ตอนที่ 512 หลงกลเข้าแล้ว!
ก่วนฟางอี๋ก็ตกใจกับวาจาอาจหาญนี้เช่นกัน
หวงทงชะงักเท้าทันที
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยต่อไปว่า “ผู้อาวุโสหวงมาเพื่อขอเข้าพบผู้นำหกสำนักใหญ่แห่งแคว้นเยี่ยนและแคว้นหานกระมัง? ขออภัยที่ต้องพูดตามตรง จะเข้าพบหรือไม่ก็ไม่มีความหมายนัก ต่อให้ผ่านตอนนี้ไปได้ แล้วในอนาคตเล่า? ไม่ว่าจะเป็นแคว้นเยี่ยนหรือว่าแคว้นหาน ไม่ช้าก็เร็วคงลงมือกับเป่ยโจวเข้าสักวัน ถึงจะถ่วงรั้งไปได้สักระยะ แต่ก็รั้งไว้ไม่ได้นานอยู่ดี สองพ่อลูกสกุลเซ่าถือเป็นคนทรยศสำหรับทั้งแคว้นเยี่ยนและแคว้นหาน แต่ยงผิงจวิ้นอ๋องกลับต่างกันออกไป เขาเป็นเชื้อพระวงศ์สายใน สืบสายเลือดราชสกุลซาง ราชสำนักแคว้นเยี่ยนประกาศแต่งตั้งเป็นผู้ว่าการมณฑหนานโจวอย่างเป็นทางการ มีอำนาจในมณฑลหนานโจวอย่างชอบธรรม! หากสำนักเขามหายานร่วมมือกับข้า มีอำนาจของยงผิงจวิ้นอ๋องคอยสนับสนุน หนานโจวก็อยู่แค่เอื้อมแล้ว ส่วนดินแดนข้อพิพาทอย่างมณฑลเป่ยโจว ไม่เอาก็ไม่เป็นไร ข้าพูดจากใจจริง หวังว่าสำนักเขามหายานจะเก็บไปพิจารณา”
วาจานี้ขนาดโฉวซานฟังแล้วก็ค่อนข้างใจสั่นขึ้นมา แอบเหลือบมองหวงทงเงียบๆ แวบหนึ่ง
แววตาก่วนฟางอี๋วาววับ
หวงทงขยับศีรษะเล็กน้อย คล้ายต้องการจะหันกลับมา แต่สุดท้ายก็ไม่ได้หันกลับมา สาวเท้าเดินหน้าต่อไป
พอมองเห็นทั้งกลุ่มเดินจากไปไกลแล้ว ก่วนฟางอี๋หันไปมองหนิวโหย่วเต้า เอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยวเล็กน้อยว่า “เจ้าคนชั่ว!”
หนิวโหย่วเต้าถาม “ข้ามิได้ล่วงเกินเจ้ากระมัง?”
ก่วนฟางอี๋เอ่ยว่า “ยังไม่ยอมรับอีกหรือ เจ้ากำลังแอบดึงคนของฝั่งเซ่าผิงปออยู่ชัดๆ หากเซ่าผิงปอรู้เข้าคงกระอักเลือดด้วยความโมโห”
หนิวโหย่วเต้าถอนหายใจเอ่ยไปว่า “ไหนเลยจะดึงตัวมาได้ง่ายขนาดนั้น สำนักเขามหายานรวมถึงตระกูลเซ่าเหยียบเรือสองแคม ล่วงเกินสามสำนักใหญ่แห่งแคว้นเยี่ยนไปนานแล้ว หากสามสำนักใหญ่ไม่เห็นด้วย ถึงพวกเขาอยากจะมาหนานโจวก็มาไม่ได้อยู่ดี”
ก่วนฟางอี๋แปลกใจ “เจ้าอยากจะร่วมมือกับสำนักเขามหายานเพื่อขับไล่สำนักหยกสวรรค์มิใช่หรือ?”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “ สำนักเขามหายานอยู่ในหนานโจวกับสำนักหยกสวรรค์อยู่ในหนานโจวมีอันใดแตกต่างกันเล่า? หากสำนักเขามหายานได้เข้าแทนที่สำนักหยกสวรรค์ในหนานโจวจริงๆ ก็จะพุ่งเป้ามาที่ข้าเช่นกัน มีเรื่องสำนักหยกสวรรค์เป็นบทเรียนแล้ว บางทีคงลงมือโหดเหี้ยมกว่าด้วยซ้ำ!”
ก่วนฟางอี๋สงสัย “เช่นนั้นไยเจ้ายังพูดอีก?”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ก็พูดๆ ไปเท่านั้น ถึงอย่างไรก็ว่างๆ อยู่”
“…..” ก่วนฟางอี๋พูดไม่ออก นี่เจ้าเรียกว่าอยู่ว่างๆ อย่างนั้นหรือ?
….
“หนิวโหย่วเต้าพูดเช่นนี้หรือ?”
ภายในตำหนัก ซีไห่ถังที่ได้รับรายงานหันมาด้วยความแปลกใจ
โฉวซานพยักหน้า “ข้าได้ยินมากับหูเลยขอรับ ใช่แล้ว หวงทงขอเข้าพบผู้นำหกสำนักใหญ่ ล้วนถูกปฏิเสธทั้งสิ้น ไม่มีผู้ใดยอมพบเขาขอรับ”
ซีไห่ถังเอ่ยว่า “เป่ยโจวเหยียบเรือสองแคม ใช้ประโยชน์จากทั้งสองแคว้นมาคานอำนาจกัน ล่วงเกินหกสำนักใหญ่มานานแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นผู้มาก็เป็นเพียงผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักเขามหายานเท่านั้น ไหนเลยจะได้เข้าพบผู้นำหกสำนักง่ายๆ หกสำนักใหญ่จะไม่ไว้หน้าก็เป็นเรื่องที่พอเข้าใจกันได้ แต่หนิวโหย่วเต้าผู้นี้อยู่ที่หนานโจว ไฉนจึงขัดแย้งกับเป่ยโจวได้เล่า? หนานโจว เป่ยโจว สำนักหยกสวรรค์ สำนักเขามหายาน หนิวโหย่วเต้า เฉินถิงซิ่ว ตอนนี้มีหวงทงเพิ่มเข้ามาอีก หนิวโหย่วเต้าเข้าพบหกสำนักใหญ่ เฉินถิงซิ่วตายแล้ว สำนักเขามหายานก็มาขอเข้าพบหกสำนักใหญ่อีก ระหว่างคนเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องอันใดอยู่หรือไม่? สรุปแล้วนี่คือการแย่งชิงอำนาจในหนานโจวหรือว่าการขยายไปแย่งชิงอำนาจเป่ยโจวกันเล่า? เหตุใดข้าชักจะสับสนขึ้นมาแล้ว?”
โฉวซานส่ายหน้า “หนิวโหย่วเต้าและตระกูลเซ่าแห่งเป่ยโจวดูเหมือนจะเคยมีเรื่องกันเล็กน้อย ไม่ค่อยทราบแน่ชัด สำนักหมื่นสรรพสัตว์ของพวกเราทำการค้ากับคนทั่วหล้า เข้าไปยุ่งกับเรื่องเหล่านี้น้อยมาก”
ซีไห่ถังรู้สึกสะท้อนใจ “นั่นสิ ดินแดนในใต้หล้าก็มีอยู่เท่านั้น คนเหล่านี้ต่อสู้ฆ่าฟันกัน ก่อหายนะให้สรรพสิ่ง แย่งชิงกันไปแย่งชิงกันมาไม่รู้จบ มีหลายสำนักที่ผงาดขึ้นมาแต่ก็โรยราไป สำนักหมื่นสรรพสัตว์ของพวกเราคอยเฝ้ามองอยู่ห่างๆ ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอันใด เพียงแต่พากันแห่มาที่สำนักหมื่นสรรพสัตว์เขา แบบนี้มันหมายความว่าอย่างไรกัน เห็นสำนักหมื่นสรรพสัตว์เราเป็นสนามรบชิงอำนาจอย่างนั้นหรือ?”
….
หวงทงเดินกลับไปกลับมาอยู่ภายในลานเรือน จิตใจหนักอึ้ง ถูกหกสำนักใหญ่ปฏิเสธคำขอเข้าพบ ไม่ทราบสถานการณ์แน่ชัด
แต่เรื่องราวก็ไม่เหนือไปจากที่คาดการณ์ไว้ จดหมายที่ตอบกลับมาจากทางสำนักก็บอกเอาไว้แล้วว่าเจ้าสำนักหวงเลี่ยกำลังเดินทางมาด้วยตัวเอง
ตอนนี้ในสมองเขายังคงมีคำพูดของหนิวโหย่วเต้าผุดขึ้นมาอยู่เป็นระยะ ดูเหมือนจะมีเหตุผลพอสมควร หนิวโหย่วเต้าตั้งใจเอ่ยถึงเรื่องนี้มีเจตนาเช่นใดกัน?
….
ณ จวนผู้ว่าการมณฑลเป่ยโจว นอกโถงว่าราชการ ผู้บำเพ็ญเพียรกลุ่มหนึ่งมารวมตัวกัน
เจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่ในห้องโถงเดินออกมาอย่างระมัดระวังคนแล้วคนเล่า เงยหน้ามองผู้บำเพ็ญเพียรที่ถือกระบี่ไว้ในมือเหล่านี้เป็นครั้งคราว
ภายในโถงว่าราชปลอดคนแล้ว
เมื่อเห็นจงหยางซวี่เดินเอื่อยๆ เข้ามา เซ่าผิงปอที่จัดการเอกสารราชการอยู่ก็ลุกขึ้นมาจากหลังโต๊ะ เดินอ้อมโต๊ะตัวยาวออกมา ประสานมือเอ่ยไปว่า “ท่านลุง นี่มันเรื่องใดกันขอรับ?” เขาชี้ไปยังรอบข้างที่ว่างเปล่า
เซ่าซานเสิ่งที่อยู่ด้านข้างเงียบกริบ 艾琳小說
จงหยางซวี่จ้องมองเขาอย่างเย็นชา “เตือนปากเปียกปากแฉะแล้วไยไม่รู้จักฟัง?”
เซ่าผิงปอดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจ “เหตุใดท่านลุงจึงเอ่ยเช่นนี้? หลานไม่เข้าใจ โปรดชี้แจงด้วยเถิดขอรับ”
จงหยางซวี่กล่าวว่า “นี่เจ้าแสร้งทำตัวเลอะเลือนกับข้าอย่างนั้นหรือ?”
ข่าวแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว มีเสียงอึกทึกแว่วขึ้นนอกประตู เซ่าเติงอวิ๋นได้ข่าวก็รีบมาอย่างรวดเร็ว จงหยางซวี่หันไปมองเล็กน้อย
เมื่อเซ่าเติงอวิ๋นมาถึงก็ประสานมือเอ่ยถาม “จงซยง เหตุใดถึงระดมกำลังคน?”
จงหยางซวี่พยักพเยิดหน้าไปทางเซ่าผิงปอ “เจ้าลองถามบุตรชายเจ้าถึงเรื่องงามหน้าที่ก่อเอาไว้จะดีกว่า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า