ตอนที่ 531 อิ๋นเอ๋อร์มีโทสะ
ณ เรือนเล็กภายในคฤหาสน์อันกว้างขวาง เซ่าผิงปอยืนอยู่ใต้ชายคา เซ่าซานเสิ่งกำลังยุ่งง่วนกับการตรวจสอบเรือนเล็กด้วยตัวเองก่อนหนึ่งรอบ
สถานที่แห่งนี้เป็นที่รับรองแขกต่างแคว้น เนื่องด้วยสถานะของเซ่าผิงปอ เฮ่าเจินยังคงต้องจัดให้เขาไปพำนักในเรือนรับรองแขกผู้มาเยือนแคว้นฉีก่อน เตรียมการไว้ว่าจะรอให้ผ่านความเห็นชอบของฮ่องเต้แคว้นฉีก่อนแล้วค่อยจัดสรรอีกที ตามหลักย่อมต้องให้ความสำคัญต่อแว่นแคว้นก่อนคนในครอบครัว กล่าวอีกนัยคือกลัวคนอื่นจะครหาเอาได้
แต่ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยเลย สถานที่แห่งนี้เดิมทีก็มีผู้บำเพ็ญเพียรประจำการอยู่แล้ว ซ้ำยังมีคนที่เฮ่าเจินส่งมาสมทบด้วย
เมื่อเซ่าซานเสิ่งสำรวจทั่วเรือนเล็กแล้วก็ออกมาที่ใต้ชายคา “คุณชายใหญ่ เข้าพักได้แล้วขอรับ”
เซ่าผิงปอที่ใจลอยเล็กน้อยโพล่งถามออกมา “เจ้าคิดอย่างไรกับหลิ่วเอ๋อร์?”
เซ่าซานเสิ่งผงะไปเล็กน้อย เอ่ยตอบว่า “ดีขึ้นมากขอรับ คุณหนูดูมีราศีขึ้นเล็กน้อย แล้วก็มีความสูงศักดิ์เพิ่มขึ้น จากที่เห็น อิงอ๋องน่าจะปฏิบัติต่อคุณหนูไม่เลวเลย น่าจะสอดคล้องกับข่าวที่ได้รับมาก่อนหน้านี้ขอรับ”
เซ่าผิงปอกล่าวว่า “นางปฏิบัติต่อข้าตามธรรมเนียมมารยาท สุขุมเกินไป…นางยังไม่ลืมเรื่องที่ผ่านมา นางยังโกรธข้าอยู่”
ที่แท้ก็หมายถึงเรื่องนี้ เซ่าซานเสิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ว่ากันตามตรงก็เป็นคนที่เห็นกันมาแต่เล็กจนโต มีความเข้าใจพอสมควร เขาก็มองออกเช่นกันว่าสายตาที่คุณหนูมองคุณชายใหญ่มีบางสิ่งแฝงเร้นอยู่
เขาเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ถอนหายใจเอ่ยไปว่า “คุณชายใหญ่ เหตุใดถึงไม่เข้าพบฮ่องเต้แคว้นฉีโดยตรงเลยละขอรับ?”
เซ่าผิงปอเอ่ยว่า “เฮ่าอวิ๋นถูอายุไม่น้อยแล้ว คนที่อายุมาก โดยเฉพาะคนที่ครองบัลลังก์มานานจะหวงแหนในอำนาจ เขาไม่มีทางปล่อยให้ผู้ใดมาคุกคามอำนาจฮ่องเต้ของเขาง่ายๆ หากยังไม่ถึงวันตาย ก็ไม่มีทางยอมสละอำนาจง่ายๆ เท่าที่ข้าเฝ้าสังเกตดูสถานการณ์ของแคว้นฉีมา ตอนนี้เฮ่าอวิ๋นถูก็มีความย้อนแย้งอย่างมากเช่นกัน ด้านหนึ่งต้องเผชิญกับปัญหาการคัดเลือกผู้สืบทอด อีกด้านหนึ่งก็ต้องคอยระแวงคนที่จะก่อภัยคุกคามต่อบัลลังก์ของเขา ความคิดของเขาเสมือนราชสีห์เฒ่าตัวหนึ่งที่เข้าวัยโรยรา”
“ผลปรากฏว่าไม่พบผู้ที่โดดเด่นในหมู่องค์ชายเลย ส่วนคนที่มีความสามารถก็เก็บงำประกายถ่อมตัว อย่างเช่นอิงอ๋องเฮ่าเจิน หากเฮ่าเจินยินยอมรับข้าไว้ ข้าก็ยินดีจะทนอยู่กับเขาชั่วคราว คอยวางแผนให้เขาอย่างลับๆ หากเขาไม่ยินดีจะรับข้าไว้ ถึงข้าไปพึ่งพาเฮ่าอวิ๋นถูก็ไม่มีประโยชน์ เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับหลิ่วเอ๋อร์ พวกเขาจะพากันคิดว่าข้าเป็นคนของเฮ่าเจิน ตอนนี้เฮ่าอวิ๋นถูไม่มีทางให้ข้าทำงานสำคัญ อย่างน้อยในช่วงที่เขายังมีชีวิตอยู่ก็ไม่มีทางมอบงานสำคัญให้ข้า เมื่อเฮ่าอวิ๋นถูไม่ให้ความสำคัญกับข้า เฮ่าเจินก็ไม่ยอมรับตัวข้าไว้ เจ้าคิดว่าการที่ข้าทนอยู่ในแคว้นฉีจะมีประโยชน์หรือ? ในช่วงเวลานี้ ตัวข้าที่ไม่ได้รับความสำคัญและไม่ได้อยู่กับกลุ่มอำนาจใดก็ยากจะหนีเอาชีวิตรอดจากหนิวโหย่วเต้าได้ ข้าไม่มีทางต้านไหว!”
เซ่าซานเสิ่งก้มหน้าเงียบงัน ไม่คิดเลยว่าการส่งคุณหนูออกเรือนมาที่นี่ในปีนั้นจะกลายเป็นข้อผูกมัดในวันนี้
เขาไม่คลางแคลงในการวิเคราะห์ของเซ่าผิงปอเลย ติดตามรับใช้มานานหลายปี เขายังคงไว้วางใจในความสามารถคิดวิเคราะห์ของคุณชายใหญ่ท่านนี้อยู่ เขาเงยหน้าถามออกไป “คุณชายใหญ่ จากนี้จะทำอย่างไรต่อขอรับ?” ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
“ข้ายังคงมีความมั่นใจในตัวเฮ่าเจินอยู่ มิเช่นนั้นข้าคงไม่มาขอพึ่งเขา”
“หากว่าคุณหนูใหญ่เข้ามาแทรกแซงจะทำอย่างไรขอรับ?”
“ท่านอ๋องคนหนึ่งที่อดทนงำประกายไว้ได้นานขนาดนี้ไม่มีทางเป็นคนหูเบาแน่นอน ด้วยความหยิ่งทะนงของเขาไม่มีทางปล่อยให้สตรีคนหนึ่งชักจูงได้ ขอเพียงเฮ่าเจินต้องการ อีกทั้งข้าก็ไม่ใช่คนตาย ไม่มีทางปล่อยให้หลิ่วเอ๋อร์เข้ามายุ่งวุ่นวายได้แน่นอน”
….
ภายในป่ารกชัฏ บนเส้นทางเก่าๆ เส้นหนึ่ง ขบวนม้ากลุ่มหนึ่งวิ่งห้อไป เฉิงหย่วนตู้ควบม้านำอยู่ด้านหน้า
พวกเขาได้รับข่าวจากสำนักหยกสวรรค์แล้ว หนิวโหย่วเต้าอยู่ที่จวนผู้ว่าการมณฑลเป่ยโจว ทางนี้จึงเร่งติดตามไปอีกครั้ง…
….
เซ่าเติงอวิ๋นถือจดหมายฉบับหนึ่งด้วยมือที่สั่นเทา
ลายมือที่คุ้นตา ลายมือของอดีตผู้บัญชาการ ดูเงอะงะขึ้นกว่าแต่ก่อน
เริ่มมาก็ด่าทอเขาเป็นชุด
ถามเขาว่าจำได้หรือไม่ว่าหลังจบศึกที่เขาหิมะ หนิงอ๋องซางเจี้ยนปั๋วจูงม้าให้เขาด้วยตัวเอง จูงม้าไปประกาศคุณความดีของเขาต้องหน้ากองทัพใหญ่ เสพสุขกับฉากยิ่งใหญ่ที่คนนับหมื่นโห่ร้องสรรเสริญ หรืออยากจะถูกทั้งกองทัพตะโกนตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศเล่า?
ถามเขาว่ายังจำได้หรือว่าเป็นผู้ใดที่เดินทางไกลข้ามคืนเพื่อฝ่าวงล้มศัตรูไปช่วยเขา?
ถามเขาว่ายังจำได้หรือไม่ว่าเพื่อช่วยเขาแล้ว กององครักษ์เลิศล้ำห้าวหาญต้องล้มตายไปมากน้อยเท่าไร?
ถามเขาว่าในหมู่วีรบุรุษที่ออกจากกององครักษ์เลิศล้ำห้าวหาญไปเคยมีผู้ทรยศหรือไม่?
ถามเขาว่าเจ้าคิดว่าเจ้าจะยืนหยัดอยู่พื้นที่ปัญหาอย่างมณฑลเป่ยโจวได้อีกนานแค่ไหน? นับแต่โบราณมา ต่อให้มีผลงานสะสมสามชั่วคน แต่จะมีสักกี่คนที่สามารถยืดอกปกครองดินแดนโดยลบล้างชื่อเสียงฉาวโฉ่ของตนได้? หากตัวเจ้าอยากรนหาที่ตายก็อย่าได้ทำให้พวกพ้องที่ติดตามต้องพลอยซวยไปด้วย!
กล่าวประณามว่าตัวเขาเป็นแม่ทัพแต่กลับไม่รู้จักความภักดี ดูแลครอบครัวก็เกิดความแตกแยก พี่น้องฆ่ากันเอง ด้านนอกมีชื่อเสียงฉาวโฉ่ ซ้ำยังเลี้ยงลูกไม่ถูกทาง สับสนเลอะเลือน นับเป็นการประณามที่เจ็บแสบโดยแท้ 艾琳小說
แต่ก่อนยังพอเอ่ยได้ว่าเจ้าทำไปเพราะเข้าตาจนจึงไม่สืบสาวเอาความ แต่ยามนี้กองกำลังใต้ร่มธงของหนิงอ๋องผงาดขึ้นอีกครั้งในมณฑลหนานโจวแล้ว ถามว่าเขาตาบอดหรือ ถามเขาว่ามองไม่เห็นหรือไร?
ประโยคสุดท้ายที่เขียนไว้ว่า ‘ตัวบัดซบ ยังไม่ไสหัวกลับมาอีก ต้องให้รอไปถึงยามใด!’ ทำให้เซ่าเติงอวิ๋นร่ำไห้ออกมา ฟุบหน้าลงกับโต๊ะพลางร่ำร้อง “ท่านแม่ทัพเหมิง! ข้าน้อยผิดไปแล้ว…”
หยางซวงยกแขนเสื้อซับน้ำตา
เซ่าเติงอวิ๋นพลันยืดตัวขึ้นมา เอ่ยเสียงโศกว่า “ไปเอาเครื่องเขียนมา ข้าจะขอขมาท่านแม่ทัพ!”
หยางซวงยื่นมือออกไปปรามไว้ “นายท่าน จะเป็นกลลวงหรือไม่ขอรับ? ภายหน้าจะยอมลบล้างชื่อเสียงฉาวโฉ่ให้ท่านโดยบอกว่าทำไปเพื่อหนิงอ๋องจริงๆ หรือขอรับ?”
เซ่าเติงอวิ๋นโบกมือทั้งน้ำตา “คนอื่นอาจจะหลอกข้าได้ แต่ท่านแม่ทัพจะไม่ทำแน่นอน รีบไปเอาเครื่องเขียนมา!”
….
ก่วนฟางอี๋เดินมาหยุดตรงราวกั้นศาลาหลังหนึ่ง เดินเข้าไปใกล้ๆ หนิวโหย่วเต้า พยักพเยิดหน้าไปทางด้านหลัง “จดหมายจากหนานโจวมาถึงแล้ว เหตุใดถึงยกบทคนดีให้ทางนั้นเล่า ไยเจ้าไม่รับบทคนดีนี้ไว้เอง?”
หนิวโหย่วเต้าหัวเราะฮ่าๆ “ข้าเป็นคนดีอย่างนั้นหรือ? ทำให้ครอบครัวคนเขาแตกแยกไป ในสายตาของเซ่าเติงอวิ๋นข้าจะยังใช่คนดีอีกหรือ?”
“มันก็ถูก การโน้มน้าวนี้จะสำเร็จหรือเปล่า?”
“อาจจะสำเร็จ แต่ก็อาจจะไม่สำเร็จก็ได้ แต่ก็ต้องทำอยู่ดี”
ก่วนฟางอี๋ฉงน “หมายความว่าอย่างไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า