ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 564

ตอนที่ 564 ลงเรือลำเดียวกัน

ซือถูเย่าเงียบงันไม่ส่งเสียง ใคร่ครวญตามวาจานี้ของเขาอยู่

หลีอู๋ฮวากลับหวั่นไหวแล้ว มองไปที่ศิษย์พี่ประมุขอย่างอึกอักลังเล พอเห็นศิษย์พี่ประมุขชักช้าไม่ยอมแสดงท่าที ในที่สุดก็ทนไม่ไหวเอ่ยอ้อนวอนออกไป “คำพูดเขามีเหตุผล เช่นนั้นอาจจะมีหวังช่วยพวกนางแม่ลูกได้มากขึ้น ท่านประมุข ทำตามที่เขาบอกเถิดขอรับ ข้าขอร้องท่านแล้ว!”

ซือถูเย่าเงยหน้ามอง ตำหนิด้วยความโกรธ “เลอะเลือน!”

“ประมุข เห็นแก่ไมตรีในฐานะศิษย์พี่ศิษย์น้องด้วยเถิด…”

“เจ้ายังจะพูดอีกหรือ? มีใครอยู่บ้าง!” ซือถูเย่าตะโกนขึ้นมา มีศิษย์สองสามคนโผล่เข้ามาทันที เขาชี้ไปที่หลีอู๋ฮวา “คุมตัวไปแล้วเฝ้าเอาไว้ หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้าก็ห้ามปล่อยเขาออกมา”

“ศิษย์พี่!” หลีอู๋ฮวาตกใจมาก เขาไม่ทันได้พูดอะไรต่อก็ถูกคนด้านหลังลงมือควบคุมในทันใดถูกคนสองคนลากตัวออกไปเดี๋ยวนั้น

หนิวโหย่วเต้าที่อยู่ด้านข้างขมวดคิ้วมองตาม

ซือถูเย่ามองตามด้วยสีหน้ามืดมน โมโหเต็มที

มิใช่เพราะไม่เห็นด้วยกับความคิดของหนิวโหย่วเต้า แต่โมโหกับท่าทีของหลีอู๋ฮวา พบว่าหลีอู๋ฮวาร้อนใจจนเลอะเลือนไปแล้ว เห็นแก่เรื่องส่วนตัวมากกว่าประโยชน์ของสำนัก แสดงความคิดออกมาเต็มที่ พูดจาเลอะเทอะ วาจาเช่นนั้นสามารถกล่าวออกมาได้หรือ? บางถ้อยคำสามารถเอ่ยต่อหน้าคนอื่นได้หรือไร? เรื่องบางอย่างลงมือทำได้แต่ไม่อาจเอ่ยออกมาได้

ต่อให้ทางนี้ประกาศข่าวออกไป แม้ว่าจะก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในมณฑลจินโจวแต่ก็ทำไปเพื่อประโยชน์ของวังสวรรค์หมื่นวิมาย มิใช่เพื่อช่วยลูกเมียเจ้า อีกทั้งไม่ได้ตัดสินใจทำเช่นนี้เพราะความสัมพันธ์ศิษย์พี่ศิษย์น้องระหว่างพวกเรา!

หากว่าการตัดสินใจครั้งนี้ก่อให้เรื่องราวเละเทะไป ตัวเขาในฐานะประมุขที่ตัดสินใจทำเช่นนี้เพราะสายสัมพันธ์ส่วนตัวก็ต้องออกมารับผิดชอบมิใช่หรือ?

หากสูญเสียมณฑลจินโจวไปเพราะสายสัมพันธ์ส่วนตัว ภาระที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ ประมุขอย่างเขาจะแบกรับไหวหรือ? นอกจากยอมรับโทษลงจากำแหน่งแล้วก็คงไม่มีตัวเลือกอื่นอีก!

ทางนี้ไม่ได้ตัดสินใจเพราะสายสัมพันธ์ส่วนตัว การตัดสินใจทุกอย่างที่ทำลงในยามนี้ล้วนทำไปเพื่อสำนักทั้งสิ้น ไม่มีเรื่องไมตรีส่วนตัวใดๆ เข้ามาเจือปนเลย

พูดจาเหลวไหลออกมาเต็มปาก สมองมีปัญหาไปแล้วหรือ!

ด้วยสภาวะอารมณ์ของหลีอู๋ฮวาในยามนี้ เขาไม่กล้าปล่อยให้เพ่นพ่านด้านนอกแล้ว มิเช่นนั้นหากควบคุมไม่อยู่ไม่รู้เลยว่าจะก่อเรื่องใดขึ้นมาบ้าง จำเป็นต้องควบคุมตัวเอาไว้ก่อน

ในเวลานี้เอง ผู้อาวุโสคนหนึ่งมี่สังเกตการณ์อยู่ในห้องเดินออกมา รายงานว่า “ท่านประมุข สถานการณ์ไม่สู้ดีแล้ว พวกเราไม่เคยพบอาการเช่นนี้มาก่อน ไม่อาจรับมือได้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ให้พวกเราพยายามทุ่มกำลังถ่วงเวลาไว้ก็เกรงว่าองค์หญิงใหญ่คงอยู่ได้ไม่ถึงเดือน ส่วนทารกได้อย่างมากสิบวันขอรับ”

สิบนิ้วของหนิวโหย่วเต้าที่กุมกระบี่อยู่กระดิกนิดๆ ผลลัพธ์นี้ไม่ต่างจากที่เขาฟังมาจากหลีอู๋ฮวาเลย

ซือถูเย่าสงบอารมณ์ลงเล็กน้อย ใคร่ครวญจากมุมมองเดียวกับหนิวโหย่วเต้าดูก่อน ขบคิดจนมั่นใจแล้วว่าหนิวโหย่วเต้าน่าจะไม่มีทางคิดร้ายต่อทางนี้ หนิวโหย่วเต้าก็งไม่อยากให้เกิดเรื่องกับมณฑลจินโจวเช่นกัน มิเช่นนั้นจะส่งผลเสียต่อมณฑลหนานโจว

หลังจากวิเคราะห์ได้เช่นนี้ เขาถึงได้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย เอ่ยกับผู้อาวุโสที่อยู่ด้านข้างว่า “หนิวโหย่วเต้าพูดมีเหตุผล ไม่อาจปล่อยให้ถูกราชสำนักจูงจมูกได้ จำเป็นต้องทำให้ฝ่ายราชสำนักเสียกระบวนบ้าง ถอยเพื่อรุก ชิงเผยความไม่มั่นคงภายในออกไปก่อน ซื้อเวลาให้พวกเขาได้จัดการความปรองดองภายใน รีบส่งข่าวไปแจ้งสำนักใหญ่ต่างๆ ทันที ทำตามวิธีที่น้องหนิวเสนอมา ไปจัดการเดี๋ยวนี้อย่าได้ชักช้า!”

ไม่อาจชักช้าได้แล้วจริงๆ อาการของไห่หรูเยวี่ยยื้อไว้ไม่ได้นานนัก หลังจากทางนี้ส่งข่าวออกไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าหมอผีจะทราบข่าวหรือไม่ ต่อให้ทราบข่าวแล้วมา ก็ไม่รู้อีกว่าคนเขาอยู่ที่ใด ไม่รู้เลยว่าต้องใช้เวลาเดินทางนานเท่าไร

เหตุผลที่หนิวโหย่วเต้าต้องการให้วางแผนไปด้วนกันก็เพราะเหตุนี้ จำเป็นต้องซื้อเวลาไว้

“ขอรับ!” ผู้อาวุโสคนหนึ่งรับคำสั่งแล้วออกไป

มอบหมายงานลงไปแล้ว จะตามหาหมอผีพบหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับสวรรค์ลิขิตเท่านั้น แต่สามารถยื้อไว้ได้ก็ต้องยื้อไว้ก่อน สีหน้าซือถูเย่าโอนอ่อนลง เอ่ยกับหนิวโหย่วเต้าว่า “ในเมื่อพวกเราเป็นพันธมิตรกัน จินโวประสบปัญหา คาดว่าหนานโจวคงไม่นิ่งดูดายกระมัง?”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ข้าก็มาแล้วมิใช่หรือ?”

ซือถูเย่าส่ายหน้าเอ่ยไปว่า “ทัพใหญ่ยกกรีธา รุกรานถล่มท้องทุ่งป่าเขาดั่งสายน้ำเชี่ยว เจ้าสามารถสยบฟ้าทลายปฐพีหรือเคลื่อนเขาเขย่าสมุทรได้งั้นหรือ? นี่มิใช่เรื่องที่เจ้าจะสกัดรับมือได้ ความหมายของข้าคือหนานโวสามารถระดมกำลังมาสนับสนุนข้าได้มากน้อยเพียงใด”

หนิวโหย่วเต้าไม่ได้ตอบคำถาม เพียงเอ่ยประโยคหนึ่งออกมาอย่างอย่าไม่มีปี่มีขลุ่ย “ซางเจี้ยนสยงจะลงมือกับหนานโจว”

เหล่าผู้อาวุโสของวังสวรรค์หมื่นวิมานที่อยู่ด้านข้างตกใจเล็กน้อย นี่มิเท่ากับว่าหนานโจวก็ต้องเอาตัวเองให้รอดจึงไม่อาจส่งกำลังมาสนับสนุนได้หรอกหรือ?

ซือถูเย่าตอบสนองว่องไว ตระหนักบางอย่างขึ้นมาแล้ว หรี่ตาเอ่ยไปว่า “ความหมายของเจ้าคือ ไห่อู๋จี๋ลงมือกับทางจินโจว ส่วนซางเจี้ยนสยงก็ลงมือกับทางหนานโจว เป็นเพราะทั้งสองฝ่ายวางแผนร่วมมือกันแล้วถึงลงมืองั้นหรือ?”

หนิวโหย่วเต้าพยักหน้ารับ “มีโอกาสสูงที่จะเป็นเช่นนี้ ตอนแรกข้าคิดเพียงว่าซางเจี้ยสยงจะลงมือกับหนานโจวเท่านั้น เป้าหมายที่ข้ามาครานี้ก็เพื่อหารือเรื่องยืมกำลังทหารเตรียมการป้องกันไว้ หากสถานการณ์ไปถึงจุดที่ต้องปะทะกันอย่างซึ่งหน้า ก็หวังว่าทางฝั่งพวกท่านจะช่วยส่งกำลังไปสนับสนุน ผู้ใดจะคาดว่ากลับมาพบเรื่องเช่นนี้เข้า”

“เมื่อหนานโจวหรือจินโจวเผชิญปัญหาก็น่าจะไม่ต้องเดียวดาย เวลาประเหมาะบังเอิญเกินไป ซางเจี้ยนสยงและไห่อู๋จี๋น่าจะลอบติดต่อกันไว้เรียบร้อยแล้ว ต่างฝ่ายต่างจัดการแต่ละฝั่ง ทำให้พวกเราไม่อาจร่วมมือกันได้ ขณะเดียวกันก็ลดปัญหาของพวกเขาลงไปด้วย ต่างฝ่ายต่างได้ในสิ่งที่ต้องการ ประมุขซือถู คนในเส้นทางบำเพ็ญเพียรอย่างพวกเราล้วนจำเป็นต้องยอมรับเลยว่าในด้านกลยุทธ์เชิงภาพรวม เมื่อเทียบกับพวกเขาเหล่านั้นที่คลุกคลีอยู่ในด้านนี้ พวกเรามีการตอบสนองล่าช้ากว่าเล็กน้อย”

สีหน้าของซือถูเย่าเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “สองแคว้นลงมือในเวลาเดียวกัน เกรงว่าพวกเราคงลำบากแล้ว”

กำลังห่างชั้นกัน หากว่าสองแคว้นไร้ห่วงพะวงแล้วต้องการเล่นงานพวกเขาให้ได้ พวกเขาก็ไม่สามารถสกัดขวางได้เลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า