ตอนที่ 567 คลื่นใต้น้ำ
ณ วังหลวงอันยิ่งใหญ่ คณะขุนนางกลุ่มหนึ่งอยู่ภายในห้องอักษร
ไห่อู๋จี๋ที่แต่งตัวพิถีพิถันตั้งแต่หัวจรดเท้ามีสีหน้าเย็นชา ยืนยกมือไพล่หลัง หันหลังให้โต๊ะทำงาน เผชิญหน้ากับเหล่าขุนนางใหญ่
จู่ๆ มณฑลจินโจวก็เป็นฝ่ายประกาศข่าวที่ไห่หรูเยวี่ยต้องพิษออกมาเอง ทำให้ทางนี้ค่อนข้างตั้งตัวไม่ถูกจริงๆ ล้วนคิดว่าวังสวรรค์หมื่นวิมานไม่น่าจะทำเช่นนี้ กำลังช่วยกันไตร่ตรองถึงเจตนาของทางมณฑลจินโจวอยู่
“ไทเฮาเสด็จ!” ขันทีที่เฝ้าอยู่ด้านนอกพลันร้องประกาศเสียงแหลม คล้ายจะแจ้งเตือนคนด้านใน
เหล่าขุนนางหันมองไปทางประตู สตรีสูงวัยแต่งคนหนึ่งที่แต่งตัวสง่างามสูงศักดิ์ปรากฏตัวขึ้นหน้าประตู ใบหน้าอิ่มเอิบมีราศี ถึงแม้จะชราวัยแล้ว แต่เค้าความงามในช่วงอ่อนวัยรุ่งโรจน์ยังคงฝงอยู่ในความหรูหรามั่งคั่ง เป็นซางโยวหลานไทเฮาแห่งแคว้นจ้าวนั่นเอง
ถวายพระพรไทเฮา!“ เหล่าขุนนางค้อมกายทำความเคารพ
“เสด็จแม่!” ไห่อู๋จี๋รีบเดินไปที่หน้าประตู ประคองแขนผู้เป็นมารดาเข้าสู่ด้านในอย่างอ่อนน้อม
“ไม่ได้มารบกวนการหารือเรื่องบ้านเมืองของพวกเจ้ากระมัง?” ซางโยวหลานเอ่ยถาม
ไห่อู๋จี๋ตอยด้วยรอยยิ้ม “ไม่เลยพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว” ซางโยวหลานพยักหน้ารับ กวาดตามองทุกคน ค่อยๆ เปล่งน้ำเสียงที่แฝงอำนาจกดดันยากจะปกปิดไว้ได้ออกมา “ข้ามีเรื่องจะคุยกับฝ่าบาท ทุกท่านโปรดถอยออกไปก่อนเถิด”
มารดามีเกียรติเพราะบุตรชาย เป็นคำอธิบายเด่นชัดไร้ข้อกังขาในเวลานี้
ไห่อู๋จี๋ก็โบกมือไล่ทุกคนออกไปทันที ท่าทางกตัญญูเชื่อฟังอย่างยิ่ง
“พ่ะย่ะค่ะ!” เหล่าขุนนางค้อมคำนับรับบัญชา พากันถอยออกไปกันจนหมด
ขันทีแก่ชราคนหนึ่งที่ผมหงอกขาวหลังโก่งค่อม สองเนตรฝ้าฟาง ดูแก่ชราจนแม้แต่เดินก็ยังไม่มั่นคงแล้ว เตรียมถอยออกไปเช่นกัน
คนผู้นี้ก็คือจูเก๋อฉือผู้ดูแลทั่วไปประจำวังหลวง
ซางโยวหลานเอ่ยรั้งเขาไว้ “เหล่าจูเก๋อ เจ้าไม่ต้องไป มีเรื่องที่อยากจะขอคำตัดสินจากเจ้าอยู่”
จูเก๋อฉือหยุดเท้า เงยหน้ามองท่าทีของไห่อู๋จี๋
ไห่อู๋จี๋เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เสด็จแม่ มีเรื่องใดต้องตัดสินกัน ผู้ใดทำให้ท่านขุ่นเคืองหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
สีหน้าโกรธเคืองคับข้องพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซางโยวหลาน “เจ้าคิดจะปิดบังแม่ไปถึงเมื่อไร?”
ไห่อู๋จี๋ตระหนักถึงเรื่องร้ายบางอย่างได้แล้ว แต่แสร้งทำเป็นแปลกใจ “ไยเสด็จแม่ตรัสเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ?”
ซางโยวหลานเอ่ยด้วยความโกรธ “แม่ขอถามเจ้าว่าเรื่องที่หรูเยวี่ยต้องพิษใช่ฝีมือของเจ้าหรือไม่?”
สีหน้าไห่อู๋จี๋ตึงขึ้นมาเล็กน้อย นึกโมโหอยู่ในใจ ตั้งใจปกปิดเสด็จแม่เอาไว้แล้วแท้ๆ ไม่รู้ว่าเป็นไอ้อีปากเปราะคนใดที่ห้ามปากไม่อยู่ ประเดี๋ยวเขาจะต้องสืบหาตัวมา
เขาฝืนแก้ต่างให้ตัวเอง “เสด็จแม่ไปได้ยินข่าวลือนี้มาจากที่ใดพ่ะย่ะค่ะ?”
ซางโยวหลานส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง “ก่อนหน้านี้เจ้ามาถามหาของใช้วัยเด็กของหรูเยวี่ยจากแม่ แม่ก็รู้สึกแปลกใจอยู่แล้ว เจ้ายังคิดจะหลอกแม่อีกหรือ? แม่ยังไม่แก่จนเลอะเลือนปานนั้น! นางคือน้องสาวแท้ๆ เพียงคนเดียวของเจ้านะ ไยเจ้าถึงหักใจลงมือโหดเหี้ยมเช่นนี้ได้?”
ไห่อู๋จี๋พลันมีสีหน้าเย็นชา เงียบอยู่พักหนึ่งถึงเอ่ยเนิบๆ ว่า “เสด็จแม่ ลูกเองก็มีความลำบากใจของลูกอยู่เช่นกัน”
“ลำบากหรือ? แม่รู้ถึงความลำบากของเจ้าดี” ซางโยวหลานตบอก เอ่ยอย่าสะเทือนอารมณ์ “เจ้าขึ้นปกครองแคว้น ต้องสละส่วนน้อยเพื่อดูแลส่วนมากแม่รู้ดีทั้งสิ้น เจ้าต้องการบีบให้ครอบครัวน้องสาวเจ้าล่มจมแม่ก็ทำเป็นหลับตาข้างลืมตาข้าง เจ้าต้องการจินโจวก็เชิญไปยึดได้เต็มที่เลย แต่เหตุใดถึงต้องเล่นงานนางจนถึงชีวิตด้วย ไว้ชีวิตนางไม่ได้เชียวหรือ?”
“หรือต้องให้นางตายไปเจ้าถึงจะพอใจ? สมัยเป็นตัวประกันอยู่ที่แคว้นเยี่ยน เพื่อปกป้องตัวเองตัวผลักไสนางออกไปให้คนอื่นเพื่อเอาใจคนเขา เจ้าคิดว่าแม่ไม่รู้งั้นหรือ? แม่แค่ไม่พูดออกมาก็เท่านั้น นางรับความอัปยศคับข้องเพื่อเจ้ามามากเพียงใดแล้ว? หากมิใช่เพราะซางเจี้ยนปั๋วหลานชายคนนั้นของแม่ช่วยปกป้องนางไว้ก็คง…หลังจากเจ้ากลับคืนแคว้นขึ้นครองราชย์ เพื่อจะรั้งเซียวหวงไว้ เจ้าได้บังคับให้นางออกเรือนไปกับบุตรชายอมโรคของเซียวหวงอีก เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่านางต้องทุกข์ใจเพียงใด? ”
“เป็นเจ้าเองที่ผลักไสให้นางต้องมาถึงวันนี้ ตอนนี้กลับมาชิงชังว่านางขวางทางซ้ำยังลงมือกับนางอย่างโหดเหี้ยม เจ้าทำลงไปได้อย่างไร! เจ้าจะให้คนทั่วหล้ามองผู้เป็นมารดาอย่างข้าเช่นไรกัน เจ้าจะให้คนทั่วหล้ามองเจ้าอย่างไรกัน! แค่เหลือทางรอดไว้ให้นางบ้างก็ไม่ได้เลยงั้นหรือ?”
ไห่อู๋จี๋ถูกด่าว่าก็อับอายจนพาลโกรธ คุมสีหน้าไม่ค่อยอยู่แล้ว เอ่ยเสียงเข้ม “เสด็จแม่ ในเส้นทางนี้ท่านเผชิญความคับข้องหมองใจมามากมายปานใด อดทนต่อความขมขื่นมามากขนาดไหน น่าจะเข้าใจคำว่า ‘ไม่มีทางเลือก’ ดียิ่งกว่าผู้ใดนะพ่ะย่ะค่ะ! รูปการณ์ของใต้หล้านี้ถูกจัดวางไว้โดยใครบางคน ทำให้คนในใต้หล้าต้องฟาดฟันกันไม่หยุดยั้ง! สำหรับแต่ละแว่นแคว้นแล้ว ล้วนอยู่ในสถานการณ์คล้ายแล่นเรือทวนกระแสน้ำ ไปไม่ได้ก็ต้องถอย ไม่ว่าผู้ใดต่างเป็นกังวลไม่มั่นคง ผู้ใดกล้ารักสงบผู้นั้นก็ต้องล่มจม มีเพียงแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ มีเพียงแข็งแกร่งขึ้นมากพอถึงจะสามารถต้านคลื่นมรสุมอย่างมั่นคงไดด้ เสด็จแม่ แคว้นจ้าวไม่เหลือทางถอยแล้ว ลูกไม่มีทางถอยแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
เขาสะบัดแขนชี้ไปทางด้านหลัง ประโยคสุดท้ายดังก้อง
….
ภายในโถงองอาจ หน้าแผนที่ที่แขวนกางไว้ เหมิงซานหมิงบนรถเข็นและซางเฉาจงกำลังชี้ตำแหน่งแผนที่หารือกันอยู่
เหมิงซานหมิงอยู่ในท่านั่งค่อนข้างอยู่ต่ำ ในมือถือไม้เรียวก้านหนึ่งไว้สำหรับชี้จุดบนแผนที่
สำนักเขามหายานเพิ่งย้ายเข้ามาไม่เหมาะจะปิดบังทางฝั่งนี้ ได้แจ้งเรื่องก่าเหมี่ยวสุ่ยให้ทราบแล้ว อีกทั้งอยู่ในแคว้นเยี่ยนทางนี้ก็หาใช่คนหูหนวกตาบอดไม่ ราชสำนักเริ่มระดมกำลังไพร่พลและเสบียงกรังแล้ว ประกอบกับฟางเจ๋อที่อยู่ทางมณฑลจินโจวได้แจ้งข่าวเรื่องไห่หรูเยวี่ยต้องพิษให้ทราบก่อนแล้ว
ทางนี้จะไม่ทราบได้อย่างไรว่ามรสุมกำลังจะมาเยือนแล้ว รีบเตรียมการรับมือกันอย่างรวดเร็ว
มีการเรียกตัวเจ้าหน้าที่ถ่ายทอดคำสั่งเข้ามาในโถงองอาจเป็นระยะ เพื่อถ่ายทอดคำสั่งโยกย้ายกำลังทหารในเขตพื้นที่ต่างๆ
หลานรัวถิงรีบเดินเข้ามา รอจนเจ้าหน้าถ่ายทอดคำสั่งออกไปแล้วถึงได้แจ้งว่า “ท่านอ๋อง แม่ทัพเหมิง เต้าเหยี่ยตอบกลับมาแล้ว บอกว่าพวกเราไม่จำเป็นต้องลนลาน แจ้งว่าเรื่องไห่หรูเยวี่ยต้องพิษเขาสั่งให้วงสวรรค์หมื่นวิมานประกาศออกไปเอง พวกเราไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องนี้ ทางฝั่งหนานโจวควรจัดการอย่างไรก็ให้จัดการไปตามสมควร จัดเตรียมกำลังทหารพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉินก็พอ ทางจินโจวมีเขาประจำการอยู่ เกิดเรื่องใดขึ้นจะส่งข่าวแจ้งทางนี้อย่างทันท่วงที”
เหมิงซานหมิงพยักหน้ารับ “เต้าเหยี่ยมีแผนการอยู่ในใจก็ดีแล้ว”
….
“ไห่หรูเยวี่ยต้องพิษในช่วงเวลานี้งั้นหรือ?”
ณ สำนักเขามหายาน ภายในโถงหลัก หวงเลี่ยจ้องมองรูปสลักปฐมบรรพจารย์ที่จัดทำขึ้นใหม่พลางเอ่ยกับตัวเอง
ผู้อาวุโสหลายคนที่อยู่ด้านหลังเวียนกันอ่านจเหมายลับที่ส่งมา แต่ละคนมีสีหน้าตึงเครียด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า