สรุปตอน ตอนที่ 570 อู๋ซิน – จากเรื่อง ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า โดย Internet
ตอน ตอนที่ 570 อู๋ซิน ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 570 อู๋ซิน
“รักษาเรียบร้อยแล้ว ดีขึ้นแล้วจริงๆ ขอรับ บอกว่าอีกสามวันก็ลงจากเตียงได้แล้ว” หลีอู๋ฮวาอธิบายอย่างเร่งร้อนประโยคหนึ่ง จากนั้นรีบลากตัวสาวใช้ที่เพิ่งออกมาจากด้านหลัง เอ่ยกำชับไปตามคำสั่งของผู้เป็นหมอ
แค่นี้ก็เริ่มดีขึ้นแล้วงั้นหรือ? ทุกคนมองกันไปมองกันมา ต่างชื่นชมอยู่ในใจ สมกับที่เป็นคนของหมอผี
หนิวโหย่วเต้าสังเกตเห็นคราบน้ำหน้าที่ยังตกค้างอยู่บนหน้าหลีอู๋ฮวา
รอจนหลีอู๋ฮวาเอ่ยสั่งการสาวใช้เสร็จ ซือถูเย่าถามขึ้นมาอีก “ผู้ที่อยู่ด้านในเกี่ยวข้องกับหมอผีอย่างไร?”
พอหลีอู๋ฮวาได้ยินก็ตอบอย่างเคร่งขรึมว่า “เป็นศิษย์ของหมอผีขอรับ”
ศิษย์ของหมอผีงั้นหรือ? ทุกคนพลันเลื่อมใสขึ้นมา ลูกน้องของหมอผีกับลูกศิษย์ของหมอผีย่อมต่างกันอย่างแน่นอน อยู่ในโลกบำเพ็ญเพียรมานานหลายปีไม่เคยได้ยินว่าหมอผีมีลูกศิษย์อันใดอยู่ มีเพียงตัวปลอมที่ทางนี้อุปโลกน์ขึ้น แต่ตอนนี้ศิษย์ของหมอผีกลับปรากฏตัวขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว พวกเขาได้พบแล้ว
หนิวโหย่วเต้ายันกระบี่ด้วยมือหนึ่ง ส่วนอีกมือลูบปลายคาง เขาเคยส่งคนมาปลอมตัวเป็นศิษย์ของหมอปี ไม่คิดเลยว่าหนนี้จะได้พบศิษย์หมอผีตัวจริงเสียงจริงเข้าแล้ว
ไม่นานนัก ทารกน้อยที่สลบอยู่ถูกอุ้มมาถึงแล้ว หลีอู๋ฮวาไม่สนใจทุกคนอีก รีบตามเข้าไปในห้องครัวอีกครั้ง จากนั้นประตูก็ปิดลง…
ชายหนุ่มที่อยู่ในห้องครัวตรวจอาการทารกในห่อผ้ารอบหนึ่ง สีหน้าดูเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อย “หากช้าไปอีกสองวันเกรงว่าคงไม่ทันแล้ว”
“ถึงมือท่านหมอข้าก็เบาใจแล้ว” หลีอู๋ฮวาเอ่ยเยินยอ คาดหวังตั้งตารอ
ชายหนุ่มสั่งผู้ช่วยภายในห้องครัวเตรียมการทันที ไม่จำเป็นต้องใช้หม้อสามใบอีก เพียงใบเดียวก็พอแล้ว
แต่ระหว่างขั้นตอนการรักษา ชายหนุ่มดูจริงจังระมัดระวังมากกว่าตอนรักษาไห่หรูเยวี่ยอย่างเห็นได้ชัด ทารกที่เพิ่งถือกำเนิดได้ไม่นานเปราะบางมากจริงๆ
แต่เด็กน้อยคนนี้อยู่ในอาการหมดสติ ต่อให้ไม่ต้องควบคุมก็ไม่ร้องอยู่แล้ว…
คนที่รออยู่ด้านนอก บางส่วนแยกย้ายกันไปทำงานแล้ว บางส่วนเดินกลับไปกลับมาภายในลานเรือน บ้างก็นั่งบ้างก็ยืน เฝ้ารอกันไป
ครั้งนี้รอนานไม่น้อยเลย เห็นได้ชัดว่าใช้เวลานานกว่าตอนที่รักษาไห่หรูเยวี่ย ทุกคนนึกกังวลแทนหลีอู๋ฮวาขึ้นมาอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ ล้วนทราบกันดีว่าหลีอู๋ฮวารักถนอมบุตรชายคนนี้มาก หากเกิดอุบัติเหตุใดขึ้นจริง เกรงว่าหลีอู๋ฮวาคงยากจะรับไหว
จวบจนท้องฟ้ามืดลง จวนผู้ว่าการมณฑลจุดโคมส่องสว่าง ประตูห้องครัวถึงได้เปิดออก สาวใช้นางหนึ่งอุ้มทารกน้อยที่ถูกห่อจนเป็นก้อนออกมา มีสาวใช้อีกสองคนตามประกบซ้ายขวาเฝ้าดูแลอย่างระมัดระวัง
พอเห็นว่าสาวใช้สามคนนี้หน้าตาเหนื่อยล้าแต่กลับดูมีความสุข คาดว่าผลลัพธ์ต้องออกมาดีแน่
ในเวลานี้ซือถูเย่าถึงได้เดินนำเข้าไปในห้องครัวก่อน ในเมื่อรักษาเสร็จสิ้นแล้วเข้าไปก็น่าจะไม่รบกวนอีก
ชายหนุ่มคนนั้นดูค่อนข้างเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด ร่างกายคล้ายจะชุ่มไปด้วยเหงื่อแล้ว กำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งซับเหงื่ออยู่
การรักษาเด็กน้อยคนนี้ทำให้เขาเสียพลังงานไปมากจริงๆ ก็อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ เด็กยังเล็กเกินไป จำเป็นต้องระมัดระวังอย่างยิ่งยวด
หลีอู๋ฮวาอยู่ด้านข้างเอ่ยยกย่องอย่างระมัดระวัง ถึงจะบอกว่าน่าจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว แต่ใครจะรู้ได้ว่าจะเกิดอันใดซ้ำขึ้นมาอีกหรือไม่ ถ้ากล้าล่วงเกิดก่อข้อพิพาทกับอีกฝ่ายเข้า หากเกิดปัญหาใดขึ้นมาอีกจริงๆ ก็ยังคงต้องขอร้องคนเขาอยู่ จะไม่ให้เคารพนบน้อมเสมือนปฏิบัติต่อบรรพบุรุษก็คงไม่ได้
ซือถูเย่าประสานมือกล่าวไปว่า “ลำบากท่านหมอแล้ว ตอนนี้ฟ้ามืด ได้สั่งให้คนจัดเตรียมสุราอาหารเอาไว้…”
พูดยังไม่ทันจบ ชายหนุ่มก็เอ่ยตัดบทส่งๆ ว่า “เตรียมน้ำร้อนสะอาดๆ มาให้ที ข้าอยากอาบน้ำ”
“ขอรับๆๆ จะไปเตรียมให้เดี๋ยวนี้” หลีอู๋ฮวาตอบรับรัวๆ จากนั้นก็รีบโบกมือสั่งให้บ่าวไปจัดเตรียม
ซือถูเย่าพูดไม่ออกแล้ว ถูกมองข้ามไปต่อหน้ากลุ่มคนอีกครั้ง ความรู้สึกที่ต้องตามเอาใจคนที่เขาไม่ไยดีช่างไม่อภิรมย์เอาเสียเลย
จนใจที่ชายหนุ่มไม่แยแสเลย พอล้างทำความสะอาดอุปกรณ์ที่ใช้ด้วยน้ำยาเสร็จก็เก็บเข้าไปในเข่งแล้วหิ้วขึ้นมา หลีอู๋ฮวายื่นมือเข้าไปหมายจะช่วยถือ
ชายหนุ่มยกมือปราม สะพายเข่งของตนขึ้นหลัง ไม่ให้ผู้ใดช่วยเหลือ แล้วเดินผ่านกลุ่มคนที่อออยู่ตรงหน้าประตูไปเช่นนี้
ทุกคนที่รวมถึงซือถูเย่าและหนิวโหย่วเต้าล้วนเป็นฝ่ายหลีกทางให้แต่โดยดี เฝ้ามองชายหนุ่มเดินออกจาห้องครัวไป
หลีอู๋ฮวาเดินตามหลังไปต้อยๆ พอพ้นจากห้องครัวแล้วก็เดินแซงไปอยู่ด้านหน้านำทางให้อย่างพินอบพิเทา
ถูกคนเขาเห็นร่างเปลือยของภรรยาแล้วยังเคารพยกย่องเหมือนตนเป็นลูกหลานอยู่อีกหรือ? ซือถูเย่ามีสีหน้าแปลกพิกล คิดแล้วว่าเจ้าสารเลวหลีอู๋ฮวาคนนี้ทำเกินไปหน่อยแล้วกระมัง ตอนที่อาจารย?ยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่เคยเห็นเคารพให้เกียรติขนาดนี้มาก่อนเลย
ภายในห้องครัว ทุกคนมองกันไปมองกัน เงียบงันไร้เสียง มีเพียงเสียงบ่าวรับใช้สองคนที่กำลังดับเตาไฟในครัวอยู่
ก่วนฟางอี๋ที่ปนอยู่ในกลุ่มคนด้วยได้แต่อุทานอยู่ในใจ ยอดคนเป็นเช่นใดน่ะหรือ เช่นนี้อย่างไรเล่า ไม่ต้องใช้อำนาจสยบคนก็ทำให้คนยอมรับนับถือได้ วันนี้นับว่าได้เปิดโลกแล้ว
หนิวโหย่วเต้าพลันหัวเราะแห้งๆ ขึ้นมา “หากอยู่ปกติไร้เรื่องราวก็ไม่ได้พบหมอ พอเกิดเรื่องขึ้นมาถึงไปหาหมอ อยู่ต่อหน้าหมอแล้วไร้เกียรติศักดิ์ศรีอันใดไปก็เป็นเรื่องธรรมดา พอชินแล้วเดี๋ยวก็ดีขึ้น”
เหตุผลก็เป็นเช่นนี้แล้ว ซือถูเย่ายิ้มเจื่อนพลางส่ายหน้า เดินนำออกไป ทุกคนก็ทยอยเดินตามออกไปเช่นกัน…
….
หลังจากไปตรวจดูอาการไห่หรูเยวี่ยเสร็จ หลีอู๋ฮวาไปที่ห้องของบุตรชายต่อ ย่อกายลงข้างเปลโยกตรวจร่างกายบุตรชายดูอีกครั้ง
อาการเลือดลมเหือดพร่องถูกยับยั้งแล้วจริงๆ อยู่ระหว่างปื้นฟูกลับมาอย่างช้าๆ เด็กน้อยหลับปุ๋ยอยู่ในห่อผ้า เขามั่นใจว่ามิใช่อาการสลบ เห็นได้ชัดว่าลูกน้อยพ้นจากความทรมานแล้ว
หลีออู๋ฮวาถอนหายใจหนักๆ คราหนึ่ง เอ่ยกำชับศิษย์ที่เฝ้าดูแลอยู่ด้านข้างให้ป้อนนมเด็กน้อยตรงตามเวลา
หลังออกมาจากห้องก็รีบเดินไปหยุดอยู่นอกห้องที่จัดไว้ให้ศิษย์หมอผีเข้าพักชั่วคราว ศิษย์ที่เฝ้าหน้าประตูแจ้งว่าเขายังอาบน้ำอยู่ด้านใน
ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องรออยู่ด้านนอก เดินวนไปวนมาเฝ้ารอคอย
รอจนประตูเปิดศิษย์หมอผีเดินออกมา กลับไปอยู่ในรูปลักษณ์สง่างามหลุดพ้นอีกครั้ง เพียงแต่เปลี่ยนไปสวมชุดสีเขียวแทน
มีคนเข้าไปเก็บกวาดด้านในทันที
หลีอู๋ฮวาเดินเข้ามาหาหลังจากคาระแล้วก็ลองสอบถามว่า “เตรียมสำหรับอาหารไว้ให้ท่านหมอแล้วขอรับ ท่านประมุขของพวกเราอยากจะรับรองด้วยตัวเอง”
หลีอู๋ฮวาผงะไปเล็กน้อย ฟังไม่เข้าใจจึงเอ่ยถาม “อะไรหรือขอรับ?”
“อู๋จากสรรพสิ่งคือสุญตา ส่วนซิน…” ชายหนุ่มทาบมือข้างหนึ่งลงบนตำแหน่งหัวใจตน “เป็นนามของข้า”
“โอ้!” หลีอู๋ฮวากระจ่างแจ้งขึ้นมาทันที “เข้าใจแล้วขอรับ นามของท่านหมอคืออู๋ซิน” แต่ในใจกลับบ่นอุบอิบ ‘เหมือนจะเป็นฉายาธรรมมากกว่า ใครที่ไหนจะตั้งชื่อเช่นนี้กัน’
ชายหนุ่มกล่าวว่า “เรื่องการรักษา พรุ่งนี้ช่วยป่าวประกาศออกไปให้ข้าด้วย”
หลีอู๋ฮวาผงะไปอีกครั้ง ลองสอบถามดู “ให้เป็นฝ่ายประกาศออกไปเลยหรือขอรับ?”
ชายหนุ่มพยักหน้า ไม่พูดจาอีก ก้มหน้าขยับตะเกียบกินอาหารของตนอย่างช้าๆ ต่อไป…
….
หนิวโหย่วเต้านั่งอยู่หลังโต๊ะ ถือแท่งถ่านลากผ่านกระดาษเสียงดังครืดๆ
ก่วนฟางอี๋เคาะประตูแล้วเปิดเข้ามา ระหว่างที่ปิดประตูอยู่ได้กล่าวไปด้วยว่า “เจ้าคิดถูกแล้วที่ไม่ไป คนเขาไม่ยอมพบปะผู้ใดทั้งนั้น ซือถูเย่าต้องกินแห้วอีกแล้ว”
หนิวโหย่วเต้าหัวเราะฮ่าๆ “อาการของสองแม่ลูกเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ฟื้นตัวแล้วจริงๆ เป็นอย่างที่เจ้าว่าไว้ เพียงศิษย์คนหนึ่งของหมอผีก็ทำให้ทั้งวังสวรรค์หมื่นวิมานต้องหน้าม้านแล้ว เอ๊ะ เจ้ากำลังวาดอะไร วาดผู้ใดอยู่?” เมื่อก่วนฟางอี๋เดินมาถึงหน้าโต๊ะแววตาพลังเปล่งประกาย พบว่าคนผู้นี้กำลังใช้แท่งถ่านวาดภาพอีกครั้ง นางรีบยกชายกระโปรงเดินอ้อมไปอยู่ข้างกายหนิวโหย่วเต้า ท่าทางอยากรู้อยากเห็นเช่นเด็กสาวๆ
“หน้าม้านอันใดกัน ต่างคนก็เชี่ยวชาญต่างแขนงกันไปเท่านั้น” หนิวโหย่วเต้าวาดเสร็จพอดี เขาโยนแท่งถ่านทิ้ง ปัดมือแล้วเอนตัวพิงพนักเก้าอี้
ก่วนฟางอี๋เพ่งมองครู่หนึ่ง เห็นแล้วว่าเป็นภาพเหมือนบุคคล มิใช่ศิษย์หมอผีคนนั้นหรอกหรือ นางยื่นมือไปหยิบภาพขึ้นมา เอ่ยงึมงำ “อู๋ซินหรือ? เจ้าวาดภาพเขาไปไย?”
“อู๋ซินงั้นหรือ?” หนิวโหย่วเต้าหันไปมองนาง
ก่วนฟางอี๋อธิบ่าย “หลีอู๋ฮวาสอบถามชื่อเขามาได้แล้ว นามว่าอู๋ซิน อู๋จากสรรพสิ่งคือสุญตา ซินที่มาจากหัวใจ”
“อู๋ซิน…นามนี้…” หนิวโหย่วเต้าพึมพำพลางขบคิดอยู่พักหนึ่ง
“พฤติกรรมของคนผู้นี้ค่อนข้างแปลก ได้ยินว่าเผาเสื้อผ้าตัวเอง ซ้ำยังเป็นฝ่ายบอกให้หลีอู๋ฮวาป่าวประกาศเรื่องที่เขาทำการรักษาแก้พิษออกไปด้วย…” ก่วนฟางอี๋เอ่ยเจื้อยแจ้วเล่าสถานการณ์ที่ไปสอบถามมา เดิมทีหนิวโหย่วเต้าก็สั่งให้นางไปจับตามองคนผู้นั้นอยู่แล้ว
“ไม่สวมชุดขาวอีกแล้ว…” หนิวโหย่วเต้าพิงพนักเก้าอี้ลูบคางครุ่นคิด สำหรับคนของเขาแล้วไม่ว่าความผิดปกติใดก็กระตุ้นความสนใจของเขาได้ง่ายๆ กระตุ้นให้เขาเกิดกลไกตอบสนองตามสัญชาตญาณ แสดงให้เห็นถึงตรรกะความคิดอันซับซ้อนมีมิติของเขา
“ปกติวานให้เจ้าช่วยวาดรูปให้ข้า เจ้าก็ยึกยักบ่ายเบี่ยงตลอด เจ้ายังไม่ได้ตอบข้าเลยนะว่าเจ้ารูปเขาไปเพื่ออะไร?” ก่วนฟางอี๋ที่ถือภาพวาดไว้มีสีหน้าไม่พอใจ
ภาพนั้นที่เคยวาดให้นางไว้ นางเก็บไว้ดั่งสมบัติล้ำค่า ถึงขั้นที่นางเกิดความรู้สึกเสียดายว่าชาตินี้เจอกันช้าไป หากได้พบหนิวโหย่วเต้าตั้งแต่ในสมัยก่อน บางทีอาจจะเก็บภาพของตนในช่วงงามสะพรั่งอ่อนเยาว์ที่สุดไว้ได้ชั่วนิรันดร์
………………………………………………………………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า