ตอนที่ 54 จะระบายแค้นแทนเจ้าให้ได้
หนิวโหย่วเต้าอดขำไม่ได้
หยวนกังมองเห็น ‘ความรู้สึกเหมือนได้พบพวกเดียวกัน’ จากสีหน้าของปีศาจตัวนี้ ความรู้สึกที่ราวกับทุกคนล้วนเป็นปีศาจ ทำให้เขาอยากต่อยหน้าอีกฝ่ายสักหมัดยิ่งนัก เขาเอ่ยถามอย่างเฉยชาว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าหมีตายได้อย่างไร?”
“เอ่อ…” หยวนฟางตกใจระคนสงสัย เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ตายได้อย่างไรหรือ?”
หยวนกังบุ้ยปากไปทางหนิวโหย่วเต้า “เขาคือวัว[1] !”
“วัว…” หยวนฟางตะลึง เบิกตากว้างอุทานออกมา “วัวหรือ?”
หนิวโหย่วเต้าหัวเราะเฮอะๆ หันหลังจากไปโดยยกมือไพล่หลังไว้
หยวนกังก็เมินหยวนฟางเช่นกัน เดินตามออกไป เดินไปไม่กี่ก้าวก็ไล่ตามหลังหนิวโหย่วเต้าทัน เอ่ยถามว่า “เต้าเหยี่ย สติปัญญาของปีศาจหมีตัวนี้เหมือนจะไม่ค่อยมีไหวพริบเลย คุณจะเก็บเขาไว้จริงๆ น่ะเหรอ?”
เมื่อชีวิตที่แล้ว หนิวโหย่วเต้ามีลูกน้องคนสนิทใต้สังกัดอยู่มากมาย มีหลายครั้งที่รู้สึกถูกใจคนบางคนจึงรับเข้ามาทำงานด้วย หยวนกังเองก็ใช่ว่าเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
หนิวโหย่วเต้าหัวเราะฮ่าๆ เอ่ยว่า “นายมองพลาดแล้ว เจ้านี่มันเป็นตัวกะล่อนที่แสร้งทำเป็นหมูเพื่อหลอกกินเสือตัวหนึ่งเลยต่างหาก แค่ยังไม่เคยเรียนรู้อะไรมาก่อน ขาดแคลนประสบการณ์ชีวิต ถึงได้พลาดท่าตกอยู่ในมือของซ่งเหยี่ยนชิง ซ่งเหยี่ยนชิงเป็นคนอวดดีโอหังคนหนึ่ง นายเชื่อไหมว่าถ้าซ่งเหยี่ยนชิงรั้งอยู่ในวัดหนานซานนานอีกนิด ทันทีที่คลายความระแวงประมาทเผลอตัว มีความเป็นไปได้สูงว่าถึงพวกเราไม่ลงมือ เขาก็จะถูกปีศาจตัวนี้จัดการอยู่ดี!”
หยวนกังแปลกใจ “ทำไมคุณคิดแบบนั้น?”
หนิวโหย่วเต้ายิ้มบางๆ พลางอธิบายว่า “นายคิดดูดีๆ สิ ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่นหรอก เอาแค่เหล่าสมณะกว่ายี่สิบรูปนั้นเดิมทีสามารถฉวยโอกาสหนีเอาตัวรอดไปอย่างปลอดภัยได้ แต่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ก็ยังยินดีติดตามเสี่ยงภัยไปกับเขา…ก่อนหน้านี้ดูเหมือนซ่งเหยี่ยนชิงจะลงมือฆ่าพวกเขาไปสิบกว่าคนแล้ว ใจคนหยั่งวัดได้ยากที่สุด นับประสาอะไรกับสมณะกล้าลงมือสังหารพวกคนชั่วล่ะ คนที่สามารถซื้อใจคนสิบกว่าคนได้จะเป็นคนโง่เช่นนี้อย่างนั้นหรือ? อาศัยเพียงแค่จุดนี้ก็ทำให้มองเห็นชัดเจนแล้ว! เขาไม่ได้แย่เหมือนอย่างที่นายคิด พื้นฐานส่วนตัวถือว่าเป็นคนที่ไม่เลวเลย อย่างมากก็แค่มีปัญหาด้านมุมมองการใช้ชีวิตกับมุมมองด้านการให้คุณค่านิดหน่อยเท่านั้น นับว่าเป็นคนมีพรสวรรค์ที่สั่งสอนได้ ถ้าอยากซื้อใจคนประเภทนี้ แค่ทำดีกับเขาไม่มีประโยชน์หรอก มีแค่วิธีเดียวเท่านั้น นั่นคือทำให้เขาให้ยอมสยบซะ! ถ้านายว่างก็ไปสั่งสอนสักหน่อยแล้วกัน”
หยวนกังได้ฟังก็เงียบไป เผยสีหน้าครุ่นคิดไตร่ตรอง ก่อนจะหมุนตัวหันหลังกลับไปทันที ชนเข้ากับหยวนฟางที่เพิ่งเดินออกมาจากห้อง เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร ยกเท้าถีบอย่างรุนแรงทีหนึ่ง
พลั่ก! หยวนฟางถูกถีบยอดอกจนกระเด็นกลับเข้าไป
หยวนกังพุ่งตามเข้าไป ใช้หมัดเท้าเข่าศอกเข้าจู่โจมทันที ทุบตีอย่างบ้าคลั่ง!
ภายในห้อง หยวนฟางร้องโหยหวน ร้องขอความเมตตาอยู่ไม่ขาด
ไม่ง่ายเลยกว่าเสียงโหยหวนจะหยุดลง หยวนกังเดินออกมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เมินเฉยต่อองครักษ์ในบริเวณใกล้เคียงที่มองดูด้วยสายตาตกตะลึง เขาจัดเสื้อผ้าเล็กน้อย สาวเท้าจากไป
ผ่านไปครู่หนึ่ง หยวนฟางเองก็เดินกะโผลกกะเผลกออกมาเช่นกัน เขาเช็ดเลือดกำเดา จมูกช้ำหน้าบวมเป่ง ใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด เขาไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าตนถูกซ้อมเพราะเหตุใด ไม่ได้รับแม้แต่คำอธิบาย ถูกทุบตีอย่างไร้เหตุผล…
…..
ณ จวนผู้ว่าการ ภายในสวนดอกไม้เงียบสงบ เฟิ่งหลิงปอยกมือไพล่หลังเงยหน้ามองจันทราบนท้องฟ้ายามค่ำคืน สีหน้าเจือความกลัดกลุ้ม พอคิดว่าต้องยกบุตรสาวให้ออกเรือนไปเช่นนี้ อารมณ์ก็ซับซ้อนอยู่บ้าง
เผิงอวี้หลานเดินเข้ามาด้วยฝีเท้าแผ่วเบา พาดเสื้อคลุมกันลมตัวหนึ่งลงบนไหล่ของเขา
มาตรว่าจะอยู่ในช่วงกลางฤดูใบไม้ผลิ ทว่าไอน้ำค้างในช่วงกลางคืนยังคงหนาวเย็น สามีของนางมิใช่ผู้บำเพ็ญเพียร สกัดกั้นไอเย็นที่เข้ารุกรานร่างกายไม่ได้ มิใช่แค่เพียงสามีของนางเท่านั้น แต่คุณสมบัติร่างกายของบุตรธิดาทั้งสามคนของนางต่างไม่เหมาะกับการบำเพ็ญเพียรเลยสักคน มิเช่นนั้นด้วยฐานะของนางย่อมฝากฝังลูกๆ ให้เข้าสู่สำนักหยกสวรรค์ได้ เรื่องนี้ทำให้นางรู้สึกจนปัญญาอยู่บ้าง ทว่าช่วยไม่ได้ มนุษย์แต่ละคนมีโครงสร้างเส้นลมปราณแตกต่างกันไปไม่มากก็น้อย มนุษย์ที่เหมาะจะบำเพ็ญเพียรมีจำนวนน้อยยิ่ง
เฟิ่งหลิงปอหันกลับมามอง ส่งยิ้มให้นางเล็กน้อย
เผิงอวี้หลานยื่นกระดาษบางๆ แผ่นหนึ่งให้เขา “ท่านพ่อของข้าส่งข่าวมาแล้ว สำนักหยกสวรรค์ทำการหารือกันภายในและเห็นชอบกับเรื่องนี้ แต่ก็กังวลว่าหลังจากท่านแบ่งคนส่งไปยังอำเภอชางหลูแล้วจะมีกำลังคนไม่พอ เวลานี้จึงส่งกองหนุนมาให้อย่างเร่งด่วนแล้ว”
หากอยู่ในสถานการณ์ปกติทั่วไป เป็นไปไม่ได้ที่กองกำลังทั้งหมดของสำนักหยกสวรรค์จะโยกย้ายมาอยู่ที่จังหวัดกว่างอี้ สำนักหยกสวรรค์ยังต้องคำนึงถึงเขตอิทธิพลของกลุ่มอำนาจอื่นๆ ด้วย คนของสำนักหยกสวรรค์ที่ส่งมาอยู่ที่นี่ส่วนหนึ่งก็รับหน้าที่เป็นผู้คุ้มกัน คนอีกส่วนหนึ่งก็รับผิดชอบเรื่องการเก็บรวบรวมสมุนไพรวิญญาณ สมุนไพรวิญญาณที่ชาวจังหวัดกว่างอี้เก็บมาได้ล้วนจะนำมามอบให้คนเหล่านี้เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเสบียงและเงินทอง หลังจากทางนี้รวบรวมสมุนไพรวิญญาณมาได้ก็จะส่งต่อไปให้ทางสำนักหยกสวรรค์ ให้สำนักหยกสวรรค์หลอมเป็นโอสถสำหรับใช้ฝึกบำเพ็ญเพียรหรือไม่ก็นำออกไปขายในโลกบำเพ็ญเพียร
อันที่จริงหลังจากสำนักบำเพ็ญใหญ่ๆ ทำการจัดสรรแบ่งแยกอาณาเขตแล้ว พวกเขาก็ล้วนแต่ทำเช่นนี้กันทั้งสิ้น ฟ้ากว้างใหญ่ปฐพีไพศาล วัตถุดิบจำพวกสมุนไพรวิญญาณมิใช่สิ่งที่มีอยู่ทั่วไป ถ้าอาศัยเพียงส่งศิษย์ในสำนักออกท่องไปตามขุนเขาสายธารเพื่อค้นหาและเก็บเกี่ยวสมุนไพรวิญญาณ ประสิทธิภาพในการเก็บรวบรวมสมุนไพรมิแน่ว่าจะดีสักเท่าไร เจ้าสิ่งนี้มิใช่ของประเภทที่ว่าใครเร็วใครได้เสมอไป เพราะกำลังคนของแต่ละสำนักก็มีจำกัด ยิ่งไปกว่านั้นหากผู้บำเพ็ญเพียรล้วนทุ่มสมาธิไปกับการตามหาสมุนไพรวิญญาณกันหมด เช่นนั้นจะเป็นการถ่วงรั้งการฝึกบำเพ็ญเพียรให้ล่าช้าลงได้
แต่แน่นอน สิ่งที่เรียกว่าทรัพยากรบำเพ็ญเพียรมิได้หมายถึงสมุนไพรวิญญาณที่เก็บรวบรวมมาได้หลังทำการกำหนดอาณาเขตแล้วเพียงอย่างเดียว หากแต่ยังรวมถึงเสบียงและเงินทองด้วย
ถ้าอยากให้การบำเพ็ญเพียรมีประสิทธิภาพ สินศาสตร์คู่ครองสถานที่[2]ล้วนไม่อาจขาดไปได้ สิ่งที่อยู่ในอาณาเขตของผู้อื่นไหนเลยจะปล่อยให้เจ้าไปหยิบฉวยมาได้ง่ายๆ?
หลังจากเฟิ่งหลิงปอรับกระดาษไปส่องอ่านใต้แสงจันทร์แล้ว เขาก็ขยำกระดาษเอาไว้ในมืออย่างเงียบๆ ผลลัพธ์ไม่ผิดไปจากที่คาดไว้ ผ่านไปพักใหญ่ เขาถอนหายใจพลางเอ่ยว่า “ทางรั่วหนานเจ้าไปกล่อมดูอีกทีเถอะ!”
“อืม!” เผิงอวี้หลานพยักหน้าเล็กน้อย
ในเวลานี้เอง พ่อบ้านโซ่วเหนียนสาวเท้าก้าวเข้ามา ทำความเคารพทั้งสองคน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า