ตอนที่ 544 ไม่ควรหลอกท่านเลย
ภายในอาคารหลังหนึ่ง มีตะเกียงตั้งยู่หลายดวง ส่องสว่างไปทั่วห้อง
เซ่าผิงปอนั่งอยู่หน้าโต๊ะยุ่งง่วนกับงานเขียน ยกมือป้องปากไอออกมาครั้งคราวไอเสร็จก็เขียนต่อ
เซ่าซานเสิ่งเดินเข้ามา ช่วยเปลี่ยนน้ำชาร้อนๆ ให้เขา มองงานเขียนบนโต๊ะเล็กน้อย มีพาดหัวข้อเด่นชัดสะดุดตา ‘แผนการครองใต้หล้าของแคว้นจิ้น’
จากนั้นก็มองเซ่าผิงปอที่ไออยู่เป็นระยะ สีหน้าเป็นกังวล
เขารู้เรื่องสุขภาพของคุณชายใหญ่ท่านนี้ดี กลายเป็นโรคเรื้อรังแล้ว จำเป็นต้องสงบใจพักผ่อนไม่อาจโหมงานหนักจนเกินไปได้
ตอนที่อยู่ในมณฑลเป่ยโจว มีฝ่าซือติดตามคอยช่วยฟื้นฟูและมอบลูกกลอนบำรุงให้ จึงไม่เป็นปัญหามากนัก
หลังออกจากมณฑลเป่ยโจวมาก็ไม่ได้สะดวกสบายเช่นนั้นแล้ว โดยเฉพาะหลังจากมาถึงทางนี้
พอเห็นจอนผมหงอกขาวของคุณชายใหญ่ที่อยู่ใต้แสงตะเกียง ซ้ำยังมีเสียงไอที่บีบหัวใจคนแว่วขึ้นเป็นระยะ กลายเป็นเช่นนี้แล้วยังต้องโหมงานหนักสิ้นเปลืองความคิดจิตใจอีก เขารู้สึกทนไม่ได้จึงเอ่ยโน้มน้าวว่า “คุณชายใหญ่ สุขภาพก็สำคัญนะขอรับ ท่านเพิ่งมาถึง ไม่จำเป็นต้องเคร่งเครียดขนาดนี้เลย พักก่อนเถิดขอรับ!”
เซ่าผิงปิหยุดมือกระแอมออกมาเล็กน้อย ส่ายหน้าเอ่ยไปว่า “เวลาหาได้คอยข้าไม่ พวกเรายังไม่มีรากฐานตำแหน่งใดๆ อยู่ทางนี้ อีกทั้งทางนี้ก็ยังไม่แน่ว่าจะปลอดภัยสมบูรณ์ ข่าวที่ข้ามาเข้าร่วมกับทางนี้ไม่มีทางปิดไว้ได้นาน หากล่าช้าไปจะทำให้คนจ้องเล่นงานได้ง่ายๆ จะต้องนำเสนอแผนงานแก่ไท่ซูสยงให้ได้ก่อนฟ้าสางวันพรุ่ง ต้องนำไปให้ไท่ซูสยงดูให้เร็วที่สุด”
ไท่ซูสยงก็คือจักรพรรดิแคว้นจิ้น
เซ่าซานเสิ่งอึกอักอยกาพูดแต่ก็เงียบไป หากมิใช่เพราะเชื่อมั่นในตัวคุณชายใหญ่ เขาก็อยากจะถามออกไปจริงๆ ไท่ซูสยงมิใช่ตาสีตาสาที่จะถูกชักจูงได้ง่ายๆ อาศัยเพียงแผนการฉบับเดียวจะแลกตำแหน่งในแคว้นจิ้นมาได้หรือ?
ภายใต้แสงตะเกียง เซ่าผิงปอไอขึ้นมาอีกครั้ง จัดระเบียบความคิดเล็กน้อย จากนั้นก็เขียนแผนงานต่อไป…
….
ฟ้าสว่างแล้ว ละอองฝนที่โปรยปรายตลอดทั้งคืนยังไม่หยุดตกเลย
อากาศขมุกขมัวครอบงำไปทั่วเมืองหลวงแคว้นฉีอันใหญ่โต
ณ ประตูเมือง ประชาชนหลากอาชีพสัญจรไปมา รถม้าผ่านเข้าออก
หนิวโหย่วเต้าที่ผ่านการแปลงโฉมแล้วสะพายกระบี่ไว้บนหลัง เดินเข้ามาจากนอกเมืองเพียงลำพัง ในมือถือร่มกระดาษเคลือบน้ำมันคันหนึ่งไว้ ย่างก้าวไปอย่างไม่เร่งร้อน สบายๆ ใจเย็น ไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศเลย บุคลิกสง่างามอยู่หลายส่วน
หยาดฝนที่พร่างพรมทำให้ถนนนอกเมืองชื้นแฉะเหลวเป็นโคลน ในขณะที่ถนนปูศิลาภายในเมืองถูกชะล้างจนสะอาดเอี่ยม
ใต้ชายคาของร้านค้าแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเมือง ก่วนฟางอี๋ที่แปลงโฉมแล้วหลบฝนอยู่และเฝ้ารอการมาถึงของหนิวโหย่วเต้า
นางเข้าเมืองมาก่อน ติดต่อกับสายข่าวของสำนักเบญจคีรีที่อยู่ในเมืองเพื่อให้ออกไปพบหนิวโหย่วเต้าแล้วช่วยดูแลวิหคพาหนะได้ก็เป็นเหตุผลหนึ่ง รองลงมาคือต้องการให้สำนักเบญจคีรีเร่งติดต่อบุคลากรในสถานที่ต่างๆ ช่วยสร้างช่องทางสื่อสารระหว่างหนิวโหย่วเต้ากับสถานที่ต่างๆ ขึ้นมาอีกครั้ง
ข่าวสารจากทางสำนักเขามหายานก็สำคัญมากเช่นกัน หนิวโหย่วเต้าต้องการทราบความคืบหน้าในการจัดการเรื่องราวในมณฑลเป่ยโจวในทันที เพื่อป้องกันเหตุเปลี่ยนแปลง
หากเกิดเหตุเปลี่ยนแปลวขึ้น เขาต้องลงมือจัดการในทันที
จำเป็นต้องกล่าวเลยว่า เครือข่ายข่าวสารที่หนิวโหย่วเต้าทุ่มเงินมหาศาลจัดตั้งขึ้นในยามที่ยังมิได้มั่งคั่งนักยิ่งแสดงให้เห็นทัศคติที่มองการณ์ไกลของหนิวโหย่วเต้า เงินทุนมหาศาลที่จุนเจือให้ทุกปีแสดงประสิทธิภาพได้ดีที่สุดในช่วงเวลาเช่นนี้ ทำให้หนิวโหย่วเต้าสามารถติดต่อกับสถานที่ต่างๆ อย่างรวดเร็ว
เมื่อสำนักเบญจคีรีได้รับเงินทุนสนับสนุนอย่างเพียงพอก็สงบใจได้แล้ว จากนิกายที่ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดท่ามกลางความขัดแย้งแก่งแย่งผลประโยชน์ได้เปลี่ยนแปลงแนวทางไปอย่างสิ้นเชิง
พอเห็นหนิวโหย่วเต้าเดินฝ่าฝนเข้ามา ก่วนฟางอี๋ก็กางร่มกระดาษเคลือบน้ำมันขึ้นแล้วเดินเข้าไปหา เดินเคียงข้างพลางเอ่ยแจ้งเสียงเบา “จัดการเรียบร้อยแล้ว จะจัดส่งภายในครึ่งชั่วยาม”
หนิวโหย่วเต้าตอบรับ
ก่วนฟางอี๋ถาม “จะไปที่ใด?”
หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “ไปถึงเดี๋ยวก็รู้”
ก่วนฟางอี๋ถามต่อ “เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่? พวกเรามีกันแค่สองคนข้ากลัวมากนัก เจ้ารู้บ้างหรือไม่?”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “ไปถึงย่อมได้รู้เอง”
“คนเลว!” ก่วนฟางอี๋กัดฟันด้วยความชิงชัง สบถด่าเสียงเบา
….
ณ สวนไม้เลื้อย ชายชราในชุดเรียบง่ายคนหนึ่งกางร่มพร้อมถือห่อผ้าห่อหนึ่งเดินเข้ามาที่ประตูสวนไม้เลื้อย เหลียวมองไปรอบๆ
ชายฉกรรจ์คนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูทันที ถามออกไป “มีธุระใด?”
ชายชราชูห่อผ้าขึ้นมา “มีคนฝากให้นำของขวัญชิ้นนี้มาส่งมอบแก่ปรมาจารย์อวี้ชาง”
ชายฉกรรจ์ขมวดคิ้วเอ่ยถาม “มาจากผู้ใด?”
ชายชราหันหลับไป ร้องเอ๊ะออกมา “เมื่อครู่ยังตามหลังมาอยู่เลย”
ชายฉกรรจ์เดินออกไปนอกประตู มองไปทางถนนตามที่ชายชรามอง มีคนเดินผ่านประปราย ไม่เห็นความผิดปกติใดๆ เขาหันกลับมายื่นมืออกไปพลางเอ่ยว่า “ส่งมาให้ข้า!”
ชายชราทำตามอย่างว่าง่าย ยื่นของให้
ระหว่างที่ส่งมอบของอยู่ ชายฉกรรจ์คว้าข้อมือชายชราแล้วใช้พลังตรวจสอบ พบว่ามิใช่ผู้บำเพ็ญเพียรจริงๆ เป็นเพียงคนธรรมดาจึงได้ปล่อยมืออก รับห่อผ้าไปแล้วโบกมือให้ชายชราจากไป
เขาก็ทราบดีเช่นกัน ในเมื่อคนเบื้องหลังต้องการปิดบังตัวตนก็ไม่มีทางสืบเรื่องใดจากตัวชายชราคนนี้ได้
เขาหิ้วห่อผ้าเข้าไป เลี้ยวเข้าสู่ศาลาที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ชายฉกรรจ์เปิดห่อผ้าออกเพื่อตรวจสอบ ไม่อาจนำของทุกอย่างไปมอบแก่ปรมาจารย์อวี้ชางส่งเดชได้
โดยเฉพาะของที่ไม่ทราบที่มาแน่ชัด ย่อมต้องตรวจสอบให้แน่ชัด
พอเปิดห่อผ้าออก ด้านในมีกล่องไม้ลงยาใบหนึ่ง เขาเปิดกล่องออกอย่างระมัดระวัง ป้องกันเผื่อด้านในมีกลไกอะไรอยู่
เขาเปิดกล่องได้อย่างปลอดภัย ไม่มีกลไกใดๆ อยู่ แต่สิ่งที่อยู่ด้านในกลับน่าตกใจนัก เป็นศีรษะคนหัวหนึ่ง!
ยังมีจดหมายด้วยฉบับหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า