ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 568

สรุปบท ตอนที่ 568 คนของหมอผี: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ตอนที่ 568 คนของหมอผี – ตอนที่ต้องอ่านของ ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ตอนนี้ของ ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 568 คนของหมอผี จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 568 คนของหมอผี

วิหคยักษ์กางปีกกว้างใหญ่ค่อยๆ โฉบวนแล้วร่อนลงในสวนบุปผาอย่างช้าๆ ศิษย์จำนวนมากจากวังสวรรค์หมื่นวิมานก็เริ่มไปรวมตัวป้องกันทางสวนบุปผาแล้ว

ผู้มาเยือนนิ่งสุขุม ไม่ปรากฏความเป็นปรปักษ์ใดๆ ทางนี้จึงไม่บุ่มบ่ามสร้างความวุ่นวายเช่นกัน

คนที่สามารถใช้วิหคพาหนะได้จะใช่คนธรรมดาทั่วไปหรือ? จึงไม่กล้าผลีผลามเช่นกัน

เมื่อวิหคร่อนแตะพื้นก็หุบปีก ชายหนุ่มกระโดดลงมายังพื้น ท่วงท่ายามกระโดดลงพื้นทำให้เหล่าศิษย์วังสวรรค์หมื่นวิมานมองหน้ากัน มองจากท่าทางแล้วดูเหมือนผู้มาเยือนจะไม่มีพลังสภาวะใดๆ เลย

“เจ้าเป็นใคร?” ศิษย์กลุ่มหนึ่งปราดเข้ามาอย่างรวดเร็ว ต่างชักกระบี่จ่อชี้ไปตรงหน้าอีกฝ่ายอย่างพร้อมเพรียง

ชายหนุ่มมองคมกระบี่ล้ำค่าที่อยู่เบื้องหน้า เอ่ยตอบเสียงเรียบนุ่มทุ้ม “ข้าเป็นผู้ใดไม่สำคัญ หากต้องการให้ข้าไป ข้าก็จะไปเดี๋ยวนี้”

“เจ้าคือ…” มีศิษย์คนหนึ่งดูเหมือนจะจดจำผู้มาเยือนได้ พลันโบกมือด้วยความตกใจพลางเอ่ยว่า “ลดมือลง รีบลดกระบี่ลง!”

วิหคยักษ์มิใช่พาหนะที่คนธรรมดาจะมีไว้ใช้งานได้ เสียงเอะอะจากการมาถึงของอีกฝ่ายได้ล่วงรู้ถึงหูคณะผู้อาวุโสแห่งวังสวรรค์หมื่นวิมานที่อยู่ในจวนแล้ว พวกซือถูเย่าจึงรีบมายังทางนี้

ยังไปไม่ถึงสวนบุปผาก็มีศิษย์ทะยานออกมาจากสวนบุปผาขวางหน้าพวกเขาไว้ เอ่ยด้วยสีหน้าเจือความดีใจและรีบร้อนลนลาน “เจ้าสำนัก คนของหมอผีมาแล้วขอรับ!”

พวกซือถูเย่าล้วนผงะงัน ค่อนข้างไม่อยากจะเชื่อ

หลีอู๋ฮวาที่มีสีหน้าซูบเซียวเอ่ยด้วยความสะเทือนอารมณ์ “พูดจาซี้ซั้ว เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าผู้มาเป็นคนของหมอผี?” เขาก็ไม่กล้าเชื่อข่าวดีนี้เช่นกัน

ฝ่ายศิษย์ตอบว่า “อาจารย์ พวกเราเคยพบมาแล้วขอรับ เคยพบมาก่อนตอนที่คุณชายใหญ่ถูกหมอผีพาตัวจากไปหน้าประตูใหญ่ เป็นบุรุษผู้นั้นที่ติดตามหมอผีมา ท่านก็เคยพบเขาแล้ว ไม่ผิดแน่ขอรับ เป็นเขาจริงๆ”

หลีอู๋ฮวาสั่นสะท้านไปทั้งกายา ชื่อเสียงลือเลื่องของบุคคลดั่งเงาทอดใต้ร่มไม้ หมอผีขึ้นชื่อลือชาว่ารักษาได้ทุกอาการ ทำให้เขามองเห็นความหวังขึ้นมา

เขาไม่สนใจกฎเกณฑ์ใดๆ อีกทั้งไม่สนใจประมุขที่อยู่ข้างกายแล้ว หลีอู๋ฮวาพุ่งทะยานออกไปคนเดียว มุ่งหน้าไปยังสวนบุปผา

พวกซือถูเย่ามองหน้ากัน ไม่ใส่ใจความเสียมารยาทของหลีอู๋ฮวา เนื่องจากพอจะเข้าใจความรู้สึกได้ ต่างพากันทะยานตามไป

เพิ่งมาถึงทางเข้าสวนบุปผา ก็มองเห็นศิษย์กลุ่มหนึ่งเดินออกมาพร้อมกับชายหนุ่มชุดขาวคนหนึ่งด้วยท่าทางระแวดระวัง รูปลักษณ์ล่องลอยพิสุทธิ์หลุดพ้นโลกีย์ แฝงบุคลิกสง่างามเย็นชาบางอย่างที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้

พอหลีอู๋ฮวาได้พบก็ปรีดานัก ใช่เขาจริงๆ ไม่ผิดเลย เป็นคนผู้นั้นที่ติดตามข้างกายหมอผีจริงๆ

เขาควบคุมความปรีดาอย่างบ้าคลั่งไม่อยู่ สาวเท้าวิ่งเข้าไปหาแล้วค้อมกายคำนับเต็มพิธี “ไม่ทราบว่าท่านหมอจะมาเยือน หากเสียมารยาทไปโปรดให้อภัยด้วย”

พวกซือถูเย่าที่ตามหลังมามองพินิจชายหนุ่มผู้นี้

ฝ่ายชายหนุ่มเอ่ยว่า “ทุกคนล้วนไม่รู้จักหน้าค่าตา ไม่อาจกล่าวเรื่องเสียมารยาทอันใดได้”

ซือถูเย่าเดินเข้ามา ประสานมือกล่าวว่า “ข้าพเจ้าคือซือถูเย่าประมุขวังสวรรค์หมื่นวิมาน ขอบังอาจถามถึงชื่อเสียงเรียงนามของท่าน เกี่ยวข้องกับหมอผีเช่นใดหรือ?”

“ไปดูอาการผู้ป่วยเถอะ!”

คล้ายว่าชายหนุ่มไม่อยากคุยจุกจิกให้มากความอีก พอเอ่ยจบก็เดินผ่านไปด้วยสีหน้าราบเรียบเฉยเมย เดินผ่านหน้าซือถูเย่าไปเช่นนี้

ประมุขผู้ทรงเกียรติแห่งวังสวรรค์หมื่นวิมานกลับถูกมองข้ามไปเสียแล้ว ซือถูเย่ารู้สึกขายหน้าขึ้นมา จนปัญญาว่าถึงมีโทสะก็ไม่อาจแสดงออกมาได้

“ขอรับๆๆ!” หลีอู๋ฮวาตอบรับรัวเร็ว ไม่ทันใส่ใจตระหนักรู้เลยว่าศิษย์พี่ประมุขเสียหน้าแล้ว พยักหน้ารับค้อมกายให้เล็กน้อยแล้วเดินนำทางอยู่ด้านหน้า

กลุ่มคนที่อยู่รอบข้างลอบสังเกตปฏิกิริยาของซือถูเย่าเงียบๆ

ซือถูเย่าเอ่ยอย่างสุขุม “บุคลิกท่าทีสมเป็นผู้ทรงภูมิ แต่ดูอายุน้อยไปหน่อย ไม่ทราบเช่นกันว่าจะมีทักษะการแพทย์อันเลิศล้ำอยู่จริงหรือไม่” เขาโบกมือเล็กน้อย พาทุกคนตามไปอีกครั้ง…

มีเสียงเคาะประตูแว่วขึ้นสองที จากนั้นประตูก็ถูกผลักเปิดอย่างเร่งร้อน

หนิวโหย่วเต้าที่นั่งสมาธิบำเพ็ญเพียรอยู่บนเตียงลืมตาขึ้นมาด้วยความตกใจ พอเห็นว่าเป็นก่วนฟางอี๋ที่เดินเข้ามาอย่างเร่งร้อนก็ค่อยๆ กดฝ่ามือเก็บลมปราณ เอ่ยถาม “ฟ้าจะถล่มหรือไร รีบร้อนอันใดกัน?”

ก่วนฟางอี๋เอ่ยแจ้วๆ ว่า “รีบเข้าเถอะ ไปดูกันเร็ว เข้าแพร่ข่าวไปถึงหมอผีเข้าแล้วจริงๆ ได้ยินว่าคนของหมอผีมาแล้ว”

“คนของหมอผีงั้นหรือ?” หนิวโหย่วเต้าผงะไป จากนั้นก็หยิบกระบี่ที่อยู่ข้างๆ มาถือ ลงจากเตียงแล้วรีบเดินออกไป

เมื่อทั้งสองมาถึงลานเรือนส่วนในก็เห็นหลีอู๋ฮวาที่มีสีหน้าพินอบพิเทาเดินนำทางชายหนุ่มชุดขาวที่สง่างามเป็นอย่างยิ่งเข้ามา มีพวกซือถูเย่าตามหลังมาด้วย

หนิวโหย่วเต้าทะยานเข้าไปขวางหน้า ยันกระบี่ไว้กับพื้น ขวางทางเดินไว้ ทำให้ทั้งกลุ่มต้องหยุดลงชั่วคราว

“น้องหนิว เจ้าจะทำอะไร?” หลีอู๋ฮวาแปลกใจ

หนิวโหย่วเต้าจ้องมองชายหนุ่มแปลกหน้า เอ่ยถามเสียงเรียบ “ได้ยินว่าคนของหมอผีมาถึงแล้วหรือ?”

“ใช่!” หลีอู๋ฮวาผายมือแนะนำ “เป็นท่านผู้นี้”

หนิวโหย่วเต้าถาม “ผู้อาวุโสหลีแน่ใจหรือ?”

ใช่ว่าเขาอยากหาเรื่องอีกฝ่าย แต่หากว่าเป็นคนที่มีจิตคิดไม่ซืออันใดขึ้น ทางไห่หรูเยวี่ยคงไม่มีแม้แต่โอกาสรอดแล้ว

“ท่านหมอเคยมาพร้อมกับหมอผี ข้าเคยพบมาแล้ว” หลีอู๋ฮซ่ากล่าวพลางรีบดึงเขาให้หลบทางไป ท่าทางคล้ายจะตำหนิว่าหนิวโหย่วเต้าเรื่องมาก

เคยพบแล้วงั้นหรือ? หนิวโหย่วเต้าพูดไม่ออกเลย ไม่คิดเลยเช่นกันว่าคนของฝั่งหมอผีที่มิใช่ตัวหมอผีเองจะมาปรากฏตัวที่นี่อีกเป็นครั้งที่สอง กล่าวเช่นนี้คือ เจตนาดีของตนกลับทำให้เสียเรื่องแล้ว

เขาประประสายมือกุมกระบี่เอ่ยไปว่า “ล่วงเกินแล้ว ข้าพเจ้าหนิวโหย่วเต้า ขอบังเรียนถามนามของท่าน…”

ปลายนิ้วชีปรากฏสีเลือดทว่าไม่มีเลือดไหลออกมา เห็นได้ชัดว่าเลือดลมของไห่หรูเยวี่ยขาดพร่องไปอย่างร้ายแรงมาก

สุดท้ายเขาก็ฝืนบีบเค้นจนมีเลือดหยดหนึ่งไหลลงไปผสมในถ้วยน้ำ จากนั้นก็ให้นำน้ำสะอาดอีกถ้วยเข้ามา บังคีบเค้นโลหิตให้หยดผสมลงในถ้วยอีกครั้ง

ชายหนุ่มปล่อยมือของไห่หรูเยวี่ยแล้วเปิดขวดสีขาวออก หยิบช้อนไม้สีขาวคันเล็กๆ ที่อยู่ในขวดออกมา ตักผงสีขาวขึ้นมาเล็กน้อยเทใส่ในถ้วยน้ำใบหนึ่ง

เขาจ้องมองน้ำในถ้วยอยู่พักหนึ่ง เมื่อเห็นความผิดปกติใดๆ ชายหนึ่งโบกมือสื่อให้หยิบออกไป จากนั้นยกอีกถ้วยเข้ามาแล้วเปิดขวดสีดำตักผงสีเขียวใส่ลงไปในถ้วยน้ำเล็กน้อย

เห็นได้ชัดว่าสมาธิของเขาจดจ่อกับการทำสิ่งเหล่านี้ คล้ายจะไม่ได้รับผละกระทบใดๆ จากรอบข้างเลย

หลีอู๋ฮวาถือถ้วยน้ำไว้ด้วยสองมือค้อมตัวเล็กน้อยท่าทีจริงจังมากเช่นกัน คอยให้ความร่วมมือกับทุกขั้นตอนของอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง ราวกับกำลังรับใช้บรรพบุรุษของตนอยู่ก็มิปาน

จากนั้นสีหน้าของคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงไป เห็นเพียงว่าหลังจากใส่ผงสีเขียวลงไปในน้ำ สีสันของน้ำในถ้วยก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป ค่อยๆ ปรากฏสีแดงฉานผสมอยู่ในน้ำ

ทุกคนล้วนจ้องมองไปทางชายหนุ่มต่อ เฝ้ามองท่าทีของเขา

ชายหนุ่มพนักหน้านิดๆ เอ่ยขึ้นว่า “ถูกพิษของกุมารแดงเข้าแล้ว” จากนั้นก็โบกมือให้ยกน้ำออกไปไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว

พอเอ่ยประโยคนี้ออกมา มีหลายคนที่ประหลาดใจ ซือถูเย่าและหนิวโหย่วเต้าก็มองหน้ากัน

ก่อนหน้านี้ทางนี้พอจะทราบแล้วว่าถูกพิษกุมารแดงเข้า ทราบเพราะหนิวโหย่วเต้าไปสอบถามมาได้ เริ่มแรกไม่มีผู้ใดตรวจสอบพบทั้งสิ้น อีกทั้งไม่เคยได้ยินเรื่องพิษ ‘กุมารแดง’ มาก่อน แต่พบคนผู้นี้ลงมือตรวจอาการ ใช้เวลาครู่เดียวก็วินิจฉัยได้แล้ว เหนือชั้นกว่าชาววังสวรรค์หมื่นวิมานกลุ่มนี้มากโข

ในใจของทุกคนต่างรู้สึกตื่นเต้น หมอผีมีชื่อเสียงสมคำร่ำลือนัก แม้กระทั่งคนข้างกายที่ถูกส่งตัวมาก็ยังมีฝีมือขนาดนี้

หลีอู๋ฮวาทั้งตื่นเต้นและมีความหวังขึ้นมา เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ท่านหมอสามารถแก้พิษได้หรือไม่?”

ทางชายหนุ่มเก็บข้าวของที่นำออกมาลงในเข่งไม้ไผ่ให้เรียบร้อยพลางคอยว่า “ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อันใด”

ทุกคนพูดไม่ออกยิ่งกว่าเดิม ปัญหาใหญ่ขนาดนี้ยังไม่ใช่ปัญหาใหญ่อันใดอีกหรือ?

หลีอู๋ฮวาดีใจจนแทบคลั่งแล้ว โค้งคำนับกล่าวไปว่า “ขอร้องท่านหมอโปรดช่วยรักษาด้วยเถิด ขอเพียงท่านหมอ…”

ชายหนุ่มลุกขึ้นมา “ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องพวกนี้ ข้ามาก็เพื่อทำการรักษา หากไม่รักษาก็คงไม่มา มามุงกันอยู่ที่นี่ทำไม รบกวนข้า ถอยออกไปให้หมดซะ” เขาหันไปชี้ไห่หรูเยวี่ยที่อยู่บนเตียง “แบกคนไปที่ห้องครัว”

กลุ่มคนที่กำลังทยอยถอยออกไปพอได้ยินก็หันกลับมามอง ล้วนคิดว่าตนฟังผิดไป

“ห้องครัวหรือ?” หลีอู๋ฮวาผงะไป “ท่านหมอบอกให้พาคนไปที่ห้องครัวหรือ”

ชายหนุ่มตอบอืม ก้มตัวลงไปยกเข่งไม้ไผ่ขึ้นมา “เตรียมไม้กระดานรองเตียงแผ่นหนึ่งที่ค่อนข้างบางมา เอาผ้าห่มมาด้วยหนึ่งผืน ยกไปที่ห้องครัวพร้อมกัน อย่าให้กลุ่มคนไร้หน้าที่มามุงล้อมอีก”

……………………………………………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า