ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 566

สรุปบท ตอนที่ 566 วีรบุรุษย่อมมองโลกในมุมเดียวกัน: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ตอนที่ 566 วีรบุรุษย่อมมองโลกในมุมเดียวกัน – ตอนที่ต้องอ่านของ ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ตอนนี้ของ ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 566 วีรบุรุษย่อมมองโลกในมุมเดียวกัน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 566 วีรบุรุษย่อมมองโลกในมุมเดียวกัน

ภายในจวนผู้ว่าการมณฑลติ้งโจว ผู้ว่าการมณฑลเซวียเซี่ยวมีสีหน้ามืดมน

บนพื้นเบื้องหน้าเขามีศีรษะมนุษย์เปื้อนเลือดวางอยู่ห้าหัว

หัวหนึ่งที่อยู่ในบรรดานั้นคือซ่งซูที่เขาส่งคนไปคุ้มกันกลับเมืองหลวง ส่วนอีกสี่หัวที่เหลือเป็นของยอดฝีมือที่ส่งไปคุ้มกันซ่งซู ทั้งห้าคนเดินทางไปยังเมืองหลวง ร่างกายไม่รู้ไปอยู่ที่ใดแล้ว กลับมาเพียงหัวคนเท่านั้น

ก่อนหน้านี้มีสารถีคนหนึ่งบังคับรถม้ามาจอดหน้าประตูจวนผู้ว่าการ ลากหีบใบหนึ่งลงมา บอกว่ามีคนให้นำของขวัญมาส่งยังจวนผู้ว่าการมณฑล

ทางนี้เปิดหีบออกดู ผู้ใดจะคาดว่าเป็นของขวัญเช่นนี้

“ฝีมือผู้ใด?” ฝ่าซือคนหนึ่งเอ่ยถามเสียงขรึม

เซวียเซี่ยวแค่นเสียง “ยังเป็นฝีมือผู้ใดไปได้เล่า มณฑลข้างเคียงกำลังข่มขู่พวกเราอยู่ ราชสำนักหยามหน้าคนผู้นั้นแล้ว คนผู้นั้นจึงเอาคืน โอหัง! ข้าอยากเห็นนักว่าพวกเจ้าจะโอหังไปได้อีกนานเพียงใด!”

ทางเขาได้รับราชโองการลับจากราชสำนักแล้ว ให้เตรียมระดมกำลังพลและหญ้าแห้งเสบียงกรัง เขาคือคนที่ทราบดีว่ามณฑลหนานโจวกำลังจะเผชิญเคราะห์หนักแล้ว

….

หุบเขาหิมะ ณ โรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้ง มีแขกกลุ่มหนึ่งพูดคุยกันพลางเดินเข้าสู่ด้านใน

ฉู่อันโหลวเถ้าแก่โรงเตี๊ยมยืนอยู่หน้าประตูโรงเตี๊ยมทอดสายตามองทิวทัศน์ภายในหุบเขา สายตามองตามกลุ่มแขกที่เดินเข้าสู่ด้านในไป ได้ยินรางๆ ว่าเอ่ยถึง ‘หมอผี’ ยืนอยู่ตรงนี้มาสักพักแล้วไม่ใช่ครั้งแรกเลยที่ได้ยินบทสนทนาประเด็นนี้ แขกที่เข้าไปก่อนหน้านี้ก็ดูเหมือนจะเอ่ยถึงหมอผีเช่นกัน

เมื่อแขกหายลับเข้าไปด้านใน เขากวักมือเรียกพนักงานคนหนึ่งเข้ามาหา เอ่ยถามว่า “เหตุใดข้าถึงได้ยินคนเอ่ยถึงหมอผี เกิดเรื่องใดขึ้นงั้นหรือ?”

พนักงานมึนงง “ไม่ทราบเลยขอรับ!”

ในเวลานี้เอง พนักงานคนหนึ่งที่ออกไปลาดตระเวนในหุบเขาเหินทะยานเข้ามา ร่อนลงบนบันไดแล้วรีบเดินเข้ามาจากด้านนอกโรงเตี๊ยม เข้ามารายงานว่า “เรียนเถ้าแก่ วังสวรรค์หมื่นวิมานประกาศตามหาหมอผีขอรับ”

ฉู่อันโหลวฉงน “ตามหาหมอผีไปทำไม? บุตรชายของทางนั้นพอหมอผีรักษาหายก็พาตัวไปแล้วมิใช่หรือ?”

พนักงานตอบว่า “กล่าวกันว่าองค์หญิงใหญ่แห่งจินโวผู้นั้นต้องพิษร้ายแรงจึงตามหาตัวหมอผีไปรักษา หากแจ้งเบาะแสช่วยตามหาตัวหมอผีได้จะมีรางวัลให้อย่างงามขอรับ”

“พิษร้ายงั้นหรือ?” ฉู่อันโหลวพึมพำพลางใคร่ครวญ

….

ณ จวนเจ้ากรมโยธาแห่งเมืองหลวงแคว้นฉี ก่าเหมี่ยวสุ่ยในชุดเสื้อคลุมกันลมที่เพิ่งกลับมาจากมณฑลหนานโจวเดินอาดๆ ตรงเข้าไป

ไม่จำเป็นต้องเข้าไปรายงานเป็นการเฉพาะ มีคนนำทางพาตรงเข้าไปหาถงโม่ด้านในทันที

ถงโม่ยืนอยู่ในลานเรือนโบกมือสื่อให้แขกสลายตัวไป เจ้าหน้าที่สามสี่คนที่ห้อมล้อมอยู่ขอตัวลาไปอย่างนอบน้อม ปล่อยให้ทั้งสองได้มีพื้นที่ส่วนตัว

ทั้งสองก็ไม่ได้สุภาพเกรงใจอันใดกัน ถงโม่เอ่ยว่า “ซ่งซูบุตรชายของซ่งจิ่วหมิงถูกลอบสั่งหารระหว่างเดินทางมาก ศีรษะถูกส่งไปถึงหน้าประตูบ้านของเซวียเซี่ยว”

ก่าเหมี่ยวสุ่ยพยักหน้ารับ “เรื่องนี้ข้าทราบระหว่างทางแล้ว”

ถงโม่กล่าวว่า “การเจรจากับทางสำนักเขามหายานเป็นอย่างไรบ้าง?”

ก่าเหมี่ยวสุ่ยตอบว่า “ไม่รับปากและไม่ปฏิเสธ เลี่ยงผ่านส่งๆ”

“ทำตัวเป็นต้นหญ้าไหวลู่ลมอีกรายแล้ว ยังคิดจะสังเกตการณ์อยู่ แต่การไม่ปฏิเสธก็นับเป็นเรื่องดี ขอเพียงเห็นท่าไม่ดี รอจนทางนั้นถูกทัพใหญ่เข้ากดดันกะต้องแปรพักตร์แน่!” ถงโม่หัวเราะหยัน จากนั้นลูบเคราเอ่ยว่า “ก่ากงกง เพิ่งจะได้รับมาว่าไห่หรูเยวี่ยของฝั่งจินโจวถูกพิษเข้าแล้ว ดูเหมือนทางไห่อู๋จี๋จะลงมือแล้ว”

ก่าเหมี่ยวสุ่ยกล่าวว่า “ทราบเรื่องแล้ว กำลังจะคุยเรื่องนี้กับท่านเจ้ากรม ไห่อู๋จี๋ลงมือแล้ว ทางฝั่งเราจะชักช้าต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องฉวยโอกาสจากสถานการณ์ ไม่จำเป็นต้องหลบๆ ซ่อนๆ อีกต่อไป ยังไม่ต้องเคลื่อนกำลังพลให้ส่งเสบียงกรังหญ้าแห้งไปก่อน เรื่องระดมกำลังกะเกณฑ์ไพร่พลควรขอราชโองการอย่างเป็นทางการจากฝ่าบาทได้แล้ว”

ถงโม่โบกมือเล็กน้อย มีคนนำม้วนฎีกามาส่งให้ถึงมือเขาทันที “กำลังจะเข้าวังไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทพอดี หากก่ากงกงไม่มีธุระใดก็ไปพร้อมกันเถอะ”

ก่าเหมี่ยวสุ่ยเบี่ยงกายให้ทาง ผายมือเชิญ

ทั้งสองเดินตามกันออกไป

….

ภายในวังหลวงที่ใหญ่โตโอ่อ่าดำทะมึนดูค่อนข้างอึมครึมของแคว้นจิ้น ไท่ซูสยงยกสองมือเท้าเอว ยืนอยู่หน้าแผนที่ฉบับหนึ่ง จ้องมองด้วยแววตาที่แปรเปลี่ยนสลับไปมา

ขันทีหน้าประตูผายมือเชิญ เซ่าผิงปอพยักหน้าพยักหน้าทักทายเล็กน้อย ยกเท้าเดินข้ามธรณีประตูเข้าไป เดินไปหยุดข้างกายไท่ซูสยงแล้วแสดงความเคารพ “ฝ่าบาท”

เรื่องที่เขาคาดไม่ถึงคือ คนผู้นี้กลับคาดเดาด้วยตัวเองได้อย่างแม่นยำว่าหนิวโหย่วเต้าอยู่ที่จินโจว ทำให้เขาตกใจขึ้นมาจริงๆ

หาได้ทราบไม่ว่าเซ่าผิงปอสงสัยอยู่แล้วว่าไท่ซูสยงจงใจปิดกั้นข่าวสารไม่ให้ตนรู้ว่าหนิวโหย่วเต้าอยู่ที่มณฑลจินโจว

แต่ความคิดของเซ่าผิงปอไม่ได้กลับสวนทางกับไท่ซูสยง เซ่าผิงปอคิดว่าไท่ซูสยงไม่อยากให้ตนสนใจเพียงความแค้นส่วนตัวเท่านั้น

“ในเมื่อเขาไม่มีทางอยู่เฉยเฝ้ารอความตาย เช่นนั้นตามความเห็นของเจ้าหนิวโหย่วเต้าคนนี้จะแก้ไขเรื่องนี้อย่างไร?” ไท่ซูสยงถาม

พอเห็นว่าอีกฝ่ายเมินเฉยต่อปัญหาที่ว่าหนิวโหย่วเต้าอยู่ในมณฑลจินโจวไป เซ่าผิงปอก็ยิ่งมั่นใจในข้อสันนิษฐานของตน หนิวโหย่วเต้าน่าจะอยู่ที่มณฑลจินโจวแล้ว

เขาชี้ไปที่แคว้นต่างๆ “มีความเป็นไปได้เพียงไม่กี่กรณี คงโน้มน้าวให้แคว้นเว่ย แคว้นฉี แคว้นหานและแคว้นซ่งเข้ามาสะกดข่มไว้ ราชทูตของแต่ละแคว้นก็อยู่ในจินโจวเป็นโอกาสเหมาะสำหรับเขาพอดี มีความเป็นไปได้อีกกรณีคือโน้มน้าวสามสำนักหลักของแคว้นเยี่ยนให้บังคับขัดขวาง แต่ความเป็นไปได้ในกรณีมีไม่มากพ่ะย่ะค่ะ ขอเพียงหนานโวอยู่ในมือแคว้นเยี่ยน ผู้ใดจะได้ไปครองก็ไม่กระทบต่อผลประโยชน์ของพวกเขา ครั้งนี้ซางเจี้ยนสยงน่าจะตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว หากว่าอำนาจอยู่กับทางฝั่งซางเจี้ยนสยง ซางเจี้ยนสยงก็ถูกลิขิตให้มีชัยแล้ว สามสำนักหลีกไม่มีทางขัดแย้งกับซางเจี้ยนสยง ได้แต่ทำหลับตาข้างลืมตาข้างไป”

“ส่วนทางแคว้นเว่ยกับแคว้นฉี หวาดระแวงในแคว้นจิ้นอยู่ เน้นวางกำลังป้องกันแคว้นจิ้น ประกอบกับมีการเพิ่มทหารเข้ามาในครานี้ อย่างมากทั้งสองแคว้นก็แค่ป่าวร้องไปเพียงปากเท่านั้น ไม่มีทางโยกย้ายกำลังทหารเคลื่อนพลไปจริงๆ ไม่มีทางขู่ขวัญแคว้นจ้าวได้ ตัดทิ้งไปได้เลย ส่วนแคว้นหาน ซางเจี้ยนสยงทราบชัดเจนว่ากำลังพิพาทขัดแย้งกับแคว้นหานอยู่แต่ก็ยังจะลงมือกับหนานโจว เห็นได้ชัดว่าเตรียมใจสำหรับรับมือไว้แล้ว ตัวเลือกที่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะมีอำนาจดข่มได้มากที่สุดก็เหลือเพียงแคว้นซ่งแล้ว หนิวโหย่วเต้าน่าจะคิดหาทางลากแคว้นซ่งเข้ามาเกี่ยวด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

ไท่ซูสยงร้องโอ้ “พอเอ่ยมาเช่นนี้ ในเมื่อมีแนวทางป้องกันแล้ว เราก็สามารถคิดหาทางขัดขวางไม่ให้เขาทำสำเร็จได้ ปล่อยให้หนานโจวถูกถล่มราบคาบเพื่อล้างแค้นแทนเจ้าได้พอดี!”

“ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!” เซ่าผิงปอห้ามทันที จากนั้นก็หันไปหาประสานมือเอ่ยว่า “พระเมตตาของฝ่าบาท กระหม่อมขอน้อมรับ เรื่องนี้หากแตะต้องเพียงน้อยก็กระทบเป็นวงกว้าง งานใหญ่ของทางฝ่าบาทเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น ก่อนที่จะจัดเตรียมกำลังทหารให้พร้อมพิชิตตะวันออกจนได้แคว้นเว่ยและแคว้นฉีมาครอง ไม่อาจปล่อยให้สี่แคว้นตะวันตกมีโอกาสแข็งแกร่งขึ้นมาได้ จะปล่อยให้พวกเขาคนใดผนวกดินแดนรวมเป็นปึกแผ่นไม่ได้ต้องคงสภาวะที่แตกแยกกระจัดกระจายดั่งเม็ดทรายเช่นนี้เอาไว้ ย่อมเป็นประโยชน์สูงสุดเมื่อฝ่าบาทบุกพิชิตในภายภาคหน้าพ่ะย่ะค่ะ!”

ไท่ซูสยงมองเขาแล้วพยักหน้าถี่ๆ เอ่ยด้วยสีหน้าชื่นชม “วีรบุรุษย่อมมองโลกในมุมเดียวกัน!”

ไหนเลยจะทราบว่าเซ่าผิงปอคิดอยากฉวยโอกาสเข้าแทรกแซงให้มณฑลหนานโจวย่อยยับจริงๆ หากว่าที่นี่คือมณฑลเป่ยโจวของเขา เขาต้องทำเช่นนี้แน่นอน

ในมุมมองของตัวเขา หนิวโหย่วเต้าคนนั้นอันตรายกว่ามณฑลหนานโจวมากนัก แต่ด้วยทรัพยากรของแคว้นจิ้นไม่เอื้อยให้เขาดำเนินการล้างแค้นส่วนตัวได้

ประเด็นหลักคือหนิวโหย่วเต้าเป็นคนที่สร้างเรื่องน่าแปลกใจได้เสมอ ต่อให้เข้าแทรกแซงก็ยังไม่แน่ว่าจะขัดขวางได้ ไม่มีใครรู้ว่าหนิวโหย่วเต้าจะลงมืออย่างไร หากแตะแต่ทรัพยากรแคว้นจิ้นแล้วไม่เป็นผลใดๆ ขึ้นมา มิใช่เรื่องดีสำหรับผู้มาใหม่อย่างเขาเลย จะถูกคนเขาวิจารณ์เสียหายได้ง่ายๆ การที่เขาเพิ่งมาถึงก็ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาททำให้มีคนมากมายไม่พอใจขึ้นมาแล้ว

หากต้องการกำจัดภัยร้ายในภายหน้าให้เด็ดขาด มิสู้ขอให้ทางแคว้นจิ้นส่งยอดฝีมือไปพยายามกำจัดหนิวโหย่วเต้าทุกวิถีทางจะดีกว่า แต่การล้างแค้นในเรื่องส่วนตัวเช่นนี้เขาพูดออกไปไม่ได้

ช่วงแรกยังลงหลักปักฐานได้ไม่มั่นคง มีหลายเรื่องที่ไม่สะดวกจะลงมือ

ประกอบกับสงสัยว่าไท่ซูสยงกำลังหยั่งเชิงอยู่ เขาจึงทำได้เพียงแสดงท่าทีใส่ใจรูปการณ์โดยรวมของแคว้นจิ้นมากกว่า

…………………………………………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า