ตอนที่ 493 หนิวโหย่วเต้านับเป็นผู้ทรงอิทธิพลอันใดของมณฑลหนานโจวกัน!
Ink Stone_Fantasy
“ในช่วงศึกใหญ่หนานโจว หนิวโหย่วเต้าปล่อยให้สำนักหยกสวรรค์กดขี่ซางเฉาจง ปล่อยให้สำนักหยกสวรรค์บีบต้อนซางเฉาจงไปสู่ทางตันก็เพื่อจะฉวยโอกาสยิงธนูนัดเดียวได้นกสองตัว ยืมอำนาจซางเฉาจงชิงหนานโจวมา แล้วก็ใช้สำนักหยกสวรรค์ผลักดันคนของซางเฉาจงให้เข้าสู่กำมือของเขาอย่างสมบูรณ์”
“เจ้าลองคิดดูสิ ซางเฉาจงถูกบีบให้ตกอยู่ในวิกฤตเกือบสิ้นชีพ ทั้งยังสังหารหลานทั้งสองของเผิงโย่วไจ้ไป ผูกความแค้นใหญ่หลวงแล้ว ถึงเผิงโย่วไจ้จะบอกว่าไม่เอาความก็ไม่มีประโยชน์ ซางเฉาจงจะเชื่อหรือ? โดยเฉพาะเรื่องที่สำนักหยกสวรรค์แบ่งแยกกระจายกองกำลังของซางเฉาจงออกไป นั่นยิ่งเป็นการกระทบต่อผลประโยชน์ของทุกคนในกองกำลังของซางเฉาจง คนของซางเฉาจงจะไม่นึกหวาดหวั่นและนึกกลัวได้หรือ? เรียกได้ว่าคนของซางเฉาจงทั้งบนและล่าง ไม่มีผู้ใดไว้วางใจสำนักหยกสวรรค์อีกต่อไปแล้ว เพียงแค่ถูกบีบให้ต้องยอมก้มหัวไปชั่วคราวเท่านั้น”
“ตระกูลเซ่าเรายึดครองเป่ยโจวกลับกลายเป็นกบฏ เผชิญข้อเสียเปรียบหลายประการ เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าซางเฉาจงก็สมคบกับกองกำลังต่างแคว้นเช่นกัน แต่กลับได้รับการแต่งตั้งจากราชสำนัก ทั้งที่ก่อกบฏเหมือนกัน ตัวซางเฉาจงกลับก่อกบฏได้อย่างชอบธรรม กลายเป็นผู้ว่าการมณฑลหนานโจวอย่างถูกต้องเปิดเผย! เมื่อดูจากข้อมูลที่ได้รับมาหลังจบเรื่อง ตำแหน่งนี้ก็คงไม่พ้นเป็นหนิวโหย่วเต้าที่ไขว่คว้ามาให้ซางเฉาจงเช่นกัน ราชสำนักแคว้นเยี่ยนพลาดท่าทำให้ตนต้องอับอาย ไหนเลยจะกล้าพูดถึงความอัปยศนี้”
“ในการต่อสู้ครั้งนี้ หนิวโหย่วเต้าลงทุนน้อยแต่ได้กำไรมหาศาล ไม่เพียงแต่พลิกสถานการณ์ ช่วยเหลือซางเฉาจงให้พ้นมรสุมมาได้ แต่ยังผลักดันซางเฉาจงจนได้ตำแหน่งผู้ว่าการมณฑลหนานโวอย่างเป็นทางการด้วย เกรงว่าพวกซางเฉาจงคงซาบซึ้งจนแทบหลั่งน้ำตาแล้ว เมื่อเทียบกับการกระทำของสำนักหยกสวรรค์ที่ใช้กำลังเข้าทารุณแล้ว หนิวโหย่วเต้าอาศัยคุณธรรมเข้าโน้มน้าวใจ ตอนนี้สำนักหยกสวรรค์สูญเสียความไว้วางใจจากทั่วทั้งมณฑลหนานโจวไปอย่างสิ้นเชิง แต่หนิวโหย่วเต้ากลับไม่ฉวยโอกาสนี้ทวงบุญคุณเลย”
“หลังจากเกิดศึกปะทะแก่งแย่งกัน สถานการณ์โดยรวมของมณฑลหนานโจวก็อยู่ในการควบคุมของหนิวโหย่วเต้าแล้ว สำนักหยกสวรรค์ได้แต่อาศัยอำนาจอันแกร่งกล้าของตนยื้อสถานการณ์เอาไว้เท่านั้น หากรูปการณ์เปลี่ยนแปลงไป ขอเพียงหนิวโหย่วเต้าแสดงท่าที เมื่อดูจากทิศทางของใจประชาชนแล้ว สำนักหยกสวรรค์ต้องพ่ายแพ้แน่นอน!”
“ตอนนี้หนิวโหย่วเต้าได้ผูกมัดคนของซางเฉาจงเอาไว้กับตัวแล้ว หากว่ากันในแง่อิทธิพลที่มีต่อกองกำลังของซางเฉาจง ไม่มีผู้ใดเทียบเขาได้ สำหรับคนของซางเฉาจงแล้ว สำนักหยกสวรรค์กลายเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงที่สุดของพวกเขา ส่วนหนิวโหย่วเต้าก็เป็นคนที่เกี่ยวพันกับความเป็นความตายของพวกเขา ในสถานการณ์ที่หนานโจวถูกควบคุมไว้ด้วยสำนักหยกสวรรค์เขาคือคนเดียวที่สามารถต่อกรกับสำนักหยกสวรรค์ เป็นคนที่สามารถปกป้องความปลอดภัยของพวกเขาและรักษาผลประโยชน์ของพวกเขาได้ ซึ่งหนิวโหย่วเต้าเองก็ได้พิสูจน์ในจุดนี้ให้เห็นแล้ว”
“หากสำนักหยกสวรรค์ผลีผลามลงมือกับหนิวโหย่วเต้า ในมุมมองของทางกองกำลังของซางเฉาจงแล้ว นั่นก็คือการลงมือกับพวกเขาด้วยเช่นกัน ซึ่งนั่นจะเป็นการบีบให้กองกำลังของซางเฉาจงที่กระจายตัวอยู่ตามที่ต่างๆ พากันออกจากหนานโจวไป ตอนนี้ต่อให้สำนักหยกสวรรค์กำจัดหนิวโหย่วเต้าไปก็ไม่มีประโยชน์ หนิวโหย่วเต้าอาศัยเพียงความเชื่อใจและอิทธิพลตรงนี้ก็สามารถสั่งการให้กองกำลังของมณฑลหนานโจวที่อยู่ใต้การควบคุมของกองกำลังของซางเฉาจงโต้กลับสำนักหยกสวรรค์ได้ทุกเมื่อ”
“หลังจบศึกหนานโจว สำนักหยกสวรรค์ที่เป็นฝ่ายได้เปรียบในด้านปัจจัยต่างๆ ทั้งนอกและในกลับถูกหนิวโหย่วเต้าขัดขวางจนพลาดโอกาสที่ดีที่สุดในการควบคุมคนของซางเฉาจงไป ตอนนี้กองกำลังของซางเฉาจงเข้าควบคุมหนานโจวอย่างสมบูรณ์แล้ว หากคิดจะใช้กำลังกวาดล้างอีก หนานโจวต้องวุ่นวายใหญ่โตแน่ สำนักหยกสวรรค์จะหยิกเล็บก็กลัวเจ็บเนื้อ”
“แล้วก็เป็นเพราะปัจจัยในส่วนนี้ หนิวโหย่วเต้าถึงกล้าออกมาจากหนานโจวอย่างสบายใจ เนื่องจากเขารู้ดีว่าสำนักหยกสวรรค์ไม่กล้าก่อปัญหาขึ้นในมณฑลหนานโจวแล้ว แล้วข้าจะนั่งเฉยปล่อยให้เขาสะสมกำลังมาเอาชนะสำนักหยกสวรรค์จนครอบครองหนานโจวอย่างสมบูรณ์ได้อย่างไร?”
พอได้ฟังคำอธิบายเหล่านี้จากเซ่าผิงปอ เซ่าซานเสิ่งก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ “หนิวโหย่วเต้าคนนี้น่ากลัวจริงๆ!”
“ข้าเคยพูดไว้แต่แรกแล้วว่าคนผู้นี้อันตรายมาก! ตอนนั้นเป็นเพียงศิษย์ที่ถูกสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ขับไล่ สุนัขจรจัดตัวหนึ่งใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีก็สร้างสถานการณ์เช่นในปัจจุบันออกมาได้ ไหนเลยจะใช่คนธรรมดา? ช่วงแรกสำนักหยกสวรรค์ทะนงตัวเกินไป มองเขาเป็นเพียงมดปลวก ไม่ทราบถึงจิตใจอันเจ้าเล่ห์ร้ายกาจของไอ้เดรัจฉานผู้นี้ จึงตั้งรับผลกระทบที่ตามมาในครานี้ไม่ทัน กลับกลายเป็นฝ่ายที่ถูกจูงจมูก ตอนนี้มานึกเสียใจก็สายเกินไปแล้ว!”
เซ่าผิงปอส่ายหน้าพลางหัวเราะหยัน เอ่ยต่อไปว่า “ไม่ว่ายังไงก็ต้องกำจัดหนิวโหย่วเต้าให้ได้ เมื่อหนิวโหย่วเต้าตาย ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าหนิวโหย่วเต้าจะอาศัยอิทธิพลปลุกปั่นกองกำลังของซางเฉาจงให้ก่อเรื่องอีก จากนั้นค่อยดำเนินการซื้อใจคนของซางเฉาคงให้มั่นคง ดำเนินแผนการไปอย่างช้าๆ ค่อยๆ กำจัดอิทธิพลของซางเฉาจงออกไป”
“อย่างแรกคือต้องไม่ปล่อยให้กองกำลังของซางเฉาจงรู้ว่าหนิวโหย่วเต้าตายด้วยน้ำมือของสำนักหยกสวรรค์ ความผิดนี้ต้องมีคนแบกรับ”
“มิเช่นนั้นด้วยอุปนิสัยของซางเฉาจงที่กล้ายิงสังหารหลานชายเผิงโย่วไจ้ต่อหน้าคนจำนวนมาก จะเกลี้ยกล่อมได้หรือไม่ จะยอมเชื่อฟังหรือไม่ เรื่องนี้มันก็ยากจะบอกได้จริงๆ ดีไม่ดีอาจจะสู้กันแบบล่มจมกันไปทั้งสองฝ่าย และถ้ากองกำลังของซางเฉาจงรู้ว่าหนิวโหย่วเต้าถูกสำนักหยกสวรรค์สังหาร ทั้งยังสังเกตพบว่าซางเฉาจงถูกสำนักหยกสวรรค์ควบคุม จะไม่ให้พวกเขาคิดว่าสำนักหยกสวรรค์ต้องการลงมือกับพวกเขาก็คงเป็นไปได้ยาก…ในจดหมายที่ข้าส่งไปโดยเปิดเผยตัวตนได้วิเคราะห์ถึงผลดีผลเสียเอาไว้อย่างละเอียดแล้ว ขอเพียงสำนักหยกสวรรค์ได้เห็นจะต้องส่งคนไล่ตามไปแน่นอน!”
….
เฉินถิงซิ่วผู้อาวุโสแห่งสำนักหยกสวรรค์มาถึงแล้ว นำกำลังคนมุ่งหน้ามาถึงสำนักหมื่นสรรพสัตว์ในยามราตรี
ยังคงเป็นผู้อาวุโสโฉวซานแห่งสำนักหมื่นสรรพสัตว์ที่ออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง
ในแง่หนึ่งแล้ว มันก็ช่วยไม่ได้จริงๆ จริงอยู่ที่สำนักหมื่นสรรพสัตว์มีตำแหน่งอยู่ในหอเลือนสลัว ตัวสำนักเองก็แข็งแกร่งทรงอิทธิพลจริงๆ แต่ที่พึ่งหลักๆ ของพวกเขายังคงเป็นเรื่องกำลังทรัพย์ อยู่ในแคว้นซ่งถูกหอเหินเวหา ตำหนักโลหิตเทวาและวังแยกนภาร่วมมือกันข่มเหงเอาไว้ตลอด ไม่ให้โอกาสสำนักหมื่นสรรพสัตว์ได้ขยายอาณาเขตในขอบเขตพื้นที่ของพวกเขาเลย มิเช่นนั้นหากมีกำลังทรัพย์มั่งคั่งแล้วยังมีฐานอำนาจอีก สามสำนักต้องเดือดร้อนแน่นอน
ดังนั้นหากพูดกันตรงๆ แล้ว สำนักหมื่นสรรพสัตว์ก็เหมือนกลุ่มการค้าในโลกบำเพ็ญเพียร ไม่มีเขตอำนาจสำหรับนำมาถ่วงดุลกับกลุ่มอิทธิพลอื่นๆ ทว่าจะเอาแต่ก้มหน้าก้มตาค้าขายก็ไม่ได้ จำเป็นต้องสร้างสายสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มอิทธิพลอื่นๆ ด้วย มิเช่นนั้นคงยากจะทำการค้าอย่างราบรื่นได้
ทั้งสองยืนพูดคุยกันตามมารยาทอยู่นอกประตู
การที่ได้รับการต้อนรับจากผู้อาวุโสสำนักหมื่นสรรพสัตว์เช่นนี้ ทำให้ภายในใจเฉินถิงซิ่วรู้สึกทอดถอนใจยิ่งนัก
ถึงแม้เขาจะมีฐานะเป็นผู้อาวุโสแห่งสำนักหยกสวรรค์เช่นกัน แต่หากเทียบกับอีกฝ่ายที่เปนผู้อาวุโสแห่งสำนักหมื่นสรรพสัตว์แล้ว พวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย
ในมุมมองของเขา นี่นับว่าเป็นการให้เกียรติเขาอย่างมาก อดไม่ได้ที่จะรู้สึกซาบซึ้งถึงผลดีที่ได้จากการครอบครองมณฑลหนานโจว รับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าสถานะต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ระหว่างทางได้หยิบยืมพาหนะจากจุดพักม้าของกลุ่มอิทธิพลต่างๆ มุ่งหน้าเต็มกำลังมาตลอดทางสะดวกราบรื่นนัก การที่ให้หยิบยืมใช้งานข้ามเขตนับว่าไว้หน้าเป็นอย่างมากเช่นกัน
แต่แน่นอน น้ำใจนี้สำนักหยกสวรรค์ก็ต้องชดใช้คืนเช่นกัน วันหน้าหากคนเขาข้ามเขตมายืมใช้พาหนะของจุดพักม้าในหนานโจวเพื่อเร่งเดินทางเต็มกำลังก็ย่อมว่าอะไรไม่ได้เช่นกัน มีให้ก็ต้องมีรับ
หลังจากเข้ามาในสำนักด้วยกันแล้ว โฉวซานถามหยั่งเชิงดูเช่นเคย “ไม่ทราบว่าเฉินซยงมาพบเจ้าสำนักเราด้วยธุระใดหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า