ตอนที่ 530 หมาจรพลัดถิ่น
รอบข้างมีองครักษ์ทั้งในที่ลับและที่แจ้งคอยจับตามองทางนี้อยู่
ถังอี๋และถังซู่ซู่เฝ้ารออย่างสงบ ไม่กล้าเดินเพ่นพ่านส่งเดช รู้สึกเพียงว่าสถานที่แห่งนี้ค่อนข้างแปลก จวนพำนักขององค์หญิงใหญ่ผู้สูงศักดิ์ แต่ตลอดทางจนมาถึงที่นี่กลับไม่เห็นแม้แต่บุปผาสักดอก ไม่คล้ายเรือนของสตรีเลย…
ภายในศาลาโล่งโปร่ง สตรีนางหนึ่งที่ดวงหน้างดงามดั่งภาพวาดแต่งกายด้วยชุดบุรุษนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะทำงาน ด้านล่างมีเจ้าหน้าที่หลายคนนั่งคุกเข่าถามตอบกันอยู่ นางคือเสวียนเวยมหาเสนาบดีหญิงแห่งแคว้นเว่ย
ริมเสากลมต้นใหญ่ที่อยู่ด้านข้าง บุรุษคนหนึ่งที่ปล่อยผมยาวสยายปรกไหล่สวมชุดคลุมตัวยาวสีเทายืนอยู่ตรงนั้น สะพายกระบี่เล่มใหญ่เก่าแก่ไว้บนหลัง ยืนเฝ้าด้านข้างอย่างสงบ ใบหน้าคมคายแฝงความกร้านโลกไว้เล็กน้อย เป็นซีเหมินฉิงคง ยอดฝีมืออันดับหนึ่งบนทำเนียบโอสถ ฝ่าซือประจำตัวของเสวียนเวย
สตรีวัยกลางคนผ่านเข้ามาทางประตูหลังของศาลา เดินไปที่ข้างเสากลม กระซิบรายงานข้างหูซีเหมินฉิงคงสองสามประโยค ซีเหมินฉิงคงพยักหน้าเล็กน้อย ส่งสัญญาณว่าให้คอยสักครู่ หญิงวัยกลางคนจึงถอยออกไปรอด้านข้าง
กระทั่งเหล่าเจ้าหน้าที่ถอยออกไปแล้ว เสวียนเวยที่นั่งคุกเข่าอยู่ที่โต๊ะหยิบเอกสารฉบับหนึ่งขึ้นมา กำลังจะเปิดอ่าน ซีเหมินฉิงที่อยู่ข้างเสาก็เอ่ยขึ้นว่า “ถังอี๋มาถึงแล้ว”
เสวียนเวยร้องโอ้ วางเอกสารในมือลง ลุกขึ้นมาแล้วเดินเข้ามาทางนี้ “มาถึงเร็วจัง”
หญิงวัยกลางคนตอบว่า “ถังอี๋พาคนจำนวนหนึ่งเร่งเดินทางล่วงหน้ามาก่อนโดยไม่หยุดพัก คนอื่นๆ ในสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ยังอยู่ระหว่างเดินทางเพคะ”
เสวียนเวยถาม “หนิวโหย่วเต้ายังอยู่ที่สำนักหมื่นสรรพสัตว์เหรอ?”
หลังจากได้รับข่าวจากหยวนกังซึ่งขอให้ทางนี้ช่วยรับสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ไว้ นางก็สั่งให้คนของ ‘จวนพยับหมอก’ คอยจับตามองหนิวโหย่วเต้าเอาไว้มากหน่อย
นางมิใช่คนโง่ สำนักสวรรค์พิสุทธิ์เกี่ยวข้องกับหนิวโหย่วเต้า หาได้มีความเกี่ยวข้องกับหยวนกังไม่ สวนถังอี๋เจ้าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ก็เป็นภรรยาของหนิวโหย่วเต้า หยวนกังเป็นเพียงผู้ติดตามของหนิวโหย่วเต้า หากบอกว่าเรื่องนี้ไม่ได้มาจากเจตนาของหนิวโหย่วเต้าก็แปลกแล้ว ผู้ติดตามคนหนึ่งจะตัดสินใจเรื่องใหญ่เช่นนี้ได้เองหรือ?
ระหว่างคนฉลาดด้วยกัน เรื่องบางอย่างไม่จำเป็นต้องพูดออกมาชัดเจน หนิวโหย่วเต้ารู้แก่ใจดี นางเองก็รู้แก่ใจดี รับสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ไว้ก็เท่ากับหนิวโหย่วเต้าติดหนี้น้ำใจนางหนึ่งครั้ง
จวนพยับหมอก ความหมายคือสถานที่ซึ่งซุกซ่อนอยู่ในเมฆหมอกลึกลับ มีสถานะเดียวกับหน่วยข่าวกรองของแคว้นเยี่ยนและแคว้นฉี ว่ากันตามตรงก็คือสายข่าวกรองของแคว้นนั่นเอง
ทันทีที่เสวียนเวยออกคำสั่ง หน่วยข่าวกรองที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในแคว้นเว่ยก็ดำเนินการทันที
ส่วนหญิงวัยกลางคนนางนั้นมีนามว่าเจียงสือจี แม้จะดูไม่สะสวย แต่กลับเป็นผู้ควบคุมจวนพยับหมอก การที่นางออกไปรับถังอี๋ด้วยตัวเอง ในแง่หนึ่งแล้วแปลว่าเสวียนเวยให้ความสำคัญกับหนิวโหย่วเต้า
เจียงสือจีเอ่ยว่า “ออกจากสำนักหมื่นสรรพสัตว์ไปแล้วเพคะ โดยสารอินทรีหยกทมิฬสองตัวมุ่งหน้าไปยังเป่ยโจวพร้อมกับหวงเลี่ยเจ้าสำนักเขามหายาน ไม่ทราบรายละเอียดแน่ชัดว่าจะไปทำอะไร แต่ทางเป่ยโจวก็ค่อนข้างผิดปกติเช่นกัน ก่อนที่หนิวโหย่วเต้าจะไปถึง คนของสำนักเขามหายานสังหารแม่ทัพของเซ่าเติงอวิ๋นไปหลายนาย ขณะเดียวกันก็ออกสืบค้นหาตัวนักเรียนในสถานศึกษาที่เซ่าผิงปอก่อตั้งขึ้น จู่ๆ นักเรียนบางส่วนก็หายตัวไประหว่างที่ออกไปฝึกประสบการณ์ในเขตต่างๆ ของเป่ยโจว การจับกุมจึงคว้าน้ำเหลว ยังมีอีกเรื่องเพคะ เซ่าผิงปอไม่ปรากฏตัวมาระยะหนึ่งแล้ว”
เสวียนเวยสงสัย “เกิดความขัดแย้งระหว่างตระกูลเซ่ากับสำนักเขามหายานหรือ?”
เจียงสือจีตอบว่า “อาจจะใช่กระมังเพคะ? ยังไม่ทราบสถานการณ์แน่ชัด ข่าวสารถูกปิดกั้นอย่างเข้มงวด แล้วก็เป็นเพราะถูกปิดกั้นข่าวสารอย่างเข้มงวด จึงยิ่งมีความเป็นไปได้ มีข่าวลือว่าหนิวโหย่วเต้าเคยมีความขัดแย้งกับเซ่าผิงปอ แต่จะเคยมีความขัดแย้งอันใดก็ไม่ทราบแน่ชัดเพคะ”
คนนอกไม่ค่อยทราบเรื่องปมความแค้นระหว่างหนิวโหย่วเต้าและเซ่าผิงปออย่างแน่ชัดจริงๆ ประเด็นสำคัญคือเรื่องราวบางอย่างทั้งสองฝ่ายล้วนไม่ยอมปล่อยให้คนนอกทราบถึง
เสวียนเวยเดินวนกลับไปกลับมา “หนิวโหย่วเต้าไปเยือนเป่ยโจวพร้อมกับหวงเลี่ย จากนั้นก็มีการสังหารแม่ทัพฝั่งเซ่าเติงอวิ๋น ซ้ำยังจับกุมนักเรียนของเซ่าผิงปอ หากสองคนนี้เคยมีความขัดแย้งกันจริงๆ การที่หนิวโหย่วเต้าไปปรากฏตัวในถิ่นของเซ่าผิงปอได้ นี่ก็แสดงให้เห็นถึงปัญหาแล้ว กาเหว่าเข้ายึดรังอีกา เซ่าผิงปอน่าจะพลาดท่าแล้ว แต่เซ่าผิงปอคนนี้ก็ไม่ธรรมดา จากเบาะแสต่างๆ ที่ปรากฏขึ้น ที่เป่ยโจวแยกตัวออกมาเป็นอิสระ มีความเป็นไปได้สูงว่าอาจจะเป็นฝีมือของเขา จากนั้นเหนือต้านแคว้นหาน ใต้กันแคว้นเยี่ยน ถูกขนาบไว้ระหว่างสองแคว้นแต่ก็ยังรอดมาได้ การพัฒนาของเป่ยโจวเรียกได้ว่าน่าทึ่งนัก หากบอกว่าเป็นยอดคนที่ยากจะพานพบได้ในรอบสามร้อยปีก็ไม่เกินไปเลย”
เจียงสือจีกล่าวว่า “ออกคำสั่งให้จับตามองเซ่าผิงปอแล้วเพคะ หากมีข่าวของเขาจะแจ้งให้ทราบทันที”
เสวียนเวยเอ่ยว่า “คนประเภทนี้เป็นคนที่เติบโตขึ้นมาจากคลื่นมรสุมต่างๆ ไม่ใช่คนที่ผู้ใดจะโค่นล้มได้ง่ายๆ คิดไม่ถึงว่าจะถูกคลื่นลูกหลังอย่างหนิวโหย่วเต้าเล่นงานจนพลาดท่า หนิวโหย่วเต้าคนนี้ชักจะน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ แล้วสิ ยามที่เก็บตัวก็ไร้เบาะแสจนทำให้คนยากจะเข้าใจได้ แต่ทันทีที่เผยตัวก็จะต้องเกิดเรื่องตามมาแน่นอน ไปเถอะ ไปพบหนิวฮูหยินที่ทำให้หนิวโหย่วเต้าห่วงใยคนนั้นหน่อย” นางโบกแขนเสื้อเล็กน้อย พาทั้งสองเดินออกจากประตูหลังของศาลาไป
ภายในศาลาริมน้ำ ถังอี๋และถังซู่ซู่หันหลังกลับมาอย่างพร้อมเพรียง มองทั้งสามคนที่เดินเข้ามาจากสุดปลายเฉลียงทางเดิน
ทั้งสองเคยพบหญิงวัยกลางคนคนนั้นมาแล้ว แต่ชายที่แบกกระบี่ปล่อยผมสยายคลุมบ่าสวมอาภรณ์สีพื้นคนนั้นกลับทำให้ม่านตาของพวกนางหดตัวลง รูปลักษณ์สอดคล้องกับคนในข่าวลือผู้นั้น ซีเหมินฉิงคงยอดฝีมืออันดับหนึ่งของทำเนียบโอสถ!
สายตาของทั้งสองจ้องมองไปยังสตรีด้านหน้าที่อยู่ในชุดคลุมตัวยาวสีดำทรวงอกนูนเด่น ถึงแต่งกายเป็นชายก็ยากจะปกปิดความงามสง่าของสตรีนางนี้ได้ ซ้ำยังทำให้ซีเหมินฉิงคงยอมเดินตามได้ ไม่จำเป็นต้องเดาก็ทราบแล้วว่าเป็นใคร
“ท่านมหาเสนาบดีมาแล้ว” พอทั้งสามมาถึง เจียงสือจีก็เอ่ยแนะนำ
ทั้งสองคำนับทันที “คารวะท่านมหาเสนาบดี”
“ไม่ต้องมากพิธี” เสวียนเวยยกมือขึ้นเล็กน้อย มองสำรวจถังอี๋หัวจรดเท้า เอ่ยชมว่า “เจ้าสำนักถังรูปโฉมงดงามโดยแท้ ไม่ทราบว่าต้องเรียกเจ้าว่าเจ้าสำนักถังหรือว่าเรียกเจ้าว่าหนิวฮูหยินถึงจะเหมาะ?”
ถังอี๋ผงะไปเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยเสียงเรียบว่า “ข้ากับหนิวโหย่วเต้าไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ อีกต่อไปแล้ว”
เสวียนเวยยิ้มออกมา “หมายความว่าอย่างไร?”
ถังอี๋ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าแยกทางกับหนิวโหย่วเต้าแล้ว มอบหนังสือหย่าให้หนิวโหย่วเต้าไปแล้ว นับจากนี้ไม่เกี่ยวข้องกันอีก อีกไม่นานจะมีการประกาศเรื่องนี้ออกไปในโลกบำเพ็ญเพียร เรื่องนี้จำเป็นต้องกล่าวต่อท่านมหาเสนาบดีไว้ให้ชัดเจน” ความหมายในวาจาคือหากท่านทราบว่าข้าไม่เกี่ยวข้องกับหนิวโหย่วเต้าแล้วไม่อยากจะรับตัวไว้อีกต่อไป ทางข้าก็ไม่กล่าวโทษเช่นกัน ไอรีนโนเวล
ทั้งสามมองหน้ากัน เสวียนเวยลองเอ่ยถามหยั่งเชิง “เป็นเจ้าหย่าหนิวโหย่วเต้า มิใช่หนิวโหย่วเต้าหย่าเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า