ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 587

ตอนที่ 587 พ่ายแพ้แต่ไม่ย่อท้อ

แม้แต่คนเก่าคนแก่ที่ติดตามหนิวโหย่วเต้ามานานอย่างอู๋ซานเหลี่ยงก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่ด้านในเช่นกัน สถานที่ทุกแห่งที่ถูกหยวนฟางตอกป้าย ‘วัดหนานซาน’ ไว้เหนือบานประตูล้วนจะเปรียบเสมือนหางแมวที่ไม่อาจแตะต้องได้ของหยวนฟาง

และเนื่องจากเป็นคนที่ติดตามหนิวโหย่วเต้ามานาน อู๋ซานเหลี่ยงถึงรู้ว่าหยวนฟางมีนิสัยเช่นไร ก็แค่กลัวเคล็ดลับในการทำอาหารจะรั่วไหลออกไปสู่ภายนอกมิใช่หรือ?

อู๋ซานเหลี่ยงก็นับว่ายอมใจสมณะกลุ่มนี้แล้วเช่นกัน เพื่อปกป้องเคล็ดลับการทำอาหารไว้ สมณะกลุ่มหนึ่งยอมลงมือฆ่าสัตว์เพื่อปรุงอาหารอย่างไม่นึกลังเลแม้แต่น้อย อีกทั้งไม่กลัวจะผิดต่อพุทธองค์เลย

ด้วยกลัวว่าพวกเขาจะลำบากจึงอยากช่วยแบ่งเบางานในบางด้านให้ แต่เป็นตายอย่างไรสมณะเหล่านี้ก็ไม่ยินยอม

อู๋ซานเหลี่ยงก็ไม่ทราบเช่นกันว่าหยวนฟางใช้ยาเสน่ห์อันใดกับสมณะกลุ่มนี้ ตอนเขาไปบ่นให้หนิวโหย่วเต้าฟัง หนิวโหย่วเต้าเอ่ยถึง ‘ศรัทธา’ สองคำนี้ บอกว่าสมณะกลุ่มนี้คือกลุ่มคนที่มีความศรัทธาอย่างแท้จริง

ศรัทธาอย่างนั้นหรือ? อู๋ซานเหลี่ยงไม่ค่อยเข้าใจคำนี้นัก

หยวนกังหันมองเล็กน้อย จากนั้นหันหลังเดินออกจากห้องครัวไป

พอมาถึงสถานที่ปลีกวิเวกด้านนอกแล้ว อู๋ซานเหลี่ยงที่เดินอยู่ข้างๆ เขาเอ่ยกระซิบว่า “ข้า ‘บังเอิญ’ พบเขา ยังไม่ทันหาข้ออ้างสอบถาม เขาก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาเองแล้ว บอกว่าเป็นคนรู้จักเก่า พอดีผ่านมาทางนี้แล้วการเงินติดขัด เขาจึงมอบเงินหนึ่งพันเหรียญทองให้ไป๋หลี่เจี๋ยเป็นน้ำใจ ดูปกติมากขอรับ ไม่มีความผิดปกติใดๆ เลย หยวนเหยี่ย ท่านสงสัยว่ากงซุนปู้จะมีปัญหาหรือขอรับ?”

หยวนกังเหลือบมองเขาด้วยสีหน้าใช้ความคิด “เจ้าคิดมากไป สำนักเบญจคีรีทำหน้าที่อะไรใช่ว่าเจ้าจะไม่รู้ ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อใดๆ กับโลกภายนอกล้วนต้องให้ความสนใจไว้มากหน่อย หามีความคิดอื่นใดไม่”

“เรื่องนั้นก็ถูกขอรับ” อู๋ซานเหลี่ยงพยักหน้ารับ

เมื่อไม่มีเรื่องใดแล้ว เขาก็รีบจากไปด้วยตัวเองเลย

พอเลยเที่ยงไป เหลยจงคังที่กลับมาจากด้านนอกหุบเขาเข้ามาหาหยวนกังที่ห้องพักในคฤหาสน์ต่อ หยวนกังเปลือยท่อนบนหกสูงมือเดียวอยู่ภายในห้อง

เหลยจงคังเดินเข้ามาหยุดเบื้องหน้าเอ่ยรายงานว่า “หยวนเหยี่ย หลังจากไป๋หลี่เจี๋ยคนนั้นออกจากหุบเขาไปก็เข้าไปที่ตัวเมือง กินดื่มอย่างสำราญอยู่ในเมืองหนึ่งมื้อก็จากไปอย่างไม่เร่งร้อน ดูปกติอย่างยิ่ง ไม่พบความผิดปกติใดๆ เลยขอรับ”

เขารับผิดชอบดูแลงานในส่วนนี้ คนนอกที่เคยผ่านเข้าออกทางนี้ หลังจากออกไปแล้วเขาล้วนจะตามจับตามองทุกราย

หยวนกังตอบอืมคำหนึ่ง สื่อว่ารับทราบแล้ว

หลังจากเหลยจงคังออกไป หยวนกังหมุนเอว วางสองเท้าแตะพื้นแล้วลุกขึ้นยืน สวมเสื้อแล้วเดินออกจากห้องไป

จากนั้นก็ไปหาต้วนหู่ ทั้งสองเดินออกจากคฤหาสน์ไปด้วยกัน เดินเล่นไปจนถึงหน้าหลุมศพของเฮยหมู่ตาน

“หยวนเหยี่ยมีเรื่องใดหรือขอรับ?” ต้วนหู่เอ่ยถาม

หยวนกังเอ่ยว่า “ไป๋หลี่เจี๋ย ได้ยินว่าเป็นผู้บำเพ็ญเพียรที่พอจะมีชื่อเสียงในโลกบำเพ็ญเพียรเล็กน้อย เจ้าติดต่อไปหาทางลิ่งหูชิวที่เป็นพี่น้องร่วมสาบานของเต้าเหยี่ย ลิ่งหูชิวคุ้นเคยกับสถานการณ์ทำนองเดียวกันนี้ สอบถามเขาดูว่ารู้เรื่องไป๋หลี่เจี๋ยคนนี้มากน้อยเพียงใด ปกติแล้วทำอะไรบ้าง ให้เขาเล่าข้อมูลทั้งหมดของไป๋หลี่เจี๋ยเท่าที่รู้มา อย่าได้หมกเม็ด ข้าอยากจะรู้”

ต้วนหู่ตอบรับ “ขอรับ ข้าจะส่งข่าวไปหาเขาเดี๋ยวนี้”

หยวนกังยกมือปราม สื่อว่าให้คอยก่อน จากนั้นก็หยิบแผ่นกระดาษม้วนหนึ่งจากในแขนเสื้อยื่นให้เขา

ต้วนหู่เปิดออกดู พบว่าเป็นรายชื่อจำนวนหนึ่ง มีคนบางส่วนในรายชื่อที่เขาพอจะรู้จักอยู่เช่นกัน อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความฉงน “หยวนเหยี่ย รายชื่อเหล่านนี้ดูเหมือนจะเป็นศิษย์ใหม่ที่สำนักเบญจคีรีเพิ่งรับเข้ามาในช่วงไม่กี่ปีนี้ทั้งสิ้น”

หยวนกังกล่าวว่า “เป็นศิษย์ของสำนักเบญจคีรีก็ดีแล้ว เป็นคนที่ข้าจัดส่งเข้าไป”

ต้วนหู่มึนงง ไม่ทราบว่าการที่เขามอบรายชื่อลับเหล่านี้ให้ตนหมายความว่าอย่างไร

หยวนกังกล่าว่า “ตอนนี้คนเหล่านี้ล้วนยังอยู่ในหุบเขา เจ้าติดต่อพวกเขาซะ นับจากนี้ไปข้าต้องการทราบช่วงเวลาที่ปีกทองทั้งหมดผ่านเข้าออกสำนักเบญจคีรี เจ้าต้องรายงานสถานการณ์ในทุกวันให้ข้าทราบอย่างละเอียด เรื่องนี้ยกให้เจ้ารับผิดชอบ อย่าให้คนอื่นรู้”

เขาเตรียมการเรื่องนี้ไว้แต่แรกแล้ว เตรียมจัดระเบียบกฎเกณฑ์การติดต่อระหว่างสำนักเบญจคีรีและสถานที่ต่างๆ จัดระเบียบตามวิธีการในแบบของเขา

เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการจัดระเบียบงานด้านนี้ เขาเคยได้รับการฝึกอบรมในสายงานสืบสวนมาก่อน

นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่หนิวโหย่วเต้าต้องการให้เขาย้ายไปทำงานอยู่เบื้องหลัง

ต้วนหู่เอ่ยด้วยความลังเลอย่างเห็นได้ชัด “หยวนเหยี่ย ท่านสงสัยว่าสำนักเบญจคีรีจะมีปัญหาหรือขอรับ?”

“ทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง มีอะไรให้สงสัยหรือไม่สงสัยกัน? กว่าเต้าเหยี่ยจะพาทุกคนมาถึงจุดนี้ได้ไม่ง่ายดายเลย” หยวนกังชี้หลุมศพของเฮยหมู่ตาน สื่อว่านี่ก็คือหนึ่งในสิ่งที่เสียไป “มิใช่ว่าสงสัยในตัวผู้ใด แต่พวกเราก็ต้องรับผิดชอบตัวพวกเราเองเช่นกัน พวกเรามีหน้าที่เฝ้าบ้านก็ต้องคอยดูแลบ้านไว้ ไม่อาจปล่อยให้เกิดปัญหาขึ้นภายในบ้านได้ มิเช่นนั้นจะผิดต่อคนที่เสียไปแล้ว และจะผิดต่อคนที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วย คนที่ยังมีชีวิตอยู่จำเป็นต้องทำอะไรให้เป็นประโยชน์บ้างเพื่อคนที่สิ้นชีพไปแล้ว กำลังของเต้าเหยี่ยเพียงคนเดียวมีจำกัด ไม่มีทางดูแลทุกเรื่องได้ครอบคลุม พวกเราได้รับหน้าที่ใดก็สมควรทำให้ดี นี่คือเรื่องพวกเราสมควรทำ”

ต้วนหู่มองป้ายหลุมศพเฮยหมู่ตาน ขบกรามจนแก้มตึงขึ้นมาเล็กน้อย “ข้าเข้าใจแล้วขอรับ หยวนเหยี่ยโปรดวางใจ ยกเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ข้าได้เลย”

หลังจากต้วนหู่ไปแล้ว หยวนกังจ้องมองป้ายหลุมศพอย่างใจลอย

สถานการณ์ของคฤหาสน์กระท่อมฟางในปัจจุบันนี้ อันที่จริงด้านในยังแบ่งแยกกันเป็นหลายกลุ่ม

กลุ่มคนจากทางสวนไม้เลื้อยมีก่วนฟางอี๋เป็นผู้น้ำ ส่วนก่วนฟางอี๋ก็เห็นได้ชัดว่ามองตนเป็นคนของเต้าเหยี่ยแล้ว

กลุ่มของเฮยหมู่ตานก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่คิดว่าตนมีฐานะเป็นคนเก่าคนแก่ของหนิวโหย่วเต้า เนื่องจากมักจะได้รับภารกิจลับบางอย่างเสมอ ดังนั้นจึงคิดว่าพวกเขาต่างหากถึงจะเป็นคนที่ได้รับความไว้วางใจจากทางเต้าเหยี่ยอย่างแท้จริง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า