ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 561

ตอนที่ 561 มีบุตรในยามเฒ่า

สถานที่ลับที่กล่าวถึงก็คือหมู่บ้านในหุบเขาแห่งนั้นที่เดิมทีพวกเหมิงซานหมิงใช้ซ่อนตัว

หนิวโหย่วเต้าพยักหน้าเล็กน้อย รับฟังแต่ความคิดกลับล่องลอยไปไกลเล็กน้อย ถามกลับไปว่า “เจ้าว่าเซ่าผิงปอเก่งกาจหรือไม่ ตัวอยู่ที่เป่ยโจว อยู่ในสถานการณ์ที่ถูกปิดกั้นข่าวสาร แต่สามารถวิเคราะห์ได้ว่าเฉาเซิ่งไหวที่อยู่ทางสำนักหมื่นสรรพสัตว์ถูกข้าบงการแล้ว”

เรื่องนี้เป็นสำนักเขามหายานที่มาเล่าให้หนิวโหย่วเต้าทรายในภายหลัง ก็มิใช่ว่าสำนักเขามหายานเป็นฝ่ายมาเล่าต่อเขาเอง แต่เป็นตัวเขาที่บังเอิญทราบเรื่องเข้าตอนอยู่ที่มณฑลเป่ยโจวแล้วซักถามถึงรายละเอียดก่อนและหลังที่เซ่าผิงปอจะหลบหนีไปเพื่อใช้วิเคราะห์ว่าเซ่าผิงปอหนีไปตามใด

ตอนนั้นเขาตกใจจริงๆ ยิ่งตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไล่ล่าสังหารเขาให้ได้ แต่จนใจที่เซ่าผิงปอหนีไปเสียแล้ว

ก่วนฟางอี๋ไม่เข้าใจว่าเขาเอ่ยถึงเรื่องนี้ไปไย “เจ้าจะสื่อว่าเซ่าผิงปออาจเข้ามาแทรกแซงหรือ?”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “เรื่องยังไม่รับการยืนยันแน่ชัดหากเขาอยากเข้าแทรกแซงก็ต้องไตร่ตรองก่อนเช่นกัน อีกทั้งตอนนี้ความสนใจหลักของเขามิได้อยู่ที่ตัวข้า เขาจะเข้ามาแทรกแซงหรือไม่ละไว้ก่อนเถิด แต่เกรงว่าเฉาเซิ่งไหวคงร้อนใจดั่งไฟลนแล้ว อาจจะบุกออกมาตามหาข้าได้ แจ้งทางบ้านเอาไว้ หากว่าเฉาเซิ่งไหวมาให้ส่งตัวเขามาหาข้า”

ก่วนฟางอี๋ตอบรับ “ยังมีอีกเรื่อง ซ่งซูคนนั้นยังคุมตัวไปไม่ถึงเมืองหลวงก็ถูกราชสำนักปล่อยตัวออกมาแล้ว จากข่าวที่ทางท่านอ๋องได้มา เพิ่งส่งตัวออกจากหนานโจวมอบให้ทางติ้งโจวไปได้ไม่นาน ติ้งโจวก็ปล่อยตัวคนแล้ว จากข่าวที่ท่านอ๋องได้รับมากล่าวว่ายังไม่มีการสืบสวนคดีสังหารตระกูลซ่ง เรื่องเช่นนี้หากไม่ได้รับอนุญาตจากราชสำนัก เซวียเซี่ยวผู้ว่าการมณฑลติ้งโจวไม่มีทางทำเช่นนี้ สายข่าวของทางท่านอ๋อนก็สังเกตเห็นเช่นกันว่าเซวียเซี่ยวส่งคนไปคุ้มกันซ่งซูกลับสู่เมืองหลวงอย่างเปิดเผย”

หนิวโหย่วเต้าหัวเราะฮ่าๆ “ไม่มีอำพรางเลยสักนิด เห็นทีว่าราชสำนัคงอยากจะแตกหักกับหนานโวอย่างเปิดเผยใจแทบขาดแล้ว ไม่ไว้หน้ากันเลยสักนิด ติดต่อไปยังหอจันทร์กระจ่าง ส่งคนไปดักสกัดระหว่าทาง กำจัดคนของเซวียเซี่ยวไปพร้อมกัน จากนั้นนำหัวส่งกลับไปให้เซวียเซี่ยวเสีย”

ก่วนฟางอี๋ขมวดคิ้ว “อยากกำจัดก็กำจัดไปสิ ไยต้องทำให้วุ่นวายเช่นนี้ด้วย’

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ทันทีที่เปิดฉากแตกหักกัน ติ้งโจวจะเป็นด่านแรกในการเข้าโจมตีหนานโจว ส่งคำเตือนและขู่ขวัญเซวียเซี่ยวเอาไว้สักหน่อยก็ไม่เสียหายอะไร ในเมื่อราชสำนักไม่ไว้หน้าข้า ข้าก็จำเป็นต้องแสดงพลังให้ประจักษ์เช่นกัน พวกเขาอยากปล่อยคนก็ปล่อยได้เลยงั้นหรือ?”

ก่วนฟางอี๋ถาม “เจ้าเรียกใช้คนของหอจันทร์กระจ่างจัดการทางนี้ ซ้ำยังใช้คนของหนจันทร์กระจ่างไปลักพาตัวคนทางนั้น เจ้าเห็นหอจันทร์กระจ่างเป็นอะไรไปแล้ว คนเขาจะยอมเชื่อฟังเจ้าหรือ?”

“ไม่เกี่ยวกับว่าจะเชื่อฟังข้าหรือไม่ แต่พวกเขาคิดจะผูกมัดข้าเอาไว้อย่างแน่นหนาแล้ว เจ้าวางใจเถอะ หอจันทร์กระจ่างจะทำเต็มที่แน่นอน พวกเขาอยากจะหาจุดอ่อนของข้าให้ได้ใจแทบขาดแล้ว”

“หากถูกคนเขากุมจุดอ่อนไว้ได้ เจ้าเคยคิดถึงผลที่จะตามมาหรือไม่?”

“หงเหนียง กำลังของพวกเราอ่อนด้อยเกินไป สถนการณ์ที่พวกเรากำลังจะเผชิญหน้าไม่เหลือช่องให้พวกเราได้คำนวณผลได้ผลเสียแล้ว ข้าเองก็ไม่ได้อยากถูกคนเขาจับจุดอ่อนไว้ แต่กหากว่าไม่ยอมเสียสละหรือไม่ยอมแบกรับความสูญเสียเอาไว้สักนิดเลย จะประสบความสูญเสียที่หนักหนากว่า เลิกคุยเรื่องนี้เถอะ คนของหอจันทร์กระจ่างจะมาถึงเมื่อไร?”

“น่าจะใกล้แล้ว พอถึงแล้วจะส่งข่าวมาหาพวกเรา เจ้าเรียกระดมพลคนของหอจันทร์กระจ่างมาทางฝั่งนี้เพื่อการใด? กังวลใจว่าไห่หรูเยวี่ยจะคิดบัญชีกับเจ้าหรือ?”

“ไห่หรูเยวี่ยไม่มีทางมาคิดบัญชีกับข้า แต่ขอเพียงข้ากล้าเผยตัวว่าอยู่ที่นี่ อาจจะมีคนที่กังวลถึงตัวข้า มิสู้ลองหยั่งเชิงดีกว่า เพื่อจะได้วางแผนในอนาคต…ฟังจากที่ฟางเจ๋อเล่ามา เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ราชทูตจากแคว้นต่างๆ ล้วนอยู่ระหว่างเดินทางมาร่วมยินดีที่จินโจว พวกเราไม่อาจนั่งรอให้เป็นฝ่ายถูกราชสำนักกระทำได้ มิชิงรุกก่อนเพื่อป้องกันดีกว่า!”

“ชิงรุกเพื่อป้องกันหรือ?”

หนิวโหย่วเต้าไม่ตอบ แต่มองพินิจก่วนฟางอี๋ที่อยู่ในชุดหญิงชาวบ้านหัวจรดเท้า เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แต่งตัวเช่นนี้แล้วดูดีนัก เสียแต่ผิวขาวไปหน่อย ไม่สมจริง”

ตัวเขาก็ไม่ดีกว่ากันไปสักเท่าไร สวมชุดชาวบ้านธรรมดา ทั้งสองต่างแปลงโฉมแล้ว ปลอมตัวเป็นคู่สามีภรรยาที่มาเย่ยมญาติ หากไม่ปลอมตัวเช่นนี้อยู่ในหมู่บ้านแล้วจะดูโดดเด่นสะดุดตาเกินไป

“เฮอะ!” ก่วนฟางอี๋แค่นเสียงใส่!

….

ณ จวนผู้ว่าการมณฑลจินโจว จ้าวเซินที่แต่งกายด้วยชุดขันทีอย่างเป็นทางการยืนอยู่ในลานเรือน สวมเสื้อคลุมกันลมทับไว้ด้านนอก มีผู้ติดตามหลายคนยืนอยู่ด้านหลัง

ด้านหน้ามีศิษย์ของวังสวรรค์หมื่นวิมานยืนเรียงแถวเฝ้าระวังอยู่

หลีอู๋ฮวาเดินออกมาจากเรือนด้านหลัง หยุดยืนอยู่ไม่ไกลจ้องมองมาทางอยู่พักหนึ่งแล้วถึงค่อยๆ เดินเข้ามาหา ประสานมือเอ่ยว่า “จ้าวกงกงมาเยือนทั้งที ขออภัยที่ไม่ได้ออกไปต้อนรับแต่เนิ่นๆ”

จ้าวเซินเอ่ยเสียงเย็นชา “ข้ารับราชเสาวนีย์จากไทเฮามาเยี่ยมองค์หญิงใหญ่ แต่พวกเจ้าปฏิบัติต่อแขกเช่นนี้หรือ? ไม่เห็นไทเฮาอยู่ในสายตาหรือว่าคิดจะกบฏกัน?”

“จ้าวกงกงกล่าวเกินไปแล้ว” หลีอู๋ฮวาโบกมือพลางยิ้มออกมา ส่ายหน้าเอ่ยขออภัย “ใช่ว่าไม่อยากให้จ้าวกงกงเข้าพบองค์หญิง แต่หลังคลอดองค์หญิงสุขภาพอ่อนแอ ต้องลมเย็นใดๆ ไม่ได้ทั้งสิ้น ท่านหมอกำชับว่าต้องพักผ่อนอยู่บนเตียง อย่าให้องค์หญิงรับแขก ข้าคิดว่าเพื่อสุขภาพขององค์หญิงแล้วไทเฮาต้องทรงเลือกปฏิบัติตามที่ท่านมอสั่งไว้แน่นอน จ้าวกงกงว่าใช่หรือไม่?”

นี่ย่อมเป็นข้ออ้างแน่นอน ก่อนที่จะทราบตื้นลึกหนาบางบุคลากรทั้งหมดของอีกฝ่ายชัดเจน เขาไม่กล้าปล่อยให้คนพวกนี้เข้าไปพบพวกไห่หรูเยวี่ยสองแม่ลูกในทันทีแน่ ด้วยกังวลว่าอาจจะเกิดอุบัติเหตุอันใดขึ้น เรื่องที่ไห่อู๋จี๋ไม่ประสงค์ดีต่อทางนี้มิใช่ความลับอันใดเลย

ตอนนี้ไห่หรูเยวี่ยกลายเป็นภรรยาของเขาแล้ว ซ้ำยังให้กำเนิดบุตรชายแก่เขา เขาจะไม่ใส่ใจปกป้องได้หรือ

จ้าวเซินเงียบไปครู่หนึ่ง เบื้องบนส่งเขามาก็เพราะเขามีตำแหน่งฐานะสูงศักดิ์มากพอ แต่ไม่คิดเลยว่าแม้แต่จะเข้าพบไห่หรูเยวี่ยก็ยังทำไม่ได้เลย

แต่เขาก็ไม่ได้ขู่บังคับเช่นกัน รู้ดีว่าฝืนบังคับไปก็ไม่มีประโยชน์ ยิ่งบังคับอีกฝ่ายก็ยิ่งจะสงสัยว่ามีเล่ห์กลแอบแฝง ยิ่งไม่มีทางปล่อยเขาเข้าไปพบ อาจจะทำให้เสียงานได้ เขาจึงเอ่ยไปว่า “องค์หญิงใหญ่คลอดบุตรในวัยขนาดนี้ ข้าอยากทราบว่าตอนนี้พระวรกายเป็นอย่างไรบ้าง จะได้กลับไปรายงานต่อไทเฮาถูก”

หลีอู๋ฮวาหัวเราะพลางกล่าวว่า “ให้กำเนิดบุตรตอนอายุมากไปหน่อย เพราะโชคดีที่พระวรกายขององค์หญิงใหญ่แข็งแรงดี วังสวรรค์หมื่นวิมานของพวกเราก็มิได้สิ้นไร้ไม้ตอก ทุ่มเทบำรุงเอาใจใส่ สุขภาพขององค์หญิงแข็งแรงดี โปรดช่วยทูลต่อไทเฮาทีเถิดว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี อย่าได้ทรงกังวลพระทัยเลย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า