สรุปเนื้อหา ตอนที่ 494 ท่านได้ล่วงเกินหลงซิวไว้หรือไม่? – ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า โดย Internet
บท ตอนที่ 494 ท่านได้ล่วงเกินหลงซิวไว้หรือไม่? ของ ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 494 ท่านได้ล่วงเกินหลงซิวไว้หรือไม่?
จัดการตามที่เขาว่า ความจริงก็คือการยอมรับโดยปริยายแล้ว
เหตุผลที่ท่าทีเปลี่ยนไปก็เข้าใจได้ไม่ยาก ถึงแม้เฉินถิงซิ่วคนนั้นจะไม่ได้มอบผลประโยชน์อันใดให้เช่นเดียวกับหนิวโหย่วเต้า ในอนาคตเองก็ไม่แน่ว่าจะมีผลประโยชน์อันใดให้เช่นกัน แต่เฉินถิงซิ่วให้คำมั่นไว้แล้ว ทว่าหนิวโหย่วเต้าไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น ในสถานการณ์ที่ไม่รู้จักคุ้นเคยกับทั้งคู่เหมือนกัน นี่คือความแตกต่างเพียงเล็กน้อย
“ขอรับ! ข้าทราบแล้วว่าควรจัดการอย่างไร” โฉวซานตอบรับ ประสานมือคำนับลา
จู่ๆ ซีไห่ถังก็เอ่ยเสริมขึ้นมาว่า “หนิวโหย่วเต้าคนนั้นยังคงต้องระวังไว้หน่อย ได้ยินมาว่ามีกำลังอ่อนด้อยในเขตหนานโจว แต่กลับงัดข้อเล่นงานสำนักหยกสวรรค์ได้ ก่อนหน้านี้ก็เคยสร้างเรื่องไว้ในเมืองหลวงแคว้นฉีมิใช่หรือ? ได้ข่าวว่าตอกหน้าสำนักเพลิงนภาจนหน้าหงายกลับไป”
โฉวซานฟังแล้วผงะไปเล็กน้อย เข้าใจเจตนาของเจ้าสำนักทันที เจ้าสำนักกำลังเตือนไม่ให้เขาทำอะไรรุนแรงเกินไปอยู่ เขาพยักหน้ารับ “เจ้าสำนักโปรดวางใจ ไร้ความแค้นเคือง ทางเราก็ไม่จำเป็นต้องล่วงเกินเช่นกัน”
ซีไห่ถังมองปลายเท้า ไม่ได้กล่าวอันใด สองมือไพล่หลังหันหลังเดินจากไป
โฉวซานมองตามไปเล็กน้อย จากนั้นหันหลังทะยานออกไปเช่นกัน
ภายในศาลารับลมบนเขา ศิษย์ที่เคยไปแจ้งข่าวต่อเรือนรับรองของทางวังเหินเวหายังคงรอคอยอยู่ในศาลา เมื่อโฉวซานทะยานมาถึงก็รีบเข้าไปคำนับ
โฉวซานยกมือขึ้น สื่อว่าไม่ต้องมากพิธี เอ่ยไปว่า “เอาอย่างนี้แล้วกัน เจ้าไปแจ้งอีกสักรอบ บอกว่าผู้อาวุโสเฉินถิงซิ่วแห่งสำนักหยกสวรรค์จากแคว้นเยี่ยนก็ต้องการเข้าพบประมุขหลงซิวเช่นกัน”
“ขอรับ!” ศิษย์คนนั้นรับคำสั่งแล้วจากไป
โฉวซานก็ยกมือไพล่หลังเฝ้ารออยู่ในศาลาเช่นกัน…
ภายในเรือนที่อยู่ท่ามกลางหมู่ศาลาพลับพลา มีธารน้ำใสที่ชักเข้ามาจากลำคลองในภูเขา ไหลเอื่อยอยู่ภายในสวน ในน้ำมีใบไม้ล่องลอยมาจากในหุบเขาเป็นครั้งคราว
เรื่องความงดงามโอ่อ่าของเรือนรับรองหลังนี้ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึง ขนาดพื้นที่ก็มิใช่สิ่งที่เรือนเล็กๆ ของหนิวโหย่วเต้าหลังนั้นจะเทียบชั้นได้ เป็นสถานที่รับรองแขกทรงเกียรติโดยเฉพาะ
หลงซิวประมุขวังเหินเวหาย่อมนับเป็นแขกทรงเกียรติ เขาสวมเสื้อคลุมยาวงามสง่า นั่งเอนตัวอยู่บนตั่งตัวหนึ่งภายในศาลา คู้ขาข้างหนึ่งขึ้นมา ถือตำราโบราณเล่มหนึ่งวางอ่านบนหน้าตัก พลิกเปลี่ยนหน้าเป็นระยะๆ ท่วงท่าทรงภูมิแฝงความน่าเกรงขาม
ศิษย์คนหนึ่งของหลงซิวนามว่าอี้ซู เป็นศิษย์หญิงที่มีใบหน้างดงามสวยสง่า นางเร่งเดินเข้ามาประสานมือรายงาน “อาจารย์ ศิษย์สำนักหมื่นสรรพสัตว์แจ้งว่าเฉินถิงซิ่วผู้อาวุโสแห่งสำนักหยกสวรรค์ของแคว้นเยี่ยนต้องการขอเข้าพบท่านเจ้าค่ะ”
“เฉินถิงซิ่ว…” หลงซิวใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง นึกขึ้นได้ว่าเคยเห็นในรายชื่อศิษย์คนสำคัญของสำนักหยกสวรรค์ที่รวบรวมส่งมา ตนน่าจะเคยเห็นนามนี้มาก่อน เขาเงยหน้าเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้นกับทางหนานโจว เหตุใดเขาจึงถ่อมาถึงที่นี่?”
อี้ซูตอบว่า “ศิษย์ไม่ทราบเจ้าค่ะ”
หลงซิวถาม “มาด้วยธุระใด?”
อี้ซูตอบ “ไม่ได้แจ้งเจ้าค่ะ บอกเพียงว่าต้องการเข้าพบ”
หลงซิวเอ่ยเฉยเมยราบเรียบ “สำนักหยกสวรรค์เปลี่ยนไปแล้ว พอได้ปกครองหนานโจว ผู้ใดนึกอยากจะมาพบข้า ข้าก็ต้องพบหน้าทั้งสิ้นอย่างนั้นหรือ?”
อี้ซูเงยหน้ามองเขาเล็กน้อย ฟังออกจากวาจาว่าอาจารย์ไม่สบอารมณ์ จึงรอฟังคำสั่งที่ชัดเจนจากเขาอย่างสงบ
ทว่าหลงซิวคล้ายจะจมจ่อมไปกับการอ่านตำราแล้ว ไม่มีท่าทีตอบสนองอะไรอีก
อี้ซูเข้าใจเจตนาของเขาแล้วว่าไม่ต้องการพบ นางถอยหลังไปสองสามก้าว จากนั้นหันหลังเร่งฝีเท้าเดินออกไป
ซึ่งความจริงก็เป็นเช่นนั้น หลงซิวตอบรับหนิวโหย่วเต้าเพราะเรื่องราวที่หนิวโหย่วเต้าเคยกระทำไว้ดึงดูดความสนใจของเขา ได้ยินว่าอายุยังน้อย ดังนั้นจึงอยากจะเห็นว่าเป็นคนหนุ่มเช่นใดกันแน่ อีกทั้งต้องการพบเขาด้วยธุระใด
ว่ากันตามตรงแล้ว นี่ก็เป็นเพราะว่าหนิวโหย่วเต้าได้ดึงดูดความสนใจของเขาเอาไว้แล้ว โดยเฉพาะหลังจากที่สำนักหยกสวรรค์มาขออนุญาตเข้าตีหนานโจวกับทางเขาจนได้รับอนุมัติไป สำนักหยกสวรรค์ทุ่มเทกำลังอย่างสุดกำลังแล้ว แต่ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะถูกหนิวโหย่วเต้าคนนั้นขัดขวางไว้ได้
ส่วนทางสำนักหยกสวรรค์ จะนับเป็นอันใดในสายตาเขาไปได้? ขนาดเผิงโย่วไจ้อยู่ต่อหน้าเขาก็ยังต้องพินอบพิเทา ผู้อาวุโสอันใดนั่นเขายิ่งไม่มีทางเห็นอยู่ในสายตา เขาใช่คนที่เฉินถิงซิ่วนึกอยากพบก็พบได้หรือ?
สำหรับเขาแล้ว หนิวโหย่วเต้ามาขอพบกับเฉินถิงซิ่วมาขอพบนั้นเป็นคนละเรื่องกันเลย
ในสายตาเขา หนิวโหย่วเต้าช่างอ่อนแอเหลือเกิน ไม่มีประโยชน์ใดที่จะต้องไปวางท่ากับหนิวโหย่วเต้า การไม่วางท่ากับผู้อ่อนแอก็คือการวางท่าที่ดีที่สุดแล้ว
ส่วนที่วางท่ากับสำนักหยกสวรรค์คือเรื่องที่จำเป็นต้องทำ เลี่ยงไม่ให้ได้ใจจนเกินไปจนหลงนึกไปว่าแค่ได้ครองมณฑลหนานโจวก็ว่าดีเลิศนักหนาแล้ว…
“ไม่พบหรือ?”
ภายในศาลา โฉวซานได้ยินก็หันกลับมา ค่อนข้างแปลกใจ หลงซิวทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? ยินดีที่จะพบหนิวโหย่วเต้าแต่ไม่ยอมพบเฉินถิงซิ่ว หรือว่ากำลังของสำนักหยกสวรรค์จะแข็งแกร่งไม่เท่าหนิวโหย่วเต้า?
ศิษย์ผู้ถ่ายทอดข้อความตอบว่า “ขอรับ ไม่พบ”
โฉวซานถามว่า “ได้บอกหรือไม่ว่าเหตุใดถึงไม่ยอมพบ?”
ศิษย์ผู้ถ่ายทอดข้อความตอบว่า “ศิษย์ถามแล้วขอรับ อีกฝ่ายไม่ได้บอกเหตุผลมา ตอบเพียงว่าไม่พบ ศิษย์คนนั้นของหลงซิวท่าทางเย่อหยิ่งนัก ซ้ำยังไม่ให้ศิษย์ถามซอกแซกอีก ศิษย์ไม่สะดวกจะถามมากเช่นกัน ทำได้เพียงกลับมาเสีย” เขาเงยหน้าขึ้นมองเล็กน้อย เอ่ยตำหนิศิษย์ของหลงซิว ท่าทางเหมือนอยากจะฟ้อง
“น่าแปลก…” โฉวซานพึมพำกับตัวเอง จากนั้นเอ่ยต่อว่า “เอาอย่างนี้แล้วกัน เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน ยังไม่ต้องไปแจ้งเรื่องให้ทางหนิวโหย่วเต้าทราบ”
เฉินถิงซิ่วตอบว่า “ก็ไม่อาจเรียกว่าสนิท นางเคยเป็นตัวแทนหลงซิวมาเยือนสำนักหยกสวรรค์ นับว่าพอจะรู้จักอยู่ เอาเช่นนี้เถิด โฉวซยง ท่านช่วยข้าอีกสักเรื่องได้หรือไม่?”
โฉวซานขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว “เฉินซยง พอเท่านี้เถิด!”
เฉินถิงซิ่วมองออกว่าเขาค่อนข้างหงุดหงิดแล้ว จึงรีบเอ่ยไปว่า “โฉวซยงอย่าเข้าใจผิดไป ข้าเพียงอยากรู้ว่าคนของวังเหินเวหาพักอยู่ที่ใด เอาแต่รบกวนโฉวซยงให้เทียวไปเทียวมา รู้สึกละอายใจจริงๆ ข้าจะไปขอเข้าพบทางวังเหินเวหาด้วยตัวเอง หากมีจุดใดที่ล่วงเกินพวกเขาไป ข้าจะได้ไปขอขมา ท่านว่าเป็นอย่างไร?”
เพียงเท่านี้อย่างนั้นหรือ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด คิ้วที่ขมวดอยู่ของโฉวซานคลายตัวออก “อย่างนั้นท่านตามข้ามา”
“ขอบคุณมาก” เฉินถิงซิ่วรีบประสานมือเอ่ยขอบคุณ รีบกลับเข้าไปสั่งการศิษย์ในสำนักตนในเรือนจากนั้นก็ติดตามโฉวซานไป
ทั้งสองมาถึงข้างศาลากลางเขาหลังนั้นอีกครั้ง ศิษย์ที่รออยู่ในศาลาเข้ามาคารวะ โฉวซานยกมือปรามเล็กน้อย ไม่ให้เขาเดินเข้ามา จากนั้นก็ชี้ไปทางเรือนที่ซ่อนตัวอยู่ในหมู่ศาลาพลับพลา “คนของวังเหินเวหาอยู่ทางนั้น เฉินซยง ท่านจะไปก็ไป แต่อย่าได้ก่อเรื่องอันใดขึ้นมาล่ะ มิเช่นนั้นจะแย่กันไปหมด” ไอรีนโนเวล
เฉินถิงซิ่วพยักหน้ารับ “เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว ข้าไหนเลยจะกล้าทำตัวเหิมเกริมกับคนของวังเหินเวหาได้ ใช่แล้ว โฉวซยง ทางฝั่งหนิวโหย่วเต้า…” เขามีท่าทางอึกอักลังเลขึ้นมา คล้ายมีเรื่องอยากให้อีกฝ่ายช่วยอีก แต่ก็ไม่สะดวกจะเอ่ยปากแล้ว
โฉวซานเข้าใจความคิดเขา เอ่ยไปว่า “ให้เวลาท่านมากที่สุดครึ่งชั่วยาม หาไม่แล้วหากทางวังเหินเวหาถามขึ้นมาว่าเหตุใดหนิวโหย่วเต้าถึงยังไม่มา ทางข้าก็ไม่สะดวกจะแก้ตัวเช่นกัน”
“ได้ๆๆ ข้าจดจำบุญคุณของโฉวซยงไว้แล้ว ข้าจะไม่พูดขอบคุณให้มากความไป ข้าขอกล่าวเอาไว้ ณ ที่นี้ หากโฉวซยงมีเวลาโปรดไปเยือนหนานโจวสักคราเถิด ข้าจะแสดงความจริงใจให้ได้เห็นแน่นอน” เฉินถิงซิ่วแทบจะโค้งขอบคุณแล้ว
โฉวซานยิ้มน้อยๆ ถอนหายใจเช่นกัน “เร็วเข้าเถอะ” พลางโบกมือสื่อให้ศิษย์คนนั้นไปเป็นเพื่อน
เฉินถิ่งซิวประสานมือให้อีกครั้ง จากนั้นก็รีบทะยานมุ่งไปยังเรือนที่อีกฝ่ายชี้ทางให้
เขารู้สึกกดดันไม่น้อยเลย จิตใจหนักอึ้ง โดยเฉพาะเมื่อได้ทราบว่าหนิวโหย่วเต้าจะไปพบหลงซิว
เมื่อได้รับคำเตือนจากเซ่าผิงปอมา สำนักหยกสวรรค์ก็รู้แล้วว่าหนิวโหย่วเต้าต้องการจะสะสมเพื่อกลับมาใหม่อีกครั้ง ไหนเลยจะยังกล้าปล่อยให้หนิวโหย่วเต้าไปติดต่อกับหลงซิวอีก หากหนิวโหย่วเต้าได้รับการสนับสนุนจากหลงซิวขึ้นมาจริงๆ สำนักหยกสวรรค์ต้องเดือดร้อนแน่
ถึงแม้เขาจะไม่คิดว่าหลงซิวจะให้การสนับสนุนหนิวโหย่วเต้าก็ตาม เนื่องจากในมือหนิวโหย่วเต้ายังไม่มีกองกำลังผู้บำเพ็ญเพียรที่จะเข้าปกครองมณฑลหนานโจวได้ หลงซิวน่าจะไม่มีทางส่งมอบมณฑลหนานโจวให้หนิวโหย่วเต้าดูแล แต่คนอย่างหนิวโหย่วเต้านั้นคาดเดาได้ยาก เขามีหนทางที่จะทำเรื่องที่คาดไม่ถึงได้จริง สำนักหยกสวรรค์เคยพลาดท่าให้หนิวโหย่วเต้ามาแล้ว รู้ซึ้งถึงฝีมือของหนิวโหย่วเต้าดี ไหนเลยจะกล้าปล่อยให้เขาทำอะไรตามใจชอบได้
เดิมทีตัวเขาก็ได้รับคำสั่งให้มุ่งหน้ามาเพราะหนิวโหย่วเต้าอยู่แล้ว ไหนเลยจะนิ่งเฉยปล่อยให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้ ครั้งนี้ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ต้องหาทางขัดขวางไว้ให้ได้
ขณะที่เขาเพิ่งจะร่อนลงนอกเรือนรับรองก็ถูกผู้บำเพ็ญเพียงสองคนที่อยู่หน้าประตูขวางไว้ “นั่นใคร?”
เป็นศิษย์ของสำนักหมื่นสรรพสัตว์ ถูกส่งตัวมาคอยดูแลทางวังเหินเวหาโดยเฉพาะ ป้องกันไม่ให้มีคนมารบกวนแขกทรงเกียรติ
………………………………………………………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า