ตอนที่ 521 จดหมายฉบับหนึ่ง
หลังจากกลับมาถึงเรือนรับรอง หวงเลี่ยหยุดเดินกะทันหัน หันซ้ายหันขวาเล็กน้อย “เรื่องเซ่าผิงปอเป็นคนของหอจันทร์กระจ่าง พวกเจ้าว่าเป็นไปได้หรือไม่?”
สองผู้อาวุโสที่เดินตามหยุดเดินแล้วมองหน้ากัน หวงทงเอ่ยอย่างลังเล “คำพูดของคนผู้นั้นดูมีเค้าโครงจริง แต่พวกเราก็รู้ดีเช่นกันว่าคนผู้นั้นไม่มีเจตนาดีแน่นอน ไม่มีใครรู้ว่าจริงหรือเท็จ อีกอย่างต่อให้เป็นความจริง ถึงตายเซ่าผิงปอก็ไม่ยอมรับ หากเป็นเรื่องเท็จแล้วพวกเราถือเป็นจริงเป็นจัง ไม่ตกหลุมพรางคนผู้นั้นเข้าหรอกหรือ? เขาก็แสดงออกชัดเจนว่ามุ่งร้ายต่อหนิวโหย่วเต้า”
หวงเลี่ยนเดินวนกลับไปกลับมา สีหน้าเคร่งเครียด “ไม่ว่าจริงหรือเท็จ นี่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย สำนักเขามหายานเราทำงานหนักมานานหลายปี ไหนเลยจะปล่อยให้คนอื่นได้ประโยชน์ไป ต่อให้ไม่ยอมตกหลุมพรางของไอ้ชั้นต่ำคนนั้นก็ไม่สามารถวางเฉยได้เช่นกัน แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้จำเป็นต้องระวังอย่างยิ่งยวด ไม่อาจปล่อยให้ตัวเองเกิดปัญหาทั้งภายนอกและภายในได้ อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น จับตามองเซ่าผิงปอไปก่อน จัดการปัญหาภายนอก ณ ปัจจุบันนี้ให้แล้วเสร็จ รักษาสถานการณ์กับภายนอกให้มั่นคงก่อน จากนั้นค่อยดำเนินการสอบสวนเซ่าผิงปอ!”
ตอนนี้ต้องทำให้สถานการณ์โดยรวมมั่นคงก่อนจริงๆ ผู้อาวุโสทั้งสองพยักหน้าพร้อมกันต่างเห็นด้วย “เจ้าสำนักกล่าวถูกแล้ว!”
หวงเลี่ยกดมือลงเล็กน้อย ไม่คิดจะฟังคำป้อยอในเวลานี้ เขาเอ่ยอย่างใช้ความคิด “มีเรื่องหนึ่งที่จำเป็นต้องป้องกันไว้ คำพูดหนิวโหย่วเต้าเปี่ยมคารมคมคาย เกรงว่าคงไม่ธรรมดาเลย ทุกคนต้องระมัดระวังเอาไว้ หากมีความผิดปกติใดๆ จำเป็นต้องตื่นตัวไว้เสมอ!”
….
หลายวันต่อมา สำนักใหญ่ทั้งหลายที่พำนักอยู่ในสำนักหมื่นสรรพสัตว์ช่วงนี้ สำนักใดสมควรไปเยี่ยมคารวะล้วนแวะเวียนไปเยี่ยมมาแล้ว
ไปพบตามหลักมารยาทก็เป็นรื่องหนึ่ง ตั้งใจทำความรู้จักสานสัมพันธ์เอาไว้ก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ประเด็นสำคัญคือทำไปเพื่อปกปิด ปกปิดเรื่องที่เขาเคยไปเข้าพบหกสำนักใหญ่ของแคว้นเยี่ยนและแคว้นหาน ด้วยไม่อยากให้สามสำนักใหญ่ฝั่งแคว้นหานสงสัยและไม่อยากให้สามสำนักใหญ่แคว้นเยี่ยนสงสัยเช่นกัน
การเจรจายังอยู่ระหว่างดำเนินการ หวงเลี่ยจำเป็นต้องจากไปแล้วเช่นกัน ไม่อาจรั้งอยู่ที่นี่จนได้บทสรุปของการเจรจา เนื่องจากไม่อาจปล่อยให้การเจรจาสำเร็จผลได้
เจรจากันมาถึงขั้นนี้แล้ว ทางหกสำนักใหญ่ปรากฏสัญญาณการยอมผ่อนปรนแล้ว สำนักเขามหายานกำจำเป็นต้องประนีประนอมไปตามสถานการณ์ แต่เดิมทีทางฝั่งนี้ต้องการให้การเจรจาล้มเหลวเป็นโมฆะ ไม่มีทางยอมประนีประนอม หากว่าหกสำนักยอมผ่อนปรนถอยให้ แต่ทางนี้กลับไม่ยอมรอมชอม ผู้นำหกสำนักใหญ่อาจจะมาหาเขาอย่างเปิดเผยเพื่อเจรจาก็เป็นได้
ดังนั้นเขาจำเป็นต้องจากไป มีเพียงเขาจากไปและกลับถิ่นฐานไปถึงจะสามารถจัดการกับทางนี้อย่างเสรีได้ คนที่รั้งอยู่เจรราก็สามารถเล่นตัวเล็กน้อยอย่างพอเหมาะได้ ถ่วงเวลาไว้ต่อไป ผลลัพธ์ย่อมเจรจาไม่เป็นผล
หลังจากให้คนไปรายงานแล้ว หวงเลี่ยก็พาทั้งคณะมุ่งหน้าไปยังอาคารหลักของสำนักหมื่นสรรพสัตว์…ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
“เต้าเหยี่ย ชักธงแล้วครับ”
หนิวโหย่วเต้ากำลังเดินหมากกับกวนฟางอี๋อยู่ หยวนกังเดินฉับๆ เข้ามา เดินเข้ามาในศาลาแล้วโน้มตัวลงไปกระซิบบอกข้างหูหนิวโหย่วเต้าเบาๆ
ก่วนฟางอี๋เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ทนมองทั้งสองคนปฏิบัติเหมือนคนเป็นคนนอกไม่ได้
หนิวโหย่วเต้าได้ฟังก็ลุกขึ้น ยัดเบี้ยตัวหนึ่งใส่มือหยวนกัง “ถึงตาข้าวางหมากแล้ว เจ้าช่วยเล่นแทนข้าที” ว่าจบกันก็เดินยันกระบี่ออกไป
ภายในศาลา หยวนกังยืน ก่วนฟางอี๋นั่ง ทั้งสองจ้องตากันอยู่พักหนึ่ง
เกิดเสียงดังกราว หยวนกังโยนตัวเบี้ยลงไปในกระดานหมากแล้วหันหลังเดินจากไป แสดงออกชัดเจนว่าคร้านจะเสียเวลากับห่วนฟางอี๋
“คนเลว!” ก่วนฟางอี๋ก่นด่าอย่างเกรี้ยวกราดไล่หลังหยวนกังไป
ริมธารหุบเขาคล้ายจะเป็นสถานที่ที่หนิวโหย่วเต้าชอบไปใคร่ครวญปัญหา
หนิวโหย่วเต้ามักจะออกไปเดินเล่นวนไปวนมาอยู่ริมธารหุบเขา ทก้มหน้าก้มตาท่าทางคล้ายว่าขบคิดเรื่องราวอยู่จริงๆ
มีเพียงหยวนกังที่ยืนสอดส่องเฝ้าระวังรอบข้างอยู่ริมผาเท่านั้นที่รู้ว่าหนิวโหย่วเต้าทำอะไรอยู่
เฉาเซิ่งไหวที่ซ่อนตัวอยู่ในรอยแยกผาหินด้านหลังซุ้มบุปผามองเห็นหนิวโหย่วเต้าลูบจมูกเล็กน้อย ได้รับสัญญาณบอกว่าปลอดภัยแล้วสามารถพูดได้แล้ว เขาถึงเอ่ยออกไปว่า “คณะสำนักเขามหายานกำลังจะไปแล้ว”
หนิวโหย่วเต้าชะงักเท้า “เมื่อไร”
เฉาเซิ่งไหวตอบว่า “คาดว่าเร็วๆ นี้ กำลังไปกล่าวอำลาท่านเจ้าสำนักที่อาคารหลักอยู่ ทันทีที่ข้าได้ยินข่าวก็มาหาเจ้าทันที ไม่ปล่อยให้ธุระของเจ้าต้องล้าช้าเลย”
ไหนเลยจะเป็นเพราะกลัวทำให้ธุระของหนิวโหย่วเต้าล่าช้า แต่พะวงกับเรื่องทวงหนี้ของหนิวโหย่วเต้าต่างหาก
หนิวโหย่วเต้าตอบรับ “ได้ ข้าทราบแล้ว ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่?”
เฉาเซิ่งไหวกล่าวว่า “ไม่มีแล้ว…หวงเลี่ยคนนั้นติดเงินเจ้าจริงๆ น่ะหรือ?” อันที่จริงเขายังคงสงสัยอยู่ สงสัยว่าหนิวโหย่วเต้ากำลังหลอกใช่เขาอยู่ใช่หรือไม่
หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “แน่นอนว่าติดค้างอยู่”
เฉาเซิ่งไหวเอ่ยว่า “สำนักเขามหายานน่าจะทรงอำนาจกว่าเจ้ากระมัง เขาจะยอมคืนเงินเจ้าหรือ?”
“ความหมายที่เจ้าจะสื่อคือผู้ใดทรงอำนาจก็สามารถค้างชำระหนี้ได้ ข้าก็ตามทวงไม่ได้งั้นหรือ?”
“ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนี้ ข้าเพียงคิดว่ามันเป็นเรื่องยากเท่านั้น”
“ถึงจะเป็นเรื่องยากก็ต้องไปทวงให้ได้ เจ้ารอก่อนเถิด ข้าจะไปขวางเขาไว้เดี๋ยวนี้”
พอกลับไปพบกับหยวนกังที่ริมผา หนิวโหย่วเต้าหัวเราะหยันเอ่ยไปว่า “หวงเลี่ยกำลังจะไปแล้ว ฮ่าๆ คิดหนีงั้นหรือ? ตอนนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความต้องการของเขาแล้ว ไปหยิบจดหมายออกมาฉบับหนึ่ง”
หยวนกังพยักหน้าเล็กน้อย หันหลังเดินกลับเข้าไปในเรือนอย่างรวดเร็ว
หนิวโหย่วเต้าก็เดินยันกระบี่กลับเข้าไปในลานเรือน มองเห็นก่วนฟางอี๋ยืนโบกพัดกลมอยู่ใต้ต้นไม้เงยหน้าจ้องใบไม้อยู่ไม่รู้ว่ากำลังมองสิ่งใดกัน เขาไม่ได้เข้าไปหาแต่ตะโกนออกไปว่า “สวี่เหล่าลิ่ว”
ก่วนฟางอี๋ได้หันมาตามเสียง ไม่ทราบว่าจู่ๆ เขาจะตะโกนดังขนาดนั้นทำไม
สวี่เหล่าลิ่วได้ยินเสียงก็โผล่ออกมาจากเรือนด้านหลัง ก้าวเข้ามาหาประสานมือคำนับ “เต้าเหยี่ย!”
หนิวโหย่วเต้าไม่ได้พูดอะไร ยกมือขึ้นเล้กน้อยสื่อว่าให้เขาคอยสักครู่ ส่วนตัวเองก็ยืนค้ำกระบี่รออยู่ตรงนั้นเช่นกัน ไอรีนโนเวล
สวี่เหล่าลิ่วหันไปมองก่วนฟางอี๋ที่เดินนวยนาดเข้ามา สอบถามผ่านสายตา จนใจที่ก่วนฟางอี๋ก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเป็นเรื่องอะไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า