ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 521

สรุปบท ตอนที่ 521 จดหมายฉบับหนึ่ง: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 521 จดหมายฉบับหนึ่ง – ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า โดย Internet

บท ตอนที่ 521 จดหมายฉบับหนึ่ง ของ ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 521 จดหมายฉบับหนึ่ง

หลังจากกลับมาถึงเรือนรับรอง หวงเลี่ยหยุดเดินกะทันหัน หันซ้ายหันขวาเล็กน้อย “เรื่องเซ่าผิงปอเป็นคนของหอจันทร์กระจ่าง พวกเจ้าว่าเป็นไปได้หรือไม่?”

สองผู้อาวุโสที่เดินตามหยุดเดินแล้วมองหน้ากัน หวงทงเอ่ยอย่างลังเล “คำพูดของคนผู้นั้นดูมีเค้าโครงจริง แต่พวกเราก็รู้ดีเช่นกันว่าคนผู้นั้นไม่มีเจตนาดีแน่นอน ไม่มีใครรู้ว่าจริงหรือเท็จ อีกอย่างต่อให้เป็นความจริง ถึงตายเซ่าผิงปอก็ไม่ยอมรับ หากเป็นเรื่องเท็จแล้วพวกเราถือเป็นจริงเป็นจัง ไม่ตกหลุมพรางคนผู้นั้นเข้าหรอกหรือ? เขาก็แสดงออกชัดเจนว่ามุ่งร้ายต่อหนิวโหย่วเต้า”

หวงเลี่ยนเดินวนกลับไปกลับมา สีหน้าเคร่งเครียด “ไม่ว่าจริงหรือเท็จ นี่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย สำนักเขามหายานเราทำงานหนักมานานหลายปี ไหนเลยจะปล่อยให้คนอื่นได้ประโยชน์ไป ต่อให้ไม่ยอมตกหลุมพรางของไอ้ชั้นต่ำคนนั้นก็ไม่สามารถวางเฉยได้เช่นกัน แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้จำเป็นต้องระวังอย่างยิ่งยวด ไม่อาจปล่อยให้ตัวเองเกิดปัญหาทั้งภายนอกและภายในได้ อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น จับตามองเซ่าผิงปอไปก่อน จัดการปัญหาภายนอก ณ ปัจจุบันนี้ให้แล้วเสร็จ รักษาสถานการณ์กับภายนอกให้มั่นคงก่อน จากนั้นค่อยดำเนินการสอบสวนเซ่าผิงปอ!”

ตอนนี้ต้องทำให้สถานการณ์โดยรวมมั่นคงก่อนจริงๆ ผู้อาวุโสทั้งสองพยักหน้าพร้อมกันต่างเห็นด้วย “เจ้าสำนักกล่าวถูกแล้ว!”

หวงเลี่ยกดมือลงเล็กน้อย ไม่คิดจะฟังคำป้อยอในเวลานี้ เขาเอ่ยอย่างใช้ความคิด “มีเรื่องหนึ่งที่จำเป็นต้องป้องกันไว้ คำพูดหนิวโหย่วเต้าเปี่ยมคารมคมคาย เกรงว่าคงไม่ธรรมดาเลย ทุกคนต้องระมัดระวังเอาไว้ หากมีความผิดปกติใดๆ จำเป็นต้องตื่นตัวไว้เสมอ!”

….

หลายวันต่อมา สำนักใหญ่ทั้งหลายที่พำนักอยู่ในสำนักหมื่นสรรพสัตว์ช่วงนี้ สำนักใดสมควรไปเยี่ยมคารวะล้วนแวะเวียนไปเยี่ยมมาแล้ว

ไปพบตามหลักมารยาทก็เป็นรื่องหนึ่ง ตั้งใจทำความรู้จักสานสัมพันธ์เอาไว้ก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ประเด็นสำคัญคือทำไปเพื่อปกปิด ปกปิดเรื่องที่เขาเคยไปเข้าพบหกสำนักใหญ่ของแคว้นเยี่ยนและแคว้นหาน ด้วยไม่อยากให้สามสำนักใหญ่ฝั่งแคว้นหานสงสัยและไม่อยากให้สามสำนักใหญ่แคว้นเยี่ยนสงสัยเช่นกัน

การเจรจายังอยู่ระหว่างดำเนินการ หวงเลี่ยจำเป็นต้องจากไปแล้วเช่นกัน ไม่อาจรั้งอยู่ที่นี่จนได้บทสรุปของการเจรจา เนื่องจากไม่อาจปล่อยให้การเจรจาสำเร็จผลได้

เจรจากันมาถึงขั้นนี้แล้ว ทางหกสำนักใหญ่ปรากฏสัญญาณการยอมผ่อนปรนแล้ว สำนักเขามหายานกำจำเป็นต้องประนีประนอมไปตามสถานการณ์ แต่เดิมทีทางฝั่งนี้ต้องการให้การเจรจาล้มเหลวเป็นโมฆะ ไม่มีทางยอมประนีประนอม หากว่าหกสำนักยอมผ่อนปรนถอยให้ แต่ทางนี้กลับไม่ยอมรอมชอม ผู้นำหกสำนักใหญ่อาจจะมาหาเขาอย่างเปิดเผยเพื่อเจรจาก็เป็นได้

ดังนั้นเขาจำเป็นต้องจากไป มีเพียงเขาจากไปและกลับถิ่นฐานไปถึงจะสามารถจัดการกับทางนี้อย่างเสรีได้ คนที่รั้งอยู่เจรราก็สามารถเล่นตัวเล็กน้อยอย่างพอเหมาะได้ ถ่วงเวลาไว้ต่อไป ผลลัพธ์ย่อมเจรจาไม่เป็นผล

หลังจากให้คนไปรายงานแล้ว หวงเลี่ยก็พาทั้งคณะมุ่งหน้าไปยังอาคารหลักของสำนักหมื่นสรรพสัตว์…ดฮณ๊ฯดฯฌซ,

“เต้าเหยี่ย ชักธงแล้วครับ”

หนิวโหย่วเต้ากำลังเดินหมากกับกวนฟางอี๋อยู่ หยวนกังเดินฉับๆ เข้ามา เดินเข้ามาในศาลาแล้วโน้มตัวลงไปกระซิบบอกข้างหูหนิวโหย่วเต้าเบาๆ

ก่วนฟางอี๋เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ทนมองทั้งสองคนปฏิบัติเหมือนคนเป็นคนนอกไม่ได้

หนิวโหย่วเต้าได้ฟังก็ลุกขึ้น ยัดเบี้ยตัวหนึ่งใส่มือหยวนกัง “ถึงตาข้าวางหมากแล้ว เจ้าช่วยเล่นแทนข้าที” ว่าจบกันก็เดินยันกระบี่ออกไป

ภายในศาลา หยวนกังยืน ก่วนฟางอี๋นั่ง ทั้งสองจ้องตากันอยู่พักหนึ่ง

เกิดเสียงดังกราว หยวนกังโยนตัวเบี้ยลงไปในกระดานหมากแล้วหันหลังเดินจากไป แสดงออกชัดเจนว่าคร้านจะเสียเวลากับห่วนฟางอี๋

“คนเลว!” ก่วนฟางอี๋ก่นด่าอย่างเกรี้ยวกราดไล่หลังหยวนกังไป

ริมธารหุบเขาคล้ายจะเป็นสถานที่ที่หนิวโหย่วเต้าชอบไปใคร่ครวญปัญหา

หนิวโหย่วเต้ามักจะออกไปเดินเล่นวนไปวนมาอยู่ริมธารหุบเขา ทก้มหน้าก้มตาท่าทางคล้ายว่าขบคิดเรื่องราวอยู่จริงๆ

มีเพียงหยวนกังที่ยืนสอดส่องเฝ้าระวังรอบข้างอยู่ริมผาเท่านั้นที่รู้ว่าหนิวโหย่วเต้าทำอะไรอยู่

เฉาเซิ่งไหวที่ซ่อนตัวอยู่ในรอยแยกผาหินด้านหลังซุ้มบุปผามองเห็นหนิวโหย่วเต้าลูบจมูกเล็กน้อย ได้รับสัญญาณบอกว่าปลอดภัยแล้วสามารถพูดได้แล้ว เขาถึงเอ่ยออกไปว่า “คณะสำนักเขามหายานกำลังจะไปแล้ว”

หนิวโหย่วเต้าชะงักเท้า “เมื่อไร”

เฉาเซิ่งไหวตอบว่า “คาดว่าเร็วๆ นี้ กำลังไปกล่าวอำลาท่านเจ้าสำนักที่อาคารหลักอยู่ ทันทีที่ข้าได้ยินข่าวก็มาหาเจ้าทันที ไม่ปล่อยให้ธุระของเจ้าต้องล้าช้าเลย”

ไหนเลยจะเป็นเพราะกลัวทำให้ธุระของหนิวโหย่วเต้าล่าช้า แต่พะวงกับเรื่องทวงหนี้ของหนิวโหย่วเต้าต่างหาก

หนิวโหย่วเต้าตอบรับ “ได้ ข้าทราบแล้ว ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่?”

เฉาเซิ่งไหวกล่าวว่า “ไม่มีแล้ว…หวงเลี่ยคนนั้นติดเงินเจ้าจริงๆ น่ะหรือ?” อันที่จริงเขายังคงสงสัยอยู่ สงสัยว่าหนิวโหย่วเต้ากำลังหลอกใช่เขาอยู่ใช่หรือไม่

หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “แน่นอนว่าติดค้างอยู่”

เฉาเซิ่งไหวเอ่ยว่า “สำนักเขามหายานน่าจะทรงอำนาจกว่าเจ้ากระมัง เขาจะยอมคืนเงินเจ้าหรือ?”

“ความหมายที่เจ้าจะสื่อคือผู้ใดทรงอำนาจก็สามารถค้างชำระหนี้ได้ ข้าก็ตามทวงไม่ได้งั้นหรือ?”

“ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนี้ ข้าเพียงคิดว่ามันเป็นเรื่องยากเท่านั้น”

“ถึงจะเป็นเรื่องยากก็ต้องไปทวงให้ได้ เจ้ารอก่อนเถิด ข้าจะไปขวางเขาไว้เดี๋ยวนี้”

พอกลับไปพบกับหยวนกังที่ริมผา หนิวโหย่วเต้าหัวเราะหยันเอ่ยไปว่า “หวงเลี่ยกำลังจะไปแล้ว ฮ่าๆ คิดหนีงั้นหรือ? ตอนนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความต้องการของเขาแล้ว ไปหยิบจดหมายออกมาฉบับหนึ่ง”

หยวนกังพยักหน้าเล็กน้อย หันหลังเดินกลับเข้าไปในเรือนอย่างรวดเร็ว

หนิวโหย่วเต้าก็เดินยันกระบี่กลับเข้าไปในลานเรือน มองเห็นก่วนฟางอี๋ยืนโบกพัดกลมอยู่ใต้ต้นไม้เงยหน้าจ้องใบไม้อยู่ไม่รู้ว่ากำลังมองสิ่งใดกัน เขาไม่ได้เข้าไปหาแต่ตะโกนออกไปว่า “สวี่เหล่าลิ่ว”

ก่วนฟางอี๋ได้หันมาตามเสียง ไม่ทราบว่าจู่ๆ เขาจะตะโกนดังขนาดนั้นทำไม

สวี่เหล่าลิ่วได้ยินเสียงก็โผล่ออกมาจากเรือนด้านหลัง ก้าวเข้ามาหาประสานมือคำนับ “เต้าเหยี่ย!”

หนิวโหย่วเต้าไม่ได้พูดอะไร ยกมือขึ้นเล้กน้อยสื่อว่าให้เขาคอยสักครู่ ส่วนตัวเองก็ยืนค้ำกระบี่รออยู่ตรงนั้นเช่นกัน ไอรีนโนเวล

สวี่เหล่าลิ่วหันไปมองก่วนฟางอี๋ที่เดินนวยนาดเข้ามา สอบถามผ่านสายตา จนใจที่ก่วนฟางอี๋ก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเป็นเรื่องอะไร

หวงเลี่ยหัวเราะหยันคราหนึ่ง มองโฉวซานที่อยู่ด้านข้าง เอ่ยอย่างมีนัยยะ “พี่โฉว ดูเหมือนหนิวโหย่วเต้าจะทราบความเคลื่อนไหวของข้าในสำนักหมื่นสรรพสัตว์เป็นอย่างดีเชียวนะ ข้าขอตัวลาจากไปกะทันหันก็ยังทราบในทันทีอีก ไม่ธรรมเลย” มีนัยยะบ่งชี้ในวาจา

โฉวซานยิ้มน้อยๆ ทราบดีว่าอีกฝ่ายอาจจะสื่อว่าภายในสำนักหมื่นสรรพสัตว์มีปัญหาอันใดอยู่หรือไม่

ปัญหาในส่วนนี้เขาก็ตอบลำบากเช่นกัน สำนักหมื่นสรรพสัตว์กิจการใหญ่โต สำนักใหญ่โตย่อมมีคนสารพัดประเภทอยู่ปะปน ยิ่งไปกว่านั้นคือใครบ้างจะไม่มีคนรู้จักภายนอกอยู่เลย การติดต่อคบค้ากับคนนอกเป็นเรื่องที่ไม่อาจเลี่ยงได้อยู่แล้ว ด้วยกิจการของสำนักหมื่นสรรพสัตว์ก็จำเป็นต้องมีสายสัมพันธ์เหล่านี้ไว้

กฎสำนักเป็นสิ่งตายตัว แต่จิตใจคนกลับปรับเปลี่ยนได้ เงื่อนไขผูกมัดไม่ถึงขั้นที่ทำให้ไร้การกระทำผิดอย่างสิ้นเชิงได้ ไม่ว่าที่ไหนก็เป็นเหมือนกันหมด ก็อย่างตัวเขาเองที่เผชิญกับคำขอร้องจากเฉินถิงซิ่วก็จำเป็นต้องช่วยเหลือไปเล้กน้อย

หากว่าเกิดปัญหาใดขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่ทราบเช่นกันว่าหากสืบสาวไปจะพบผู้ใดอยู่เบื้องหลัง ในสถานการณ์ที่ไร้ซึ้งหลักฐานและมิใช่เรื่องใหญ่อันใดก็ไม่มีทางจะลงมือจัดการอะไรง่ายๆเพียงเพราะคำพูดเลื่อนลอยไร้มูลของคนนอก

ดังนั้นเขาได้แต่ยิ้มให้ไม่พูดอะไร อย่างมากก็จะคอยระวังไว้เท่านั้น

หวงเลี่ยก็อยากเห็นเช่นกันว่าหนิวโหย่วเต้าจะเขียนเพ้อเจ้ออันใดมาให้ตนอ่าน เขารับจดหมายไปแล้วโคจรพลังตรวจสอบเล็กน้อย จากนั้นก็เปิดผนึกซองจดหมาย หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งที่พับทบกันมาหลายชั้นออกมากางให้เรียบแล้วเปิดอ่าน

ไม่อ่านยังว่าดี แต่พออ่านแล้วหน้าเปลี่ยนสีในทันใด รีบคว่ำจดหมายลงแล้วพับทบไว้อีกครั้งอย่างรวดเร็ว ลงมือว่องไวนัก ราวกันไม่อยากให้คนอื่นได้เห็น เห็นได้ชัดว่ามีเจตนาหลบเลี่ยงคนอื่น

โฉวซานแปลกใจ หนิวโหย่วเต้าเขียนอะไรส่งมากันแน่ถึงทำให้หวงเลี่ยมีปฏิกิริยามากขนาดนี้

อย่าว่าแต่เขาเลย คณะสำนักเขามหายานก็ฉงนมากเช่นกัน

หวงเลี่ยยัดจดหมายกลับเข้าไปในซอง สายตาที่จ้องมองสวี่เหล่าลิ่วแฝงความเย็นชาไว้หลายส่วน เอ่ยเสียงกร้าวว่า “หนิวโหย่วเต้าอยู่ที่ใด?”

เหล่าลิ่วบ่นอยู่ในใจแต่ฉากหน้ากลับตอบอย่างสุภาพว่า “ไม่ได้ไปที่ใด ยังอยู่ที่เรือนรับรองขอรับ”

หวงเลี่ยหันหน้าไป ตีสีหน้ายิ้มแย้มถือจดหมายไว้พลางประสานมือกล่าวว่า “พี่โฉว ขออภัยจริงๆ หนิวโหย่วเต้าส่งจดหมายมาเชิญต้องการหารือเรื่องบางอย่างกับข้า ข้าจำต้องไปหาสักรอบ ลำบากพี่โฉวมาเสียเที่ยวแล้ว ขออภัยด้วยจริงๆ”

“ไม่เป็นไรๆ เชิญตามสบายเถิด!” โฉวซานตอบอย่างสุภาพ

คณะผู้ติดตามสำนักเขามหายานส่งสายตาสื่อสารกันเงียบๆ บางก็มองหน้ากันไปมา ตระหนักได้ว่าเรื่องราวน่าจะไม่ธรรมดา

หวงเลี่ยโบกมือเล็กน้อย พาผู้ติดตามย้อนกลับไป

สวี่เหล่าลิ่วก้าวเข้าไปนำทางให้อย่างสุภาพอ่อนน้อม แต่ในใจกลับแปลกใจนัก ค่อนข้างเลื่อมใสในตัวหนิวโหย่วเต้าขึ้นมา บอกว่ามอบจดหมายให้แล้วหวงเลี่ยจะยอมมา หวงเลี่ยก็ยอมมาจริงๆ!

โฉวซานยกมือไพล่หลังมองตามด้วยสีหน้าสงสัย ลอบบ่นในใจ โกหกกันชัดๆ หนิวโหย่วเต้าจะมีความสำคัญได้ขนาดนี้เชียวหรือ? ให้เจ้าไปหาเจ้าก็ต้องไปงั้นหรือ? เจ้าเป็นถึงเจ้าสำนักเขามหายานอยู่ทรงเกียรติแต่เชื่อฟังปานนี้เลยหรือ? ไม่ใช่ว่าควรจะกลับกันหรือไร? เพิ่งจะออกมาได้ไม่ไกลเท่าไร หากหนิวโหย่วเต้ามีธุระจะมาหาด้วยตัวเองไม่ได้เชียวหรือ? เมื่อเทียบกับเจ้าแล้วด้วยคุณสมบัติและอำนาจภูมิหลังของหนิวโหย่วเต้าที่มีอยู่แค่นั้น ในสถานการณ์เช่นนี้กลับส่งเพียงลูกน้องคนหนึ่งมา วางมาดถึงขนาดนี้ออกไปมากเกินไปหน่อยแล้วกระมัง?

เขาตระหนักได้ว่าเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำอันใดแน่นอน แต่ก็ไม่เข้าใจว่าสรุปแล้วเรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่

………………………………………………………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า