ตอนที่ 502 ชะตาอาภัพ
เสียงกระทบกึกๆ แว่วห่างออกไป ก่วนฟางอี๋ที่นั่งอยู่ท่ามกลางความมืดเพียงลำพังถอนหายใจอย่างโล่งอก มองเงาตนในคันฉ่อง ทว่ามองอย่างไรก็ไม่ชัดเจนเลย ทุกอย่างพร่ามัวไปหมด
นางกลัวจริงๆ ว่าหนิวโหย่วเต้าจะบุกเข้ามาแล้วมาเห็นสภาพของนางในตอนนี้เข้า
ขอบตาค่อยๆ เปียกชื้นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด นางโน้มตัวฟุบลงกับโต๊ะเครื่องแป้ง ก้มหน้าซุกแขน หยาดน้ำตาร่วงรินอย่างเงียบงัน…
นอกเรือน หนิวโหย่วเต้าที่เดินค้ำกระบี่ออกมากวักมือเล็กน้อย
ลุงเฉินโผล่ออกมาจากความมืด ตามเขาออกไป
ยามที่ทั้งสองเดินผ่านลานเรือน หยวนกังที่ยืนอยู่ในมุมมืดใต้ชายคาเฝ้ามองตาม เขาก็ทราบเรื่องแล้วเช่นกัน
ตอนที่หนิวโหย่วเต้ากลับมาก่อนหน้านี้ได้หยิบกระบี่ออกมาจากชั้นวางกระบี่ ชักกระบี่ออกจากฝัก มองตัวกระบี่ที่ล้อแสงตะเกียงอยู่นานพักใหญ่
หยวนกังรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ จึงถามว่ามีเรื่องอะไร ด้วยเหตุนี้หนิวโหย่วเต้าจึงเล่าเรื่องราวให้เขาฟัง
เมื่อออกจากเรือนมา หนิวโหย่วเต้ายืนค้ำกระบี่อยู่ริมเขา สายลมในหุบเขาโชยแผ่ว
ลุงเฉินตามมาอยู่ข้างๆ เอ่ยถามว่า “มีเรื่องใดหรือขอรับ?”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ตอนที่เจ้าติดตามหงเหนียง สวี่เหล่าลิ่วยังไม่ได้มาติดตามหงเหนียงกระมัง?”
“ถูกต้อง! สวี่เหล่าลิ่วมาทีหลัง” ลุงเฉินตอบ ไม่เข้าใจว่าเขาถามเรื่องนี้ไปทำไม หรือยังอยากจะซักประวัติภูมิหลังเขาอยู่?
“กล่าวก็คือ เจ้ารู้เรื่องของกลุ่มคนที่เคยมีอดีตกับหงเหนียงเหล่านี้มากกว่า”
“ก็ไม่แน่ ท่านอยากพูดอะไรกันแน่?”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “วันนี้ตอนที่หงเหนียงติดตามข้าออกไป ถูกคนอื่นตบเข้า”
ลุงเฉินหันมองกลับไปทางเรือนรับรองทันที ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดวันนี้ก่วนฟางอี๋จึงดูแปลกไป เขาหันกลับมาอีกครั้ง เอ่ยเสียงเครียด “ฝีมือผู้ใด?”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยนามหนึ่งออกมาช้าๆ “เหวินซินจ้าว!”
ลุงเฉินผงะไป สีหน้าดุดันค่อยๆ จืดจางลงไป ถามขึ้นมา “ฮูหยินของตู้อวิ๋นซางหรือ?”
“ใช่ วันนี้ตอนที่ไปรอเข้าพบทางสำนักเทพนารี บังเอิญพบพวกเขาสามีภรรยาเข้า…” หนิวโหย่วเต้าเล่าเรื่องราวตามที่ทราบออกมาคร่าวๆ
ลุงเฉินฟังจบก็ถอนหายใจเบาๆ “รู้ดีว่าเป็นเหตุบังเอิญแต่ก็ยังลงมือ สตรีนางนี้ทำเกินไปแล้ว”
“ดูเหมือนเจ้าจะรู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวดี เล่ามาเถอะ หากจะคิดบัญชีอย่างน้อยก็ต้องรู้สถานการณ์ของเรื่องราวให้แน่ชัดก่อนกระมัง? หากไม่รู้รายละเอียดแล้วจะลงมือได้อย่างไร?”
“เกรงว่าคงไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น หงเหนียงอาจจะไม่อยากคิดบัญชีนี้ก็ได้ สมัยก่อนเหวินซินจ้าวเคยเตือนหงเหนียงไว้แล้วว่าห้ามพบหน้าตู้อวิ๋นซางอีก หงเหนียงก็รับปากไปแล้ว”
หนิวโหย่วเต้าหันมองด้วยความแปลกใจ “หงเหนียงไปยั่วยวนชายที่มีภรรยาแล้วจริงๆ น่ะหรือ เป็นหงเหนียงที่ทำผิดต่อคนอีกฝ่ายอย่างนั้นหรือ?”
“หาใช่ไม่ หงเหนียงมิใช่คนเช่นนั้น ปัจจุบันอาจจะปล่อยตัวไปบ้าง แต่เมื่อก่อนมิได้เป็นเช่นนี้ แต่ก่อนมีเพียงคนอื่นที่เข้ามาพัวพันเพราะชื่อเสียง แต่นางไม่มีทางเป็นฝ่ายไปพัวพันผู้อื่นก่อน ตู้อวิ๋นซาง คำนวณคร่าวๆ แล้ว เรื่องน่าจะเกิดขึ้นราวยี่สิบกว่าปีก่อนแล้วกระมัง ช่วงเวลานั้นตู้อวิ๋นซางยังมิได้แต่งงาน ไหนเลยจะมีเรื่องทำนองยั่วยวนชายมีภรรยาอันใดได้ เวลานั้นตู้อวิ๋นซางก็มากับสหายเพราะได้ยินชื่อเสียงของนางเช่น ต้องยอมรับเลยว่าตู้อวิ๋นซางรูปโฉมงามสง่า บุคลิกไม่ธรรมดา แตกฉานทั้งบุ๋นบู๊ พิณหมากตำราภาพล้วนสันทัดทั้งสิ้น บอกว่าเป็นเพชรยอดมงกุฎในหมู่ศิษย์รุ่นนั้นของสำนักชะตาสวรรค์ก็ไม่เกินเลยไปสักนิด”
“เสียก็แต่ตู้อวิ๋นซางเป็นคนดีเกินไป เพียงพบหน้ากันคราแรก หงเหนียงที่ไม่ค่อยเห็นผู้ใดอยู่ในสายตาก็ถูกเขาดึงดูดใจเข้าเสียแล้ว แต่ตู้อวิ๋นซางเป็นคนพูดน้อย จะกี่ครั้งก็มากับสหายเสมอ ภายหลังหงเหนียงจึงเป็นฝ่ายบอกใบ้สื่อความนัยก่อน บอกว่ายามราตรีตะเกียงดวงเดียวไม่ค่อยสว่างนัก ฝ่ายตู้อวิ๋นซางก็มีใจตรงกัน คืนนั้นเขาถือตะเกียงดวงหนึ่งมาหาจริงๆ สองมือเกาะกุมตะเกียงไว้ ระหว่างทั้งสองเรียกได้ว่าเป็นรักแรกพบเลยทีเดียว เริ่มคบหากันอย่างเงียบๆ”
“เหตุผลที่ต้องปิดเงียบไว้เพราะหงเหนียงเคยเสียหายมาแล้ว นางรู้สึกว่าฐานะไม่เหมาะสมกัน ประกอบกับชื่อเสียงตนก็ไม่ดีนัก กลัวว่าถ้าเปิดเผยออกไปจะถูกขัดขวางไม่ให้คบหากัน ฝ่ายตู้อวิ๋นซางกลับอยากจะเปิดเผยออกไปอย่างยิ่ง อยากเปิดเผยเรื่องที่ทั้งสองคบหากันออกไปอย่างไม่นึกเสียดายอนาคตเลย เป็นหงเหนียงที่ห้ามเอาไว้ กลัวว่าเขาจะไม่สามารถชี้แจงกับทางสำนักได้ ด้วยเหตุนี้ตู้อวิ๋นซางจึงเดินทางกลับสำนักทันที เตรียมจะไปขออนุญาตจากทางสำนักเพราะต้องการตบแต่งหงเหนียงเป็นภรรยาตามธรรมเนียม เขาบอกว่าหากทางสำนักไม่อนุญาต เขาก็ยินดีที่จะถูกขับออกจากสำนัก!”
“หงเหนียงตื่นเต้นดีใจ เตรียมตัวออกเรือน อีกทั้งเริ่มเตรียมจะให้พวกเราแยกย้ายแล้วด้วย ผู้ใดจะคิดว่าตู้อวิ๋นซางที่เฝ้ารอยังไม่มา ผู้มากลับเป็นเหวินซินจ้าวศิษย์น้องของตู้อวิ๋นซาง หรือก็คือบุตรสาวของเหวินหวาเจ้าสำนักชะตาสวรรค์คนก่อน ศิษย์น้องของตู้อวิ๋นซางนัดหงเหนียงออกไปเจรจากันนอกเมือง ฝ่ายหงเหนียงก็ปิดบังเรื่องราวจากพวกเราออกไปตามนัดเงียบๆ ผลคือครั้งนั้นเกือบจะสิ้นชีพด้วยน้ำมือของเหวินซินจ้าวเสียแล้ว โชคดีที่ใครบางคนซึ่งมีใจชื่นชมในตัวหงเหนียงผ่านทางมาพอดี ออกโรงช่วยเหลือหงเหนียงไว้ ยามนั้นหงเหนียงลมหายใจรวยริน ถูกพาตัวกลับมาส่งในสภาพบาดเจ็บสาหัส”
“กระทั่งหงเหนียงหายดีแล้ว ตู้อวิ๋นซางก็มาถึง ครั้งนี้ตู้อวิ๋นซางเปลี่ยนไป บอกว่านับจากนี้ไปขอเป็นเพียงคนที่เคยรู้จักกัน กล่าวว่าเพียงอยากเล่นสนุกด้วยเท่านั้น ขอให้ทำเหมือนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ต่อไปห้ามไม่ให้หงเหนียงมาพัวพันกับเขาอีก สภาพของหงเหนียงในตอนนั้นจะเป็นอย่างไร เพียงแค่คิดดูก็รู้แล้ว หลังจากนั้นไม่นานนัก ทางสำนักชะตาสวรรค์ก็ประกาศข่าววิวาห์ระหว่างตู้อวิ๋นซางและเหวินซินจ้าว ผ่านไปอีกไม่นานนักเหวินซินจ้าวก็มาหาอีกครั้ง มาถึงสวนไม้เลื้อยด้วยตัวเอง ประกาศเตือนหงเหนียงซึ่งๆ หน้าว่าตู้อวิ๋นซางคือสามีของนางแล้ว ห้ามไม่ให้หงเหนียงไปพบหน้าตู้อวิ๋นซางอีกเด็ดขาด มิเช่นนั้นจะไม่ออมมือให้แน่นอน ยามนั้นหงเหนียงก็กล่าวไปด้วยความมีโทสะเช่นกัน บอกว่าคนเนรคุณใจทรามเช่นนี้ถึงมาขอร้องอยากพบหน้านางก็ไม่มีทางไปพบ บอกว่าหากไปให้เห็นหน้าอีกก็เชิญจัดการได้ตามสบายเลย!”
“ภายหลัง ด้วยความโมโหหงเหนียงจึงไปโยนช่อแพรที่ใต้หอสูง เมื่อโยนช่อแพรออกไปแล้วมีคนรับได้ ทว่าหงเหนียงเองก็เป็นสตรีที่ปล่อยวางเป็นคนหนึ่ง สุดท้ายพอใจเย็นลงแล้วก็ไม่ได้ทำให้ตัวเองต้องคับข้องหมองใจอีก ไม่ได้ออกเรือนกับคนผู้นั้นที่รับช่อแพรได้ เพียงมอบเงินก้อนหนึ่งให้เพื่อจบเรื่อง”
来,天行宗掌门的大位啊,又岂是区区一个红娘能比的,天下有几人能拒绝如此诱惑?”
“หลายปีผ่านไป ทางสำนักชะตาสวรรค์ประกาศข่าวออกมาอีกครั้ง เจ้าสำนักเหวินหวาลงจากตำแหน่งด้วยตัวเอง มอบตำแหน่งเจ้าสำนักให้ตู้อวิ๋นซางสืบทอดต่อ ที่ผ่านมาพวกเราสงสัยว่าตู้อวิ๋นซางอาจจะถูกกดดันด้วยเหตุผลบางอย่าง ในยามนั้นถึงได้เข้าใจขึ้นมา ตำแหน่งใหญ่โตอย่างเจ้าสำนักชะตาสวรรค์ไหนเลยจะใช่สิ่งที่หงเหนียงจะไปเทียบได้ จะมีสักกี่คนบนโลกนี้ที่สามารถปฏิเสธความเย้ายวนนี้ได้?”
หนิวโหย่วเต้าหัวเราะเฮอะๆ มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มถากถาง “เข้าใจแล้ว แต่งบุตรีเจ้าสำนักแลกกับตำแหน่งเจ้าสำนัก การค้านี้ไม่ขาดทุนเลย”
ลุงเฉินถอนหายใจเอ่ยว่า “เรื่องราวส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นนี้ หงเหนียงไม่มีทางไปพบตู้อวิ๋นซางอีก ไม่คิดเลยว่าครั้งนี้จะบังเอิญพบเข้า ด้วยทิฐิของหงเหนียง ปีนั้นได้ลั่นวาจาเอาไว้แล้ว ย่อมน้อมรับการตบหน้าสองฉาดนี้เอาไว้แต่โดยดี ได้แต่โทษตัวเอง ผิดหวังกับตัวเอง ถึงทุกข์ใจก็ต้องกล้ำกลืนฝืนทนไว้ ไหนเลยจะไปคิดบัญชีอันใดได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า