ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 551

ตอนที่ 551 มังกรปะทะพยัคฆ์

เหตุเปลี่ยนแปลงในมณฑลหนานโจวเป็นเรื่องใหญ่ เดิมทีหนิวโหย่วเต้าสมควรต้องกลับไป แต่เขาไม่ได้กลับไปควบคุมดูแลเลย

หลังผ่านไปสามวัน อวี้ชางก็ไม่ได้รีบร้อนจะรับตัวคนกลับมาเช่นกัน

เนื่องจากในการเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่ายมีการตกลงเรื่องนี้ไว้ ทางอวี้ชางก็อยากเห็นเช่นกันว่าหนิวโหย่วเต้าจะทำได้ตามที่พูดไว้หรือไม่ จะเขี่ยสำนักหยกสวรรค์ออกจากมณฑลหนานโจวได้หรือไม่ จะแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลเด็ดขาดที่มีต่อมณฑลหนานโจวได้หรือไม่

ว่ากันตามตรงก็คืออยากเห็นว่าหนิวโหย่วเต้าจะมีความสามารถขนาดนั้นหรือไม่ มีความสามารถพอที่หอจันทร์กระจ่างจะร่วมงานด้วยหรือไม่

“ขอรับ!” ตู๋กูจิ้งรับคำสั่ง

อวี้ชางหันหลังไปพลางกวักมือ พาตู๋กูจิ้งออกจากป่าไผ่ไปด้วยกัน มองเรือนพำนักเงียบสงบหลังหนึ่งที่หรูหรางดงามสง่าที่สุดในสวนไม้เลื้อย อีกทั้งเป็นที่พำนักของก่วนฟางอี๋ในสมัยก่อนด้วย ตอนนี้เป็นเรือนพำนักของพวกจวงหงสองแม่ลูก

สองศิษย์อาจารย์รออยู่หน้าประตูครู่หนึ่ง หลังจากคนด้านในเข้าไปรายงานจนได้รับอนุญาตแล้ว พวกเขาถึงจะเข้าไป

พอเข้าไปพบจวงหงที่อยู่ด้านใน อวี้ชางให้ข้ารับใช้ที่อยู่รอบข้างถอยออกไป จากนั้นทำการคารวะจวงหง “เหนียงเหนียง!”

ตู๋กูจิ้งไม่ได้หลบเลี่ยงออกไป แต่ถวายคำนับไปพร้อมกัน

ตามปกติแล้วอวี้ชางจะไม่เข้าพบจวงหงตามลำพัง เพื่อเลี่ยงคำครหา

“ท่านราชครู” จวงหงพยักหน้านิดๆ เอ่ยถามอย่างร้อนใจว่า “คุณชายเป็นอย่างไรบ้าง?”

อวี้ชางตอบกลับอย่างสุภาพอ่อนน้อม “เหนียงเหนียงโปรดวางพระทัย กระหม่อมส่งคนไปเยี่ยมเยือนคุณชายทุกวัน คุณชายสบายดี อีกทั้งชื่นชมในความสามารถของหนิวโหย่วเต้าอย่างมาก จึงตั้งใจศึกษาเล่าเรียนพ่ะย่ะค่ะ”

“เล่าเรียน?” น้ำเสียงของจวงหงเจือแววเยาะหยันตนอยู่เล็กน้อย “ไปเล่าเรียนจริงๆ น่ะหรือ?”

อวี้ชางกล่าวว่า “ทรงไปเล่าเรียน อีกทั้งหลังจากนี้ก็จะติดตามศึกษาเล่าเรียนอยู่ข้างกายหนิวโหย่วเต้าด้วย คาดว่าคงจะติดตามหนิวโหย่วเต้ามุ่งหน้าไปยังหนานโจวในแคว้นเยี่ยนเร็วๆ นี้พ่ะย่ะค่ะ”

จวงหงตกใจ ร้อนใจขึ้นมาเล็กน้อย “พวกเจ้าจะส่งตัวคุณชายไปหรือ? อวี้ชาง พวกเจ้าคิดจะทำอะไร?”

อวี้ชางค้อมคำนับ “เหนียงเหนียงอย่าทรงร้อนพระทัยไป เป็นการส่งคุณชายไปเล่าเรียนจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ เหนียงเหนียง อายุของคุณชายก็มิใช่น้อยๆ แล้ว ค่อยๆ เติบใหญ่ขึ้น จะให้อยู่เช่นนี้ไปตลอดก็มิใช่หนทางที่ดีเช่นกัน สุดท้ายก็ต้องออกไปเผชิญโลกภายนอกอยู่ดี หากเหนียงเหนียงทรงเป็นกังวลก็ทรงติดตามไปเป็นเพื่อนเล่าเรียนได้พ่ะย่ะค่ะ”

“….” จวงหงมีสีหน้าตกใจ คนเหล่านี้ควบคุมการเดินทางของนางมาโดยตลอด จะปล่อยนางออกไปอย่างนั้นหรือ? นางไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก “พวกเจ้าจะปล่อยข้าออกไปจริงๆ หรือ?”

อวี้ชางมีสีหน้าคร่ำเคร่งขึ้นมา “ไยเหนียงเหนียงถึงตรัสเช่นนี้ล่ะพ่ะย่ะค่ะ ทุกสิ่งที่พวกกระหม่อมทำลงไปล้วนทำเพื่อเหนียงเหนียงและคุณชาย ปล่อยไม่ปล่อยอันใดกัน ตรัสหนักเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ พวกกระหม่อมไม่อาจรับไว้ได้!”

จวงหงรีบโบกมือเอ่ยแก้ว่า “ท่านราชครูเข้าใจผิดแล้ว ความหมายของข้าคือ ข้าสามารถติดตามคุณชายไปยังหนานโจวแค้วนเยี่ยนได้จริงหรือ พวกเจ้าจะไม่ไปด้วยกันอย่างนั้นหรือ?”

อวี้ชางกล่าวว่า “อาจารย์ของคุณชายบอกว่าต้องการให้คุณชายอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลาย พวกกระหม่อมจะไม่เข้าไปรบกวนแล้ว หวังว่าเหนียงเหนียงเดินทางไปด้วยครานี้จะช่วยดูแลคุณชายให้ดีพ่ะย่ะค่ะ”

จวงหงแทบจะเรียกได้ว่าตื่นเต้นดีใจสุดขีด แต่ยังคงพยักหน้าอย่างสำรวม เอ่ยไปว่า “บุตรชายของข้า ข้าย่อมต้องดูแลให้ดี ราชครูไม่จำเป็นต้องกังวล”

อวี้ชางเอ่ยว่า “กระหม่อมจำเป็นต้องทูลเตือนบางเรื่องแก่เหนียงเหนียงไว้ เรื่องราวบางอย่างพัวพันใหญ่โตเกินไป เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของคนมากมาย หากปล่อยให้คนนอกทราบเข้า จะมีคนมากมายที่ประสงค์ร้ายต่อเหนียงเหนียงและคุณชาย ไม่ควรแพร่งพรายต่อภายนอก จะบอกต่อภายนอกไม่ได้แม้แต่คำเดียว อีกอย่าง คุณชายไม่คุ้นเคยกับโลกภายนอก เรื่องราวบางเรื่องอย่าปล่อยให้คุณชายทราบตอนนี้จะดีกว่า เมื่อถึงเวลาที่สมควรทราบแล้วย่อมปล่อยให้คุณชายได้ทราบเอง”

จวงหงพยักหน้าหงึกๆ “เรื่องนี้ไม่ต้องเตือนข้าก็เข้าใจ ข้าไม่มีทางนำชีวิตของตัวเองและบุตรชายมาล้อเล่นหรอก”

“เหนียงเหนียงทรงรักษาตัวด้วย กระหม่อมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้” พวกอวี้ชางศิษย์อาจารย์ประสานมือค้อมคำนับ ขอตัวลาไป

เมื่อออกจากเรือนเล็กอันเงียบสงบไป ตู๋กูจิ้งก็อดถามไม่ได้ “อาจารย์จะส่งตัวนางไปด้วยจริงๆ หรือขอรับ?” ความหมายในวาจาคือหนิวโหย่วเต้ามิได้ยื่นข้อเรียกร้องในเรื่องนี้ พวกเราจำเป็นต้องเพิ่มตัวประกันให้เขาไปอีกคนด้วยหรือ

อวี้ชางถอนหายใจพลางเอ่ยไปว่า “ข้าก็ไม่ได้อยากส่งตัวนางไปให้หรอก…ช่างเถอะ นางเองก็มิได้รู้อะไรมากนัก คนที่สำคัญคือคุณชาย คุณชายยังอยู่นางถึงจะมีความสำคัญ หากคุณชายไม่อยู่ นางจะอยู่หรือไม่ก็ไม่สำคัญแล้ว หากคุณชายไม่อยู่กับทางนี้ ข้าเก็บตัวน้องสะใภ้หม้ายเอาไว้ข้างกาย คอยดูแลไปในระยะยาว แบบนั้นจะให้คนนอกคิดอย่างไรเล่า? อีกอย่างคนที่เคยพบกับทางนี้ล้วนทราบถึงความงามของน้องสะใภ้ผู้นี้ของข้าดี จะไม่ให้ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านเลยก็ยากแล้ว หากต่อไปไม่ได้พบบุตรชายเป็นระยะเวลานาน นางจะต้องเอาแต่บ่นอยากพบอยู่ร่ำไปแน่ เฮ้อ ให้นางไปด้วยเสียเลยแล้วกัน!”

ตู๋กูจิ้งพยักหน้ารับพลางใคร่ครวญตาม คิดๆ ไปก็พบว่าจริงอย่างว่า ด้วยสถานะของคนผู้นั้น จะแตะต้องก็ไม่ได้ จะว่ากล่าวก็มิได้ หากเอาแต่บ่นอยากพบบุตรชายอยู่ร่ำไปก็คงจะวุ่นวายจริงๆ ปล่อยนางไปจะดีกว่า

….

“วิหคยักษ์สิบตัวนั้นของข้าอยู่ที่ไหน?”

ภายในสวนรวมสุคนธา อวี้ชางมาส่งพวกจวงหงสองแม่ลูก พอมองเห็นวิหคยักษ์ทั้งหลายที่ร่อนลงมาในสวน อวี้ชางก็ขยับเข้าไปหาหนิวโหย่วเต้าแล้วกระซิบถาม

“เกิดเหตุต่อสู้ฆ่าฟันเช่นนี้ ย่อมมีการบาดเจ็บล้มตายเป็นธรรมดา ตายไปหมดแล้ว ท่านคงไม่คิดว่านกพวกนี้เป็นของท่านกระมัง? นกพวกนี้เป็นของข้า ทางข้าก็มีวิหคยักษ์อยู่เช่นกัน ท่านก็ใช่ว่าจะไม่รู้” หนิวโหย่วเต้าบอกปัดอย่างไม่สะทกสะท้าน เขาไหนเลยจะยอมรับว่าถูกตนยึดเอามาหมดแล้ว ทางเขาเองก็เสียวิหคยักษ์ไปสามตัวเช่นกัน

อวี้ชางฟังแล้วปวดประสาทนัก พบว่าหาเรื่องให้ตนปวดหัวเข้าแล้ว ไม่ว่าอีกฝ่ายจะพูดจริงหรือไม่ เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมรับล่ะก็ หากเจ้าไม่สามารถลากคออีกฝ่ายไปขึ้นเครื่องประหารได้ ก็อย่าหวังเลยว่าอีกฝ่ายจะยอมคายออกมา

สุดท้ายกลุ่มวิหคยักษ์ก็ทะยานขึ้นสู่นภา นภาสูงเมฆาล่องลอยไพศาล เมืองหลวงแคว้นฉีอันใหญ่โตเบื้องล่างค่อยๆ ห่างไกลออกไป

“อาจารย์ พวกเราจะไปที่ใดกันหรือขอรับ?”

เซี่ยลิ่งเพ่ยที่โดยสารวิหคยักษ์ตัวเดียวกับหนิวโหย่วเต้าลองสอบถามดู เขาคือคนที่สับสนงงงวยที่สุดในคณะเดินทางแล้ว ไม่มีผู้ใดบอกเล่าความจริงแก่เขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า