ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 55

ตอนที่ 55 ปกปิดผลงานและชื่อเสียง

ทั้งสามคนสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย ว่ากันตามหลักแล้วทางด้านเฟิ่งหลิงปอน่าจะทราบเรื่องที่การเงินพวกเขาติดขัดนี่นา มิเช่นนั้นจะบากหน้าไป ‘ขอยืม’ มาจากเฟิ่งรั่วหนานทำไม? ขอผัดผ่อนการคืนเงินไปสักระยะ รอให้ถึงอำเภอชางหลูแล้วค่อยใช้คืนก็ไม่น่าจะเป็นอะไร

หลานรั่วถิงเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ “เฟิ่งหลิงปอคงไม่ถึงขั้นชะลองานใหญ่เพราะเงินหมื่นเหรียญทองกระมัง?” งานใหญ่ที่เขาเอ่ยถึงทุกคนต่างรู้กันดี หมายถึงกาทมิฬแสนตัว

ทั้งสามล้วนไม่คิดว่าเฟิ่งหลิงปอจะยอมปล่อยให้เรื่องเล็กๆ อย่างเงินหมื่นเหรียญทองมาถ่วงรั้งงานใหญ่อย่างกาทมิฬแสนตัว ต่างคิดว่าถ้าหลานรั่วถิงยอมออกหน้าสักหน่อยก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร

หนิวโหย่วเต้าคล้ายอยากจะพูดอะไรแต่ก็หยุดไป คาดว่าทางฝั่งจวนผู้ว่าการคงมีคนรอเอาคืนฝั่งนี้อยู่ เผิงอวี้หลานประกาศกร้าวต่อหน้าทุกคนเอาไว้แล้ว หากทางฝั่งนี้คืนคำคงเสียหน้ายิ่ง ไม่รู้ว่าจะโดนด่าสาดเสียเทเสียมากแค่ไหน จนปัญญาที่เขาไม่สะดวกจะบอกเล่าสถานการณ์ตอนที่เขาพูดปัดความรับผิดชอบในเวลานั้นให้ซางเฉาจงฟังได้ จึงทำได้เพียงกล่าวเตือนด้วยความหวังดีว่า “ท่านอ๋อง บุรุษใจกว้าง ทว่าสตรีอาจพูดคุยด้วยยาก เกรงว่าเผิงอวี้หลานคงคิดหาทางระบายแค้นแทนบุตรสาวอยู่ เมื่อมีนางคอยขัดขวางอยู่ กว่าจะได้พบเฟิ่งหลิงปอคงต้องลำบากกันสักหน่อย” ทว่าเขาก็ผายมือทั้งสองข้างออกอีกครั้ง “แต่แน่นอน นี่เป็นเพียงการคาดเดาของกระหม่อมเท่านั้น หากพวกพระองค์คิดว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ เมื่อคืนพักผ่อนไม่เพียงพอ เช่นนั้นกระหม่อมขอตัวกลับไปนอนพักผ่อนก่อนแล้วกันพ่ะย่ะค่ะ” ว่าจบก็ประสานมือคำนับส่ง ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ไป

ตัวเขาน่ะไม่เป็นไรเลย ตัวซางเฉาจงจะได้รับความลำบากคับข้องหมองใจเพราะเรื่องนี้บ้างก็ไม่เป็นไรเช่นกัน ไม่ส่งกระทบต่อภาพรวม สุดท้ายแล้วต่างฝ่ายต่างก็ต้องแต่งงานเกี่ยวดองกันอยู่ดี ถึงอย่างไรก็มิใช่เขาที่ต้องขายหน้า

เมื่อเห็นเขากำลังจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในเรือน ซางเฉาจงกลับชิงก้าวเข้ามา คว้าแขนหนิวโหย่วเต้าไว้ ใบหน้าฉีกยิ้มพร้อมเอ่ยว่า “เต้าเหยี่ย ได้โปรดพูดให้ชัดเจนด้วยเถิด”

อันที่จริงแล้วเขาคือคนที่วิตกกังวลกับเรื่องนี้ที่สุด เขาอาจจะไม่กลัวการออกศึกเข่นฆ่าล่าหัวในสนามรบ แต่เรื่องใหญ่อย่างการแต่งงานเขาเพิ่งเคยเผชิญเป็นครั้งแรก ความรู้สึกที่ต้องไปพบหน้าพ่อตาและแม่ยายเป็นครั้งแรกเหล่าบุรุษล้วนเข้าใจกันดี ที่สำคัญคือเขากำลังจะแต่งกับบุตรสาวของผู้อื่นในช่วงเวลาที่เขากำลังขาดความมั่นใจ ที่สำคัญที่สุดคือหนิวโหย่วเต้ายังไปก่อเรื่องเลวร้ายเช่นนี้แล้วมาให้เขาแบกรับอีก เพียงแค่คิดๆ ก็ยังรู้สึกอับอายเป็นยิ่งนัก แล้วนี่ยังต้องบากหน้าไปเยือนพ่อตาแม่ยายในสถานการณ์เช่นนี้อีก ช่างเป็นค่ำคืนที่กระสับกระส่ายว้าวุ่นจนข่มตาไม่ลงโดยแท้

แล้วในเวลานี้หนิวโหย่วเต้ายังมาเผยสัญญาณที่มิสู้ดีออกมาอีก เขาจึงกระวนกระวายยิ่งกว่าเดิม

หนิวโหย่วเต้าหันกลับมา มองแขนของตนที่ถูกคว้าไว้ หยวนกังเหลือบมองมือของซางเฉาจงที่คว้าจับส่งเดช เขาคิดอยากจะขัดขวาง จึงยกมือขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ปล่อยมือลงไปอีกครั้ง

หากเป็นชีวิตที่แล้ว หยวนกังคงไม่มีทางปล่อยให้คนอื่นมาทำตัวเสียมารยาทกับเต้าเหยี่ยแบบนี้ได้ง่ายๆ แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าแล้ว ซางเฉาจงก็หาได้มีเจตนาร้ายอันใดไม่

ซางเฉาจงเองก็ตระหนักได้เช่นกันว่าตนเสียมารยาทไปหน่อย จึงรีบคลายมือออก

หนิวโหย่วเต้ายิ้มเล็กน้อย “กระหม่อมพูดไปชัดเจนแล้วพ่ะย่ะค่ะ ก็มิได้มีเรื่องใหญ่อันใด มีแค่เพียงเรื่องนั้น ทว่า กระหม่อมยังคงขอเสนอให้ท่านอ๋องไปหาเงินมาให้ได้ก่อนแล้วค่อยไปจะเหมาะสมกว่า เตรียมการรัดกุมย่อมไม่มีปัญหา คำพูดคำจาก็ย่อมมีน้ำหนักมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”

ซางเฉาจงพูดไม่ออก ถ้าเจ้าจะพูดเช่นนี้ มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการไม่ได้พูดเลย เขายิ้มเฝื่อนพลางเอ่ยว่า “ตอนนี้หาไม่ได้เลยจริงๆ ถ้าหามาได้ ไหนเลยจะลำบากใจเช่นนี้”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวด้วยความประหลาดใจ “จวิ้นอ๋องผู้สูงศักดิ์ ดีร้ายอย่างไรก็ยังมีไพร่พลหลายร้อยคนอยู่ในมือ จะลำบากใจเพียงเพราะเงินหมื่นเหรียญทองได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ? ไพร่พลเหล่านี้ก็เป็นเงินมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”

ซางเฉาจงเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “ข้าคงไม่อาจนำไพร่พลไปขายแลกเงินได้กระมัง?”

หนิวโหย่วเต้าถอนหายใจ “คนขายไม่ได้ แต่ม้าขายได้พ่ะย่ะค่ะ! หากขายม้าเหล่านี้ออกไป คงทำเงินได้มากกว่าหมื่นเหรียญทองกระมัง?” นี่เป็นความจริง ในยุคที่มีสงครามวุ่นวายเช่นนี้ ม้าคือทรัพยากรล้ำค่า โดยเฉพาะม้าศึก ราคาย่อมต้องสูงลิ่ว

“…..” ซางเฉาจงอ้าปากค้างพูดไม่ออก อยากถามเขายิ่งนักว่าเจ้าไปเอาความคิดแย่ๆ เช่นนี้มาจากไหน ไม่รู้หรือว่าม้าศึกคือชีวิตที่สองของทหารม้า หากขายม้าไป แล้วจะให้ทุกคนเดินเท้าไปยังอำเภอชางหลูหรือไร? สัมภาระเดินทางก็ต้องใช้แรงคนแบกหามอย่างนั้นหรือ? หรือจะบอกให้ไปขอยืมม้าจากเฟิ่งหลิงปออีกเล่า? เขาขมวดคิ้วพลางเอ่ยแย้ง “ขายม้าคงไม่เหมาะกระมัง?”

หนิวโหย่วเต้ากลอกตาแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างเป็นจริงเป็นจังว่า “ผู้ใดจะให้พระองค์ขายจริงๆ ล่ะพ่ะย่ะค่ะ? ปล่อยข่าวลือออกไปเสียหน่อย บอกว่าเฟิ่งหลิงปอรังเกียจที่สินสอดน้อยเกินไป ท่านอ๋องจึงต้องการขายม้ามาสมทบค่าสินสอด จากนั้นให้คนทางนี้จูงม้าศึกไปเดินเตร่ เรื่องก็คลี่คลายแล้วมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”

หลานรั่วถิงและซางซูชิงได้ฟังก็ตะลึงไปเล็กน้อย จากนั้นดวงตาพลันเปล่งประกาย เข้าใจเจตนาของเขาแล้ว เช่นนี้จะทำให้เฟิ่งหลิงปอต้องขายหน้า เมื่อเฟิ่งหลิงปอได้ข่าวย่อมต้องส่งคนไปยับยั้งการขายม้า และย่อมไม่มาบีบให้ทางนี้คืนเงินอีก

“เต้าเหยี่ยปราดเปรื่องนัก!” หลานรั่วถิงประสานมือนับถือด้วยใจจริง

ซางซูชิงยิ้มหวานอยู่ใต้ม่านแพร สายตาที่มองหนิวโหย่วเต้าทอประกายสดใส ครั้งนี้ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็ก แต่พอได้เห็นอีกฝ่ายเสนอวิธีแก้ปัญหาออกมาอย่างสบายๆ อธิบายเพียงจุดเดียวก็เห็นภาพรวมทั้งหมดได้ ทำให้นางยิ่งเข้าใจในคำพูดประโยคนั้นของหยวนกังอย่างลึกซึ้งอีกครั้ง ตระหนักได้ว่าพวกนางสองพี่น้องพบพานผู้สูงส่งเข้าแล้วจริงๆ!

ซางเฉาจงเองก็เข้าใจเจตนาได้ในทันใด เฟิ่งหลิงปอไม่มีทางปล่อยให้ตนเองเกิดชื่อเสียงเลวร้ายว่าเป็นคนละโมบโลภมากในสายตาชาวเมืองกว่างอี้แน่นอน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังกังวลในผลได้ผลเสียจากการทำเรื่องเช่นนี้อยู่บ้าง “เฟิ่งหลิงปอมิใช่คนโง่ เรื่องราวชัดเจนถึงเพียงนี้เขาจะมองเจตนาของพวกเราไม่ออกได้อย่างไร หากทำเช่นนี้ พวกเราจะมิถูกคนเขาดูแคลนหรอกหรือ?”

หนิวโหย่วเต้าได้ฟังก็ส่ายหน้าทันที “ทำเช่นนี้ก็มิได้ส่งผลต่อผู้ใดเสียหน่อยพ่ะย่ะค่ะ เสียหน้านิดหน่อยจะเป็นอะไรไป? หรือท่านอ๋องยอมเสียหน้าไม่ได้เลยแม้แต่นิดพ่ะย่ะค่ะ? หรือว่า…ท่านอ๋องเป็นห่วงความรู้สึกเฟิ่งรั่วหนาน กำลังจะได้แต่งกับนางก็เลยประหม่าอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?” ประโยคสุดท้ายแฝงเจตนาหยอกเย้าเอาไว้ชัดเจน

ซางเฉาจงไหนเลยจะเป็นห่วงอะไรเฟิ่งรั่วหนาน แต่เรื่องประหม่าอยู่บ้างนั้นเป็นความจริง พอถูกอีกฝ่ายเดาความคิดได้จึงกระดากอายขึ้นมาเล็กน้อย

หนิวโหย่วเต้าหัวเราะฮ่าๆ ประสานมือคำนับ ไม่กล่าวอะไรอีก เขาพูดถึงขนาดนี้แล้ว จะทำหรือไม่ก็แล้วแต่อีกฝ่าย เขาหันหลังจากไป ไปเดินเล่นในสวน เมื่อคืนยังไม่ได้สำรวจโครงสร้างการจัดสวนของทางนี้อย่างละเอียดเลย

ผ่านไปครู่หนึ่ง หยวนกังเร่งฝีเท้าตามหลังเขามา เดินตามพลางเอ่ยรายงาน “เต้าเหยี่ย พวกเขาไปแล้ว มองจากความเคลื่อนไหวแล้ว คิดว่าน่าจะไปทำตามที่คุณบอก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า