ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 514

ตอนที่ 514 คืนจันทร์เพ็ญ

ฟืนถูกตัดมากองไว้แล้ว หลุมลึกก็ขุดเสร็จพอดี ศิษย์คนหนึ่งที่ติดตามมากับเฉาเซิ่งไหววิ่งเข้ามา เอ่ยกับทุกคนด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์พี่ศิษย์น้องทุกท่าน ทางนี้ปล่อยให้พวกเรารับผิดชอบต่อเถิด ศิษย์พี่เฉาเชิญทุกท่านไปหาทางด้านนั้น บอกว่ามีเรื่องจะมอบหมายให้” ว่าพลางชี้ไปทางหลังเขา

ทุกคนมองหน้ากัน บางคนมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ แต่ก็ยังเดินออกไป

แต่ระหว่างทางมีบางคนก่นด่าเสียงเบา “อาศัยบารมีปู่ตนมาชี้นิ้วสั่งโน่นสั่งนี่ นับเป็นตัวอันใดกัน!”

มีบางคนสบถพึมพำคล้อยตามหลายประโยค ต่างไม่ใคร่พอใจพฤติกรรมของเฉาเซิ่งไหว

กลับเป็นศิษย์พี่ผู้นำกลุ่มที่ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า “เลิกบ่นจู้จี้กันได้แล้ว เขาก็นับว่ามีน้ำใจมาช่วยเหลือ เพียงติดวางมาดไปหน่อยเท่านั้น”

กระทั่งคนเหล่านี้ไปทางหลังเขาแล้ว ทั้งสองคนที่อยู่ข้างหลุมลึกก็สบตากันเล็กน้อย ลงมืออย่างรวดเร็ว หามซากอินทรีหยกทมิฬที่อยู่บนพื้นขึ้นมาแล้วออกวิ่ง

อินทรีหยกทมิฬเป็นสายพันธุ์หนึ่งในหมู่วิหคยักษ์ที่หาได้ทั่วไป และเป็นวิหคยักษ์ที่มีมากที่สุดในสำนักหมื่นสรรพสัตว์ด้วย กล่าวอีกนัยคือเป็นสินค้าที่มีราคาถูกที่สุดในท้องตลาด แต่ก็ยังมีมูลค่านับสิบล้านเหรียญทองอยู่ดี

สองคนนี้ก็ไม่ได้วิ่งไปไหนไกลเลย นำอินทรีหยกทมิฬที่หามมาไปซ่อนไว้ในหลืบเขาในละแวกนี้ วิ่งวนกลับไปกลับมาอยู่เช่นนี้ ซ่อนวิหคยักษ์ห้าตัวอย่างรวดเร็ว

ยามที่วิ่งกลับมาข้างหลุมลึกอีกครั้งก็รีบหยิบไม้ฟืนโยนลงไปในหลุมอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็โยนซากวิหคที่ตายแล้วลงหลุมต่อ

พอจัดการเรื่องพวกนี้เสร็จก็โยนคบเพลิงติดไฟลงไปในหลุม จุดคบเพลิงโยนลงไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ช้าเปลวเพลิงก็ลุกโชนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ไอรีนโนเวล

พอเห็นควันลอยโขมงขึ้นมาจากทางนี้ เฉาเซิ่งไหวที่บ่นจู้จี้อยู่ทางนั้นก็จบประเด็นลงเช่นกัน ทั้งกลุ่มเดินกลับมา มาดูทางหลุมลึกครู่หนึ่ง เห็นซากวิหคที่กองสุมลุกไหม้อยู่ในกองเพลิงกำลังมอดไหม้ไป เริ่มแรกในอากาศมีกลิ่นเนื้อย่างลอยอบอวล จากนั้นก็กลายเป็นกลิ่นเหม็นไหม้ ทำให้ทุกคนต้องถอยห่างออกจากหลุมลึกไปเล็กน้อย

ฟ้ามืดลงแล้ว เปลวเพลิงสีส้มแดงในหลุมลึกค่อยๆ มอดดับลง ก้อนถ่านในหลุมเปล่งแสงวูบวาบ เหล่าศิษย์เริ่มโกยดินที่กองอยู่ด้านข้างถมกลับลงไปในหลุม

ภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว ทุกคนก็พากันกลับไป เฉาเซิ่งไหวพาศิษย์น้องทั้งสองแยกทางกับเหล่าศิษย์จากหน่วยแปรวิญญาณ บอกว่าจะไปที่เมืองวั่นเซี่ยง

แต่ทั้งสามกลับไม่ได้เดินไปไหนไกล หลังจากไปแอบอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งสักพัก เฉาเซิ่งไหวที่อยู่ท่ามกลางความมืดก็เอ่ยกับศิษย์น้องทั้งสองว่า “ขนซากศพทั้งห้าร่างออกมา แล้วเอาไปโยนทิ้งให้ไกลหน่อย โยนทิ้งกระจายทิศทางไป”

ศิษย์น้องคนหนึ่งถามด้วยความแปลกใจ “ศิษย์พี่ นี่พวกเราทำอะไรกันอยู่ขอรับ!”

ศิษย์น้องอีกคนก็แปลกใจเช่นกัน จะซ่อนศพพวกนี้ไปทำไม สัตว์ตายแล้วยังนำมาใช้ประโยชน์ใดได้อีก?

เฉาเซิ่งไหวไหนเลยจะยอมบอกความจริงพวกเขา หากบอกไปทั้งต้องตกใจตายแน่นอน มีคนรู้ความจริงน้อยเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น เพียงสั่งให้ทั้งสองหุบปากแล้วบอกให้ทั้งสองทำตามที่บอกก็พอ

ทั้งสองได้แต่ต้องทำตามคำสั่งไป

ทั้งสองไปทำตามที่สั่ง เฉาเซิ่งไหวก็ไปเช่นกัน ย้อนกลับไปที่สำนักหมื่นสรรพสัตว์ ไปพบพรรคพวกอีกคนหนึ่งซึ่งนัดพบกันที่หน่วยรวมวิญญาณ แล้วก็เป็นศิษย์ของหน่วยรวมวิญญาณด้วย มีนามว่าเฉินผิง อีกฝ่ายมารอเขาอยู่ก่อนแล้ว

ทันทีที่พบกัน เฉาเซิ่งไหวก็ถามว่า “คืนนี้เจ้าเป็นหนึ่งในคนที่เข้าเวรกระมัง?”

“ใช่ขอรับ ศิษย์พี่ก็เคยถามไปแล้วมิใช่หรือ?” เฉินผิงแปลกใจ

เฉาเซิ่งไหวสอดส่องรอบข้างอย่างมีลับลมคมใน ล้วงเอา ‘แหวนกระดิ่ง’ ห้าวงออกมาจากแขนเสื้อ ดูเหมือนเป็นแหวนธรรมดา เพียงแต่ส่วนหัวแหวนฝังกระดิ่งเล็กๆ เอาไว้ มีก้านสอดคั่นกระดิ่งไว้ เพื่อกันไม่ให้กระดิ่งเกิดเสียงขึ้นมา แต่เมื่อชักก้านคั่นออกแล้วขยับแหวน ก็จะมีเสียงกระดิ่งแว่วดังขึ้น

เสียงไม่ดังนัก แต่เป็นเสียงที่มีอานุภาพทะลุทะลวงอย่างร้ายกาจ

เพียงสวมสิ่งนี้ติดนิ้วไว้เหมือนแหวนทั่วไปก็จะสามารถบังคับควบคุมวิหคพาหนะได้ เสียงกระดิ่งแว่วดังขึ้นในทิศทางใด วิหคก็จะบินมุ่งหน้าไปในทิศทางนั้น

วัสดุที่สร้างแหวนกระดิ่งมีความทนทานมาก เทียบได้กับวัสดุที่ใช้ผลิตกระบี่ ไม่มีทางเสียหายง่ายๆ แต่ละวงผลิตขึ้นเพื่อใช้ควบคู่กับวิหคเพียงหนึ่งตัวไปชั่วชีวิต

แหวนกระดิ่งดูเผินๆ จะคล้ายกันไปหมด แต่บนโลกนี้ไม่มีกระดิ่งลูกใดที่ให้เสียงเหมือนกันทุกประการได้ มักจะมีข้อแตกต่างด้านรายละเอียดของเสียงอยู่ ถึงแม้จะถูกสร้างขึ้นจากช่างฝีมือคนเดียวกันก็ตาม อีกทั้งหลังจากแหวนกระดิ่งถูกสร้างขึ้นแล้ว มันก็จะผูกติดกับวิหคหนึ่งตัวไปตลอด ขอเพียงไม่เกิดเหตุร้ายขึ้นกับวิหคตัวนั้น ก็ไม่มีทางเปลี่ยนไปใช้ควบคุมวิหคตัวอื่นได้ เพราะมันจะถูกใช้ควบคู่ไปกับการฝึกฝนวิหคตัวนั้นตั้งแต่เล็กจนโต เพื่อให้มันคุ้นเคยกับเสียงกระดิ่งนี้ เมื่อวันเวลาผ่านไปนานเข้า จะทำให้เสียงกระดิ่งถูกหล่อหลอมฝังลึกอยู่ในความทรงจำของวิหค วิหคที่ผ่านการฝึกฝนมาแล้วจะตอบสนองไปตามสัญชาตญาณ เช่นนี้แล้วก็จะสามารถควบคุมทิศทางการบินได้ดั่งใจนึก 艾琳小說

ยามที่สำนักหมื่นสรรพสัตว์จำหน่ายวิหคยักษ์ออกไปก็จะขายแหวนกระดิ่งออกไปคู่กันด้วย เมื่อลูกค้าซื้อไปก็สามารถควบคุมได้อย่างสะดวกสบาย

เฉินผิงรับแหวนกระดิ่งทั้งห้าวงไป ถามอย่างค่อนข้างแปลกใจ “ศิษย์พี่ นี่หมายความว่าอย่างไรขอรับ?”

เฉาเซิ่งไหวยื่นแขนโอบไหล่เขาเข้ามา เอ่ยกระซิบสั่งการข้างหู “ช่วงที่เจ้าเข้าเวรในคืนนี้ ให้ใช้แหวนกระดิ่งเรียกอินทรีหยกทมิฬห้าตัวออกมาจากรัง ใช้กลยุทธ์ตัวตายตัวแทนกับวิหคห้าตัวนี้…”

หลังฟังกระจ่างแล้ว เฉินผิงตระหนกหวาดหวั่น “เอ่อ…ศิษย์พี่ ทำเช่นนี้ไม่ได้หรอกขอรับ ทุกเช้าจะมีการปล่อยวิหคในรังออกมาบินยืดเส้นยืดสาย หากสับเปลี่ยนแล้วไม่อาจควบคุมอินทรีหยกทมิฬห้าตัวนั้นได้ จะต้องมีการตรวจสอบแน่นอน หากสืบพบว่าเกิดปัญหาขึ้นกับแหวนกระดิ่งห้าวงนี้ ตัวข้าในฐานะคนเข้าเวรคืนนั้นก็ยากจะปัดความรับผิดชอบได้ ไม่ได้ ไม่ได้ขอรับ ศิษย์พี่ ทำไม่ได้จริงๆ ขอรับ”

เฉาเซิ่งไหวกระซิบเสียงทุ้มต่ำ “ข้าจะทำให้เจ้าซวยได้อย่างไรเล่า? หากทำเจ้าเดือดร้อน เมื่อสืบสาวมาถึงตัวเจ้า เจ้าก็สามารถซัดทอดมาหาข้าได้ ข้าจะหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวไปไย? เจ้าวางใจเถอะ ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงเช้าวันพรุ่งนี้หรอก เดี๋ยวเจ้าจะรู้เองว่าเรื่องนี้ไม่สามารถตรวจสอบอะไรได้ รับรองว่าเจ้าไม่มีทางเป็นอะไร”

หลังจากเอ่ยโน้มน้าวแกมบังคับข่มขู่แล้ว ในที่สุดทั้งสองก็แยกย้ายกันไป

จากนั้นเฉาเซิ่งไหวก็มาที่ป่าอีกด้านหนึ่ง มาพบกับศิษย์ของหน่วยแปรวิญญาณอีกคนที่มีนามว่าเกาหลาน

พอพบหน้ากันก็ยัดขวดกระเบื้องเคลือบเล็กๆ ใบหนึ่งใส่มืออีกฝ่าย พร้อมกับยกแขนโอบหลังดึงเข้ามากระซิบสั่งการอยู่พักหนึ่ง

หลังจากเกาหลานฟังจบก็หวาดหวั่นกระวนกระวาย “ศิษย์พี่ นี่คือสิ่งใดขอรับ? หรือว่าเรื่องที่หน่วยแปรวิญญาณวันนี้เป็นท่าน…”

“เหลวไหล เจ้าคิดอะไรกัน? ข้าไหนเลยจะทำเรื่องเช่นนั้นได้?” เฉาเซิ่งไหวโมโหกลบเกลื่อน จากนั้นเอ่ยตะล่อมเสียงเสนาะหู “เจ้าวางใจเถอะ นี่มิใช่ยาพิษ หากเจ้าทำตามที่ข้าบอก ไม่มีทางจะเป็นพิษถึงตายอันใดไปได้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า