ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 536

ตอนที่ 536 จับกุมนักโทษ

ผ่านไปนานแล้วยังไม่เห็นหนิวโหย่วเต้าออกมา ก่วนฟางอี๋และลุงเฉินที่รออยู่นอกวังเริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อย ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่ แต่ที่นี่คือวังหลวงแคว้นฉี ทั้งสองไม่สามารถบุกเข้าไปได้ บนป้อมปราการของวังหลวงมีผู้บำเพ็ญเพียรคอยจับตามองพวกนางอย่างเงียบๆ อยู่

มีเสียงดังกุกกักแว่วมาจากหลังประตูวัง ประตูวังเปิดทางออก รถม้าที่ดูธรรมดาสามัญหลายคันเคลื่อนออกมา

ยามที่รถม้าเคลื่อนมาถึงข้างกายคนทั้งสองก็หยุดลง ม่านหน้าต่างเปิดแง้มขึ้นมุมหนึ่ง หนิวโหย่วเต้าโผล่หน้าออกมา หนิวโหย่วเต้าร้องเรียกจากด้านใน “ขึ้นมา!”

ทั้งสองมุดเข้าไปในรถม้าทันที สุดท้ายพบว่าภายในรถม้ามีขันทีร่างกำยำคนหนึ่งนั่งอยู่

พอเห็นคนผู้นี้ ก่วนฟางอี๋พลันมีสีหน้าระมัดระวังเป็นอันมาก ถึงแม้จะไม่เคยติดต่อกับคนผู้นี้มาก่อน แต่นางกลับรู้จักดี

ขันทีผู้นี้มีชื่อเดิมว่าอย่างไรคนส่วนใหญ่ไม่มีใครทราบ ทราบเพียงว่าเป็นศิษย์ของผู้ดูแลหลวงปู้สวินแห่งแคว้นฉี คนเรียกขานกันว่าปู้ฟาง จงรักภักดีต่อปู้สวิน หากคนผู้นี้เผยโฉมที่ใด แปลว่าเป็นตัวแทนที่ปู้สวินส่งมา

ก่วนฟางอี๋อดไม่ได้ที่จะมองหนิวโหย่วเต้าอยู่หลายครั้ง นางไม่เคยทราบแน่ชัดถึงความสัมพันธ์ระหว่างหนิวโหย่วเต้ากับปู้สวินเลย นึกถึงในอดีตนางเองก็จำเป็นต้องยอมสยบต่อหนิวโหย่วเต้าเพราะถูกอีกฝ่ายยกปู้สวินมาข่มขู่

ภายในรถม้าเงียบสงัด มีเพียงเสียงล้อรถหมุนและเสียงฝีเท้าม้าแว่วดังไปตลอดทาง

ระหว่างทาง มีรถม้าคันหนึ่งเคลื่อนผ่านรถม้าขบวนนี้ไป เลี้ยวเปลี่ยนเส้นทางไปตลอด มุ่งหน้าไปยังจุดลับตา

ภายในรถม้า ผู้บำเพ็ญเพียรสองคนนั่งมากับคนสองคนที่แต่งกายเป็นข้ารับใช้ ข้ารับใช้สองคนนี้ก็คือเซ่าผิงปอและเซ่าซานเสิ่ง แต่ได้ปรับผิว แต่งทรงคิ้ว เปลี่ยนสีผิว ทำการแปลงโฉมเรียบร้อยแล้ว หากมิใช่คนที่คุ้นเคยกันดีก็จำทั้งสองไม่ได้

ริมถนนที่เปลี่ยวและเงียบสงัด มีเด็กน้อยหลายคนกำลังเล่นรอบกองไฟ ห้อมล้อมกระโดดโลดเต้นรอบกองไฟ

รถม้าทะลุผ่านม่านควันที่ลอยคละคลุ้ง ระหว่างที่มุ่งหน้าไปเลี่ยงไม่ได้ที่จะได้กลิ่นควันจากกองไฟ

พอไปได้ไม่ไกล สารถีที่บังคับรถม้าอยู่พลันส่ายโงนเงน ขณะที่รั้งบังเหียนหยุดม้า ร่างกายก็อ่อนยวบล้มฮวบบนคานรถม้า

ผู้บำเพ็ญเพียรทั้งสองที่อยู่ในรถม้าก็ทรุดฮวบพิงผนังรถม้า หายใจหอบถี่

เซ่าผิงปอที่นั่งตัวตรงอยู่พยักหน้านิดๆ เซ่าซานเสิ่งลุกขึ้นแล้วมุดออกไปจากรถม้าทันที มองไปรอบๆ จากนั้นเลิกเปิดม่านรถม้าพลางผายมือเชิญ

เซ่าผิงปอลุกขึ้นแล้วออกไป ผู้บำเพ็ญเพียรคนหนึ่งที่ทรุดพิงผนังรถม้าอยู่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นอย่างเปลืองแรง ชี้ไปที่เขา “เจ้า…เจ้า…”

เซ่าผิงปอเหลือบมองอย่างเฉยชา เอ่ยเสียงเฉยเมยว่า “ขอบคุณทั้งสองท่านมากที่มาส่ง”

สองนายบ่าวทยอยลงจากรถม้าตามกันไป เซ่าผิงปอก้าวเดินไปตามถนนภายใต้แสงจันทร์อย่างไม่เร่งร้อน บุคลิกที่ยืดอกเชิดหน้าสุขุมลุ่มลึก ไหนเลยจะเหมือนข้ารับใช้ แม้แต่ในเวลานี้ก็ยังคงมีบุคลิกของคุณชายใหญ่แห่งมณฑลเป่ยโจวอยู่

เดินไปได้ไม่ไกลนัก คนชุดดำผู้หนึ่งก็ออกมาจากตรอกสายหนึ่ง ผายมือเชิญคนทั้งสอง ทั้งสองคนตามเขาเข้าไปในตรอก หายลับไปในความมืด…

ขบวนรถม้าเคลื่อนผ่านเข้าไปถึงเรือนรับรองแขกต่างแคว้นอย่างไร้อุปสรรคขัดขวาง หยุดลงในจุดเปลี่ยวลับตาภายในเรือนรับรองแขกต่างแคว้น พวกหนิวโหย่วเต้ายังไม่ได้ลงจากรถ มีคนเข้าไปตรวจสอบสถานการณ์ก่อน ดฮณ๊ฯดฯฌซ,

คนที่เข้าไปตรวจสอบสถานการณ์กลับมาเร็วนัก เลิกม่านรถม้าขึ้นมุมหนึ่ง รายงานต่อปู้ฟางที่นั่งอยู่ในรถม้า “ฟางเหยี่ย เป้าหมายไม่อยู่ในเรือนขอรับ ตามคำบอกเล่าของศิษย์สำนักใหญ่ที่เฝ้าอยู่ ช่วงที่ฟ้ายังไม่มืดดี ทางราชทูตแคว้นเว่ยได้ส่งรถม้ามารับตัวเป้าหมายไปร่วมงานเลี้ยงที่จวนราชทูตแคว้นเว่ย มีศิษย์สามสำนักติดตามไปคุ้มกันด้วยขอรับ”

ตอนที่ได้ยินคำพูดครึ่งแรกหนิวโหย่วเต้าก็ตกใจขึ้นมา แต่พอได้ยินคำพูดครึ่งหลังก็ถอนหายใจนิดๆ มองไปที่ปู้ฟาง

ปู้ฟางเอ่ยเสียงขรึม “ไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้ ดูว่างานเลี้ยงสิ้นสุดยามใด จับตามองเป้าหมายไว้”

“ขอรับ!” คนที่อยู่นอกหน้าต่างขานรับ ปล่อยม่านลง

ขบวนรถม้าเลี้ยวกลับ ออกจากเรือนรับรองแขกต่างแคว้นอีกครั้ง มุ่งหน้าไปยังจวนราชทูตแคว้นเว่ย

ระหว่างทาง ปู้ฟางพลันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “หลังเป้าหมายออกมาจากจวนราชทูตแคว้นเว่ย ข้าจะให้ศิษย์ของสามสำนักคลายการคุ้มกันเป้าหมาย”

หนิวโหย่วเต้าพยักหน้ารับนิดๆ เข้าใจเจตนาของเขา ถึงอย่างไรเซ่าผิงปอก็เป็นพี่ชายพระชายาอิงอ๋อง ทางนี้ไม่มีทางสังหารอย่างไร้เหตุผลได้ ทำได้เพียงปล่อยให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับเซ่าผิงปอ

แต่กลับไม่ทราบเลยว่าได้เกิดเหตุขึ้นภายในจวนราชทูตแคว้นเว่ยแล้ว

ภายในงานเลี้ยงที่มีโฉมงามขับร้องและร่ายรำ แขกในงานชนจอกร่ำสุรา คารวะสุรากันไปมาไม่รู้จบ ทว่ากลับมีที่นั่งหนึ่งว่างไป แขกหายตัวไปหนึ่งคน

แขกที่หายไปคือเซ่าผิงปอ

ศิษย์สามสำนักที่เฝ้าอยู่ด้านนอกทอดมองเข้าไปในด้านในเป็นระยะๆ เซ่าผิงปอออกจากงานเลี้ยงไปถ่ายเบา ทว่าพอเข้าไปยังสถานที่ปลดทุกข์ด้านในแล้วก็ไม่ปรากฏตัวขึ้นอีกเลย

เวลาผ่านไปนานเข้า ศิษย์สามสำนักตระหนักได้ถึงความผิดปกติแล้ว

ศิษย์คนหนึ่งนำกำลังสองคนเข้าไปในงานเลี้ยง คิดจะเดินเลาะหาตามขอบรอบห้องที่จัดงานเลี้ยง

ทว่าผู้บำเพ็ญเพียรคนหนึ่งที่อยู่ด้านในประตูขวางพวกเขาไว้ ฝั่งหนึ่งต้องการเข้าไป แต่อีกฝ่ายไม่ยอม เสียงดังจนราชทูตคังเหอทราบเรื่องเข้า

“คนเขาปฏิบัติหน้าที่อยู่ อีกอย่างก็ทำเพื่อความปลอดภัยของคุณชายเซ่าด้วย” คังเหอโบกมือเล็กน้อย ให้ผู้บำเพ็ญเพียรของทางนี้เปิดทาง

ศิษย์สามสำนักเร่งเดินเข้าไปด้านใน ไปตามหายังบริเวณสถานที่ปลดทุกข์ แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า ไหนเลยจะยังเห็นร่างคนอีก…

ขบวนรถม้ายังมาไม่ถึงจวนราชทูตแคว้นเว่ยก็มีคนทะยานออกมาขวางรถม้า เลิกเปิดม่านหน้าต่างรายงานว่า “ฟางเหยี่ย เป้าหมายหายไป จวนราชทูตไม่ยอมให้ตรวจค้นขอรับ…”

ผู้มารายงานสถานการณ์โดยละเอียด หนิวโหย่วเต้าใจหายวาบ

ไหนเลยจะยังนั่งซ่อนตัวอยู่ในรถม้ากันอีก คนที่อยู่ในรถม้ากระโจนออกมาทันที ทะยานขึ้นอยู่หลังคาบ้านเรือนในเมือง มุ่งหน้าไปยังจวนราชทูตแคว้นเว่ย

พอมาถึงก็บุกเข้าไปทันที ยังไปไม่ถึงงานเลี้ยงก็ต้องหยุดลง ได้ยินเสียงตวาดกร้าวของคังเหอ “ที่นี่คือจวนราชทูตแคว้นเว่ย ผู้ใดกล้าทำตัวโอหังก็ลองดู!”

พอหันไปเห็นพวกปู้ฟางมาถึง คังเหอก็ชี้ปู้ฟางแล้วเอ่ยขึ้นทันที “ปู้กงกง แคว้นฉีของพวกท่านคิดจะทำอะไรกัน?”

“จับกุมนักโทษหลบหนี!” ไม่รอให้ปู้ฟางได้เอ่ยปาก หนิวโหย่วเต้าก็ชิงเอ่ยนำก่อนแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า