ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 535

ตอนที่ 353 ทำเพื่อหมาจรพลัดถิ่น มันคุ้มกันหรือ

เซ่าซานเสิ่งวิ่งออกไปส่ง พอกลับมาอีกครั้ง เมื่อเห็นผู้ที่อยู่ในห้องโถงยืนหลับตาเงียบงัน เขาอึกอักอยากจะพูดแต่ก็เงียบไป

ไม่จำเป็นต้องให้เขาพูดอะไร เซ่าผิงปอหันหลังเดินไปที่ริมโต๊ะ ยื่นมือไปเปิดหีบใบนั้นออก มองเห็นตั๋วแลกเงินและตั๋วแลกทองปึกหนึ่งอยู่ด้านใน อดไม่ได้ที่เชิดหน้าหัวเราะดังลั่น “ฮ่าๆ” หัวเราะดังไม่หยุด ถึงขั้นที่หัวเราะจนน้ำตาไหลออกมา ส่ายหน้าไปมา สีหน้าย่ำแย่ “ในสายตาของพวกเขา ข้าคือคนที่ไล่ไปได้ด้วยเงินเพียงเท่านี้อย่างนั้นหรือ”

“คุณชายใหญ่ อย่าถือสาคุณหนูเลยขอรับ นาง…”

“ถือสาอันใดเล่า? นิสัยของนางเหมือนท่านพ่อ หัวรั้น ท่านพ่อก็เอาแต่อาลัยถึงหนิงอ๋องคนนั้นมาตลอด เขาไหนเลยจะทราบว่าเป็นท่านแม่ที่คอยให้การผลักดันสร้างโอกาสอยู่เบื้องหลัง หากไม่มีท่านแม่คอยดำเนินการ ตัวเขาไหนเลยจะดึงดูดความสนใจของหนิงอ๋องได้ ช่างเถอะ พูดเรื่องพวกนี้กับพวกเขาสองพ่อลูกไปก็ไม่มีประโยชน์ ถึงเผยออกไปก็ไม่มีทางเชื่อ มีแต่จะคิดว่าข้ามีแผนการอันใดอีก”

ปัง! เซ่าผิงปอปิดกล่องลง ยกมือขึ้นปิดสองเนตร พอคลายมือออกก็พรูลมหายใจออกมา “ความคิดต่างกันไม่ทางคุยกันรู้เรื่อง อย่าพูดมากเลย เฮ่าเจินเขียนจดหมายหาหนิวโหย่วเต้า มีความเป็นไปได้สูงที่หนิวโหย่วเต้าจะเดาออกแล้วว่าข้าอยู่ที่เมืองหลวงแคว้นฉี เห็นทีว่าจะมุ่งหน้ามายังเมืองหลวงแคว้นฉีจริงๆ ไม่อาจรั้งอยู่ที่นี่นานได้ เตรียมตัวเดินทางเถอะ”

เซ่าซานเสิ่งถาม “ไปไหนขอรับ? ไปแคว้นเว่ยตามคำเชิญของมหาเสนบาดีแคว้นเว่ยหรือขอรับ?”

เซ่าผิงปอล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากแขนเสื้อ ยกขึ้นซับคราบน้ำตา ส่ายหน้าเล็กน้อย “แคว้นเว่ยมั่งคั่ง เจ้าหน้าขุนนางละโมบรักสบาย ความต่อต้านในใจรุนแรงเกินไป ลำพังเพียงเรื่องนี้ข้าก็ต้องเปลืองพลังงานมหาศาลแล้ว มิใช่สถานที่เหมาะจะสร้างผลงาน ฮ่องเต้แคว้นเว่ยเลอะเลือน หลงระเริงขาดสติ ไม่มีใจใฝ่ก้าวหน้า มิใช่กษัตริย์ผู้ปราดเปรื่อง หากหลายปีมานี้ไม่มีเสวียนเวยอุตสาหะดูแล แคว้นเว่ยคงตกอยู่ในสภาวะอันตรายไปแล้ว เสวียนเวยเกี่ยวข้องเป็นพี่น้องร่วมอุทรกับฮ่องเต้แคว้นเว่ย แม้จะได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้แคว้นเว่ย แต่หนึ่งฟ้ามิอาจมีสองตะวันได้ นางได้ฝังปมปัญหาใหญ่ไว้ในแคว้นเว่ยแล้ว เสวียนเวยมีไมตรีแต่ข้าไร้เจตนาจะรับไว้ แคว้นเว่ยมิใช่สถานที่ที่ข้าจำเป็นต้องปกป้อง” ดฮณ๊ฯดฯฌซ,

เซ่าซานเสิ่งพยักหน้ารับนิดๆ ถามไปอีกว่า “หรือว่าคุณชายจะตอบรับหอจันทร์กระจ่าง…”

เซ่าผิงปอโบกมือเอ่ยตัดบท “ไม่ว่าพวกเขาจะมีเจตนาอย่างไร แต่ทำงานด้านลอบสังหาร มีศัตรูคู่แค้นมากมายนัก ซุ่มอยู่ในความมืดมาเนิ่นนาน ทำเรื่องไร้คุณธรรมก็ย่อมต้องอยู่อย่างไร้คุณธรรม คิดจริงๆ น่ะหรือว่าทุกแว่นแคว้นล้วนโง่เขลา? คนที่ไม่สามารถเผยตัวในฉากหน้าได้ ก็ทำได้เพียงต้องซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดไปตลอดกาล วางแผนก่อกรรมอันใดล้วนเป็นเพียงการคิดเข้าข้างตัวเองทั้งสิ้น เป็นความฝันอันเพ้อเจ้อเท่านั้น ไม่มีทางเป็นจริงได้ แล้วข้าจะไปรวมกลุ่มกับพวกชั่วร้ายในมุมมืดไปไยเล่า? ”

เซ่าซานเสิ่งฉงน“เช่นนั้นคุณชายเตรียมจะไปที่ใดขอรับ?”

เซ่าผิงปอใคร่ครวญพลางเอ่ยเนิบๆ ว่า “แคว้นจิ้นแม้จะผอมแห้ง ทว่ามีความทะเยอทะยานแรงกล้า รองรับข้าได้”

“….” เซ่าซานเสิ่งผงะไป เอ่ยด้วยความกังวล “ฮ่องเต้แคว้นจิ้นจะยอมรับคุณชายไว้หรือขอรับ?”

“ในเมื่อข้าตัดสินใจแล้วย่อมมีวิธีจัดการ จะเสียเวลาไม่ได้แล้ว เจ้าหาคนไปติดต่อราชทูตแคว้นจิ้นให้ข้า บอกเพียงว่ามีธุระด่วน อยากจะเชิญมาพบในทันที เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะทำให้พวกเขาคิดหาทางช่วยข้าออกไปจากที่นี่เอง”

“ขอรับ!” เซ่าซานเสิ่งรับคำสั่งแล้วออกไป…

ช่วงพลบค่ำ อาชาสี่ตัวควบผ่านเข้าสู่ประตูเมืองทิศตะวันออก เป็นหนิวโหย่วเต้า ก่วนฟางอี๋ ลุงเฉินและสวี่เหล่าลิ่วที่ผ่านการแปลงโฉมแล้ว

ที่ไม่โดยสารวิหคยักษ์เข้าเมืองเพราะจะสะดุดตาเกินไป รูปลักษณ์ของหยวนกังก็สะดุดตาเช่นกัน ดังนั้นจึงให้คอยเฝ้าอิ๋นเอ๋อร์กับวิหคยักษ์อยู่ในจุดลับตานอกเมือง ขณะเดียวกันก็ให้รับหน้าที่รับมือในสถานการณ์ฉุกเฉินตามต้องการได้ด้วย

พอได้เห็นหนทางที่คุ้นเคยในเมืองนี้อีกครั้ง พวกก่วนฟางอี๋ดูทอดถอนใจนัก

ทั้งคณะเดินทางมาถึงจุดลับตาแห่งหนึ่งในตัวเมือง ติดต่อกับสายข่าวสำนักเบญจคีรีที่อยู่ทางนี้

ผลลัพธ์ทำให้หนิวโหย่วเต้าค่อนข้างผิดหวัง หาที่พำนักของเซ่าผิงปอไม่พบ แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเช่นกัน คนที่สำนักเบญจคีรีจัดวางไว้ที่นี่ตอนนี้เป็นได้เพียงสายข่าวหรือไม่ก็จัดการเรื่องจิปาถะบางอย่างตามที่ทราบ ยังไม่ได้ขยายกองกำลังในด้านการสืบหาตัวบุคคลในเมืองหลวงแคว้นฉี

หลังจากให้สายข่าวที่ติดต่อด้วยออกค้นหาต่อแล้ว หนิวโหย่วเต้าก็มองไปที่ก่วนฟางอี๋ต่อ “เจ้ามีเส้นสายอยู่ที่นี่มากมาย ต้องฝากพวกเจ้าแล้ว”

ก่วนฟางอี๋ส่งสัญญาณให้เหล่าสือซาน อีกฝ่ายจากไปอย่างรวดเร็ว หายลับไปที่ปลายตรอก

“ติดต่อไปหาเจ้าลิงทันที ให้เขาส่งข่าวติดต่อเฮ่าเจินกับหอจันทร์กระจ่าง ถามพวกเขาตามตรงว่าเซ่าผิงปออยู่ที่ไหน” หนิวโหย่วเต้าเริ่มวางแผนต่ออีกครั้ง เรียกได้ว่าเริ่มค้นหาในหลายทิศทางไปพร้อมกัน

หลังจากส่งข่าวติดต่อไปแล้ว ทั้งคณะก็ไปหาโรงเตี๊ยมสักแห่งสำหรับพำนัก…

ณ จวนอิงอ๋อง เฮ่าเจินและเซ่าหลิ่วเอ๋อร์กำลังกินอาหารกันอยู่ บนโต๊ะยังมีองค์ชายน้อยอีกสองคนด้วย มีสาวใช้คอยปรนนิบัติด้านข้าง

ขันทีผู้ดูแลมู่จิ่วเดินเข้ามาในห้องโถง เรียกเอาผ้าขนหนูชุบน้ำร้อนบิดหมาดมาจากสาวใช้ เดินเข้าไปยื่นส่งให้เฮ่าเจิน

เซ่าหลิ่วเอ๋อร์เงยหน้ามองเล็กน้อย นางรู้ว่าการที่จู่ๆ มู่จิ่วก็ทำเช่นนี้ต้องมีธุระแน่นอน

เฮ่าเจินเช็ดปากและมือเล็กน้อย จากนั้นลุกออกไป

พอมาถึงในสวนด้านนอกแล้ว มู่จิ่วยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้ “หนิวโหย่วเต้าส่งจดหมายมาพ่ะย่ะค่ะ สอบถามถึงที่อยู่ของเซ่าผิงปอ”

“ไฉนจึงมีจดหมายมาเร็วขนาดนี้อีก?” เฮ่าเจินค่อนข้างแปลกใจ หลังจากอ่านจดหมายแล้วก็ถอนหายใจด้วยความสะท้อนใจ “เห็นทีว่าเซ่าผิงปอจะถึงที่ตายจริงๆ เสียแล้ว!”

เขาไม่ได้บอกชัดเจนว่าให้จัดการเช่นไร หลังจากยื่นจดหมายให้มู่จิ่วก็หันหลังเดินออกไป

มู่จิ่วเข้าใจเจตนาของเขาในทันที ทางหนิวโหย่วเต้าไว้หน้าท่านอ๋องถึงเพียงนั้น หากเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ยังปฏิเสธอีก ก็ออกจะไม่เข้าท่านัก เท่ากับเสียความจริงใจในการคบค้าไป

เพียงแต่ถึงอย่างไรเซ่าผิงปอก็เป็นพี่เขยของท่านอ๋อง ท่านอ๋องไม่สะดวกจะบอกออกไป เรื่องราวบางอย่างไม่จำเป็นต้องให้เจ้านายพูดออกมา ไม่ตอบก็คือคำตอบอย่างหนึ่ง

มู่จิ่วทราบแล้วว่าสมควรจัดการอย่างไร ไอรีนโนเวล

….

ฟ้ามืดแล้ว ภายในสวนไม้เลื้อย อวี้ชางยื่นอยู่นอกศาลาเงยหน้ามองท้องนภาราตรี

ตู๋กูจิ้งเร่งเดินเข้ามา ยื่นจดหมายให้ “อาจารย์ หนิวโหย่วเต้าสอบถามถึงที่อยู่ของเซ่าผิงปอขอรับ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า