ตอนที่ 59 เรื่องจริงจัง
วาจานี้ทำให้ซ่งจิ่วหมิงลอบตกใจ อีกฝ่ายทราบเรื่องที่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ส่งฝ่าซือติดตามให้ซางเฉาจงก็ว่าไปอย่าง แต่เหตุใดเรื่องที่หลานชายตนไปดักฆ่าหนิวโหย่วเต้าถึงได้หลุดออกไปเร็วขนาดนี้?
ถงมั่วเอ่ยขึ้นมา “สุ่ยกงกง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อยทั้งนั้น คนหนุ่มทะเลาะกันเพราะความหึงหวงเป็นเรื่องที่เข้าใจกันได้ เขาก็ได้จ่ายค่าตอบแทนอันน่าสังเวชไปแล้ว มาสืบสาวเอาเรื่องตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อันใด มาคิดหาวิธีกันดีกว่าว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร”
คำพูดนี้ทำให้ซ่งจิ่วหมิงตกใจยิ่งกว่าเดิม เจ้ากรมโยธาทราบถึงขั้นที่ว่าหลานชายตนทำไปเพราะความหึงหวง เขารู้ได้อย่างไร? เขาตระหนักได้แล้วว่าสายสืบของทางฝั่งนี้เหนือกว่าที่เขาจินตนาการไว้ ดูเผินๆ เหมือนเจ้ากรมโยธาจะปกป้องตนอยู่ แต่ความจริงมีเจตนากระทบกระเทียบ เรียกได้ว่ากำลังตักเตือนอยู่ วันหน้าเจ้าก็ลองปิดบังดูอีกสิ!
ก่าเหมี่ยวสุ่ยยังคิดอยู่ว่าหากซักไซ้อีกสักประโยคสองประโยคจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นหรือไม่ เมื่อเห็นถงมั่วมีเจตนาปกป้อง จึงไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้อีก
“ในเมื่อเฟิ่งหลิงปอทราบถึงสิ่งนั้นแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องจับตามองสำนักสวรรค์พิสุทธิ์อีก เพื่อป้องกันไม่ให้กลับไปสมคบกับซางเฉาจงจนก่อปัญหาตามมาในภายหลัง ลดปัญหาลงไปหนึ่งทาง กำจัดทิ้งซะ!” ถงมั่วเอ่ยสำทับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ขอรับ!” ซ่งจิ่วหมิงค้อมกายรับคำสั่ง
ที่ส่งเฉินกุยซั่วไปก่อเรื่องที่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ เดิมทีเพียงแค่อยากสั่งสอนถังซู่ซู่สักหน่อยเท่านั้น เนื่องด้วยเหตุผลที่กล่าวไปข้างต้น เขาจึงไม่เคยคิดจะลงมือกับสำนักสวรรค์พิสุทธิ์จริงๆ เลย สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ที่ไม่ทราบความจริงจึงกังวลมากเกินจำเป็น แต่เมื่อได้ทราบข่าวว่าเฟิ่งหลิงปอเกี่ยวดองกับซางเฉาจง ซ่งจิ่วหมิงก็รู้แล้วว่าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์จบเห่จริงๆ แล้ว ไม่มีประโยชน์อันใดอีก และยามนี้ก็เป็นไปตามที่คิดจริงๆ…
….
ตัวเมืองจังหวัดกว่างอี้อบอวลไปด้วยบรรยากาศมงคล หลังจากจวนผู้ว่าการตีฆ้องร้องป่าวประกาศวันวิวาห์ของเฟิ่งรั่วหนาน ร้านรวงในเมืองต่างพากันติดกระดาษแดงหน้าประตูโดยไม่ต้องมีใครมาบอก บางร้านถึงขั้นที่แขวนโคมประดับพู่ด้วยซ้ำ ด้วยคาดหวังให้จวนผู้ว่าการมองเห็นความตั้งใจของตน ผู้คนบางส่วนที่กำลังจัดงานศพถึงขั้นที่ต้องจัดแบบหลบๆ ซ่อนๆ
แน่นอน เฟิ่งหลิงปอเองก็ต้องแสดงน้ำใจตอบกลับไปเช่นกัน เขาประกาศลดภาษีในปีนี้ของทั้งจังหวัดกว่างอี้ลงครึ่งหนึ่งเพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง จึงได้รับเสียงแซ่ซ้องสรรเสริญ
ว่ากันตามหลักแล้ว เรื่องลดภาษีเช่นนี้จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากราชสำนัก แต่ราชสำนักเข้ามาแทรกแซงทางจังหวัดกว่างอี้ไม่ได้ อย่างไรเสียเฟิ่งหลิงปอก็ได้บ่ายเบี่ยงปฏิเสธที่จะนำส่งภาษีของจังหวัดกว่างอี้ เบื้องบนเร่งเร้ามาซ้ำๆ จังหวัดกว่างอี้ก็อ้างเรื่องความลำบากซ้ำๆ แล้วก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่นำส่ง ถึงอย่างไรราชสำนักก็ไม่เห็นบัญชีอยู่ดี ต่างฝ่ายต่างยื้อกันไปยื้อกันมา ถกเรื่องนี้ได้มิมีหน่าย ไม่มีผู้ใดยอมแตกหักก่อน
เรือนที่ซางเฉาจงพักอยู่ในขณะนี้ถูกยกให้เป็นบ้านฝ่ายชายชั่วคราวก่อน จวนผู้ว่าการออกเงินตกแต่งให้ การประดับโคมห้อยพู่เป็นสิ่งที่ไม่อาจเลี่ยงได้
วันนี้คือวันวิวาห์ พ่อบ้านโซ่วเหนียนเป็นคนหนึ่งที่ยุ่งที่สุด คุมบ่าวไพร่ทำงานทั้งนอกใน เมื่อจัดการทางฝั่งจวนผู้ว่าการได้พอสมควรแล้วก็ต้องพาคนมาตรวจสอบเรือนทางนี้ด้วย ตรงไหนที่รู้สึกว่าไม่เหมาะสมก็จะเรียกคนมาจัดการในทันที เฟิ่งหลิงปอมีบุตรสาวคนเดียว แค่บังคับให้ออกเรือนก็รู้สึกผิดต่อบุตรสาวมากพอแล้ว ไม่มีทางทำให้บุตรสาวต้องคับข้องหมองใจในด้านพิธีการอีก ลงคำสั่งให้ตกแต่งจัดการอย่างงดงามอลังการ
หลังจากตรวจสอบภายในเรือนเสร็จ โซ่วเหนียนก็ได้พบกับหลานรั่วถิงที่ออกมาส่ง เขาจึงแจ้งว่าเฟิ่งรั่วอี้และเฟิ่งรั่วเจี๋ยไม่สามารถกลับมาร่วมงานวิวาห์ของน้องสาวได้ หวังว่าทางนี้จะไม่ถือสา อย่างไรก็ตามพี่ชายทั้งสองยังคงส่งคนกลับมาพร้อมของขวัญชิ้นใหญ่
สำหรับเรื่องนี้หลานรั่วถิงแสดงท่าทีเข้าอกเข้าใจ เฟิ่งรั่วอี้และเฟิ่งรั่วเจี๋ยเดิมทีต้องคุมทัพรักษาการณ์ทางฝั่งตะวันตกและตะวันออกของจังหวัดกว่างอี้ ยามนี้เฟิ่งหลิงปอเกี่ยวดองกับซางเฉาจง ไม่รู้เลยว่าทางราชสำนักจะยอมแบกรับความเสี่ยงหรือไม่ ทางนี้ไม่กล้าประมาทชะล่าใจ มีแต่จะต้องยกระดับการป้องกันให้เข้มงวดขึ้น แม่ทัพไหนเลยจะกล้าปลีกตัวมาได้
พอส่งโซ่วเหนียนจากไป หลานรั่วถิงก็กลับเข้าไปในเรือนแจ้งเรื่องที่โซ่วเหนียนบอกกล่าวต่อซางเฉาจง
ซางเฉาจงตอบอืมคำหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วยามก็ต้องออกเดินทางไปรับตัวเจ้าสาวที่จวนผู้ว่าการแล้ว เป็นประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิต จะบอกว่าเขากำลังประหม่าก็ว่าได้ ที่สำคัญคือจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เคยพบหน้าเฟิ่งรั่วหนานเลย ได้ยินว่าเฟิ่งรั่วหนานใจร้อนดั่งไฟ เรื่องเลวร้ายเหล่านั้นหนิวโหย่วเต้าเป็นคนทำ แต่ความกดดันทั้งหมดกลับตกมาอยู่ที่ตัวเขา ทว่าเขาก็ไม่อาจกล่าวโทษหนิวโหย่วเต้าได้ ถึงอีกฝ่ายจะกระทำเรื่องไร้คุณธรรม แต่เขาก็ทำได้เพียงเอ่ยขอบคุณ
สามารถกระทำเรื่องไร้คุณธรรมหลอกลวงคนจนเรื่องราวล่วงเลยมาถึงขนาดนี้ได้ ซางเฉาจงเองก็นับถือในตัวหนิวโหย่วเต้าแล้วเช่นกัน เปลี่ยนมุมมองภาพจำที่เขามีต่อศิษย์สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ไปอย่างสิ้นเชิง
ขณะที่ใต้ชายคาฝั่งนี้กำลังกระวานกระวายอยู่ หนิวโหย่วเต้าก็ถือ ‘ไม้เท้า’ เดินนำคนสองคนเข้ามาปรากฏตัวต่อหน้าคนทั้งสาม คนหนึ่งคือหยวนกัง ส่วนอีกคนคือหยวนฟางที่หน้าตาบวมช้ำ เดินตามต้อยๆ อยู่ด้านหลังสุด
พวกซางเฉาจงทั้งสามพบว่าหลายวันมานี้บนร่างของปีศาจหมีมีบาดแผลใหม่ๆ เพิ่มขึ้นทุกวัน มองแวบเดียวก็คาดเดาได้ว่าถูกใครทุบตีมา เห็นได้ชัดว่าหยวนฟางคอยมองสีหน้าของหยวนกังอยู่ตลอด หากหยวนกังปรายตามองสักแวบหนึ่ง หยวนฟางจะตกใจถอยหลังไปสองก้าว ทั้งสามรู้สึกประหลาดใจ ไม่รู้เลยว่าปีศาจหมีตัวนี้ไปล่วงเกินอันใดหนิวโหย่วเต้าเข้าถึงได้ถูกทุบตีอยู่ทุกวัน
ส่วนเหตุใดถึงบอกว่าล่วงเกินหนิวโหย่วเต้าน่ะหรือ เหตุผลนั้นง่ายมาก หลังคลุกคลีกันมาเป็นระยะเวลาหนึ่งพวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าหยวนกังไม่ใช่คนมากเรื่องเลย หากไม่มีคำสั่งจากหนิวโหย่วเต้า หยวนกังจะทุบตีปีศาจหมีขนาดนี้ได้อย่างไร ทั้งสามคาดเดาว่าปีศาจหมีคงยังไม่รู้จักหนิวโหย่วเต้ามากนัก ไม่ทราบว่าใครคือผู้บงการตัวจริง หนิวโหย่วเต้าเป็นคนที่ค่อนข้างสง่างามคนหนึ่ง ฉากหน้าดูเป็นมิตรยิ่งนัก ปีศาจหมีคล้ายอยากใกล้ชิดหนิวโหย่วเต้ามากกว่า
“วันนี้ท่านอ๋องดูสดใสจริงๆ นะพ่ะย่ะค่ะ!” หนิวโหย่วเต้าเดินเข้ามาพลางหัวเราะฮ่าๆ
จะไม่สดใสได้หรือ สวมชุดเจ้าบ่าวอยู่นี่! ซางเฉาจงกล่าวอย่างจนปัญญา “เต้าเหยี่ย ท่านอย่าได้ล้อข้าเล่นอีกเลย”
หลังจากประสบเรื่องราวบางอย่างด้วยกัน อยู่ร่วมกันอย่างสงบมาสองสามวัน ท่าทีระหว่างคนทั้งสองก็ดูปรองดองขึ้นไม่น้อย
“เมื่อคืนท่านอ๋องไม่ได้พักผ่อนให้ดีหรือพ่ะย่ะค่ะ?” หนิวโหย่วเต้าเหลือบมองใต้ตาดำคล้ำของเขาที่คงอยู่มาตลอดในช่วงสองสามวันนี้ วันนี้เห็นได้ชัดว่ามีการลงแป้งเล็กน้อยเพื่อปกปิดไว้
ซางเฉาจงระอาใจเขาอยู่บ้าง คนผู้นี้ไร้คุณธรรมเกินไปแล้ว ช่วงสองสามวันมานี้จะยกเรื่องนี้มาเอ่ยย้ำเตือนเขาวันล่ะหนึ่งครั้งเสมอ
หลานรั่วถิงยิ้มเล็กน้อย “เผชิญเรื่องสำคัญในชีวิตเป็นครั้งแรก พอจะเข้าใจความรู้สึกของท่านอ๋องอยู่บ้าง ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า