่างเย็นชา
ก่วนฟางอี๋เบือนหน้าหนีทันที แสดงความไม่พอใจ
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยสั่ง “ไปเก็บข้าวของ เตรียมออกเดินทาง”
หยวนกังถาม “ไปไหน?”
หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “มาเยือนสำนักหมื่นสรรพสัตว์ทั้งที จะผ่านไปโดยไม่แวะทักทายได้อย่างไร ไปเยี่ยมเยือนเจ้าถิ่นกันดีกว่า ข้าเบื่อจะอยู่ในโรงเตี๊ยมนี้แล้ว ดูสิว่าพอจะเปลี่ยนไปพักในสถานที่ดีกว่านี้ได้หรือไม่”
หยวนกังพยักหน้ารับ หันหลังเดินออกไป
ก่วนฟางอี๋ผงะไป หันกลับมาด้วยความมึนงง “ไปสำนักหมื่นสรรพสัตว์หรือ? เหตุใดจู่ๆ ถึงคิดจะไปสำนักหมื่นสรรรพสัตว์?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า