ตอนที่ 64 ถั่วเหลือง
สาเหตุที่ถามเช่นนี้ เพราะมีเรื่องหนึ่งที่ช้าเร็วนางก็ต้องนึกออก เพียงแต่เมื่อเห็นกาสุราจึงทำให้นึกออกได้เร็วขึ้น เพราะหลังจากมาถึงที่นี่นางก็แทบจะไม่ได้ดื่มน้ำเลย ดื่มสุราแค่จอกเดียวตอนประกอบพิธีเท่านั้น แล้วพลาดท่าได้อย่างไร หรือว่าปัญหาจะอยู่ที่สุรา?
เหวินซินเอ่ยตอบ “ส่งมาจากทางจวนเจ้าค่ะ”
เฟิ่งรั่วนานถามต่อ “สุรานี้ผ่านการตรวจสอบหรือยัง?”
เหวินซินตอบอย่างชัดเจน “บ่าวเห็นกับตาว่าท่านพ่อบ้านพาคนมาตรวจสอบสุราอาหารที่จัดเตรียมให้ทางนี้แล้ว น่าจะไม่มีปัญหาอันใดเจ้าค่ะ”
เฟิ่งรั่วหนานเงียบไป ทางจวนผู้ว่ากังวลว่าราชสำนักจะลงมือกับซางเฉาจง ย่อมตรวจสอบดูอย่างละเอียดแน่นอน น่าจะไม่มีปัญหาอะไร อีกทั้งถ้าว่ากันตามหลักเหตุผลแล้ว ทางจวนก็ไม่น่าจะทำกับนางเช่นนี้ เช่นนั้นปัญหามันอยู่ตรงไหนล่ะ?
นางซักถามอีกครั้ง “ระหว่างทางสุรานี้เคยผ่านมือคนอื่นบ้างหรือไม่?
ทั้งสองส่ายหน้าพร้อมกัน เหวินซินตอบว่า “สุราในส่วนที่ใช้ต้อนรับแขก บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ แต่สุราที่จัดส่งมาให้ทางห้องหอเป็นสุราชั้นเลิศ ส่งตรงถึงมือพวกเราโดยเฉพาะเจ้าค่ะ ไม่เคยผ่านมือคนอื่นเลยเจ้าค่ะ”
เฟิ่งรั่วหนานถามเสียงเข้ม “แน่ใจนะว่าไม่เคยมีผู้ใดแตะต้องมาก่อน”
ทั้งสองต่างคิดในใจว่านี่มันเรื่องอะไรกัน หรือว่าจะมีคนวางยาในสุรา? จากนั้นส่ายหน้าพร้อมกันอีกครั้ง
เช่นนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เฟิ่งรั่วหนานบ่นกระปอดกระแปดอยู่ในใจ เลื่อนสายตามองไปที่เชิงเทียน ค่อยๆ ลุกขึ้นเดินเข้าไปใกล้ ไม่กล้าเดินเร็วเกินไป เมื่อคืนถูกใครบางคนเคี่ยวกรำอย่างหนัก เช้านี้ไล่ตามสังหารด้วยความโกรธแค้นจึงไม่ทันรู้สึกตัว นางเดินไปหยุดตรงเชิงเทียน พบว่าเทียนแดงทั้งสองเล่มเผาไหม้จนหมดแล้ว เหลือเพียงน้ำตาเทียนที่หยดประปรายเป็นดวงๆ
นางใช้มือแงะน้ำตาเทียนชิ้นหนึ่งออกมา ยกขึ้นจ่อดมตรงปลายจมูก ขณะที่กำลังจะสั่งให้คนนำไปตรวจสอบดู จู่ๆ เหวินลี่ก็อุทานขึ้นมา “คุณหนูเจ้าคะ ดูเหมือนสุรานี้จะเคยผ่านมือคนอื่นเจ้าค่ะ”
เฟิ่งรั่วหนานหันขวับทันที
เหวินซินถามด้วยความแปลกใจ “เคยด้วยหรือ?”
เหวินลี่ย้อนถาม “พี่ลืมไปแล้วหรือ? เมื่อวานตาเฒ่าเคราขาวคนนั้นมาขวางทางพวกเราไว้แล้วขอตรวจสอบมิใช่หรือ?”
เหวินซินผงะไปแวบหนึ่ง นางนึกออกแล้วเช่นกัน รีบพยักหน้ายืนยันกับเฟิ่งรั่วหนาน สื่อว่าเป็นความจริง
เฟิ่งรั่วหนานกัดฟันเอ่ย “ตาเฒ่าเคราขาวอะไรนั่นมาจากไหน?”
เหวินลี่กล่าวตอบ “บ่าวก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ เขาบอกว่าเขาเป็นองครักษ์ของท่านอ๋อง”
พอได้ยินว่าเป็นคนของซางเฉาจง เฟิ่งรั่วหนานก็ซักถามทันที “รีบพูดมา เรื่องราวเป็นมาอย่างไร?”
“เมื่อคืน ตอนที่พวกบ่าวสองคนยกสุราเข้ามา…” เหวินลี่บอกเล่าสถานการณ์ในตอนนั้นอย่างละเอียด
เฟิ่งรั่วหนานที่ฟังจบเดินอาดๆ เข้าไป หยิบกาสุราบนพื้นขึ้นมาเปิดฝาแล้วดมเล็กน้อย ไม่ได้กลิ่นผิดปกติอันใด จึงมองเข้าไปด้านใน พบว่าสุราส่วนใหญ่หกไปเกือบหมดแล้ว เหลืออยู่ด้านในแค่นิดหน่อย นางยื่นกาสุราไปตรงหน้าเหวินซิน เอ่ยเสียงเข้ม “ดื่มซะ!”
“เอ่อ…” เหวินซินตกตะลึง ไม่ทราบว่านางคิดจะทำอะไรกันแน่ เดิมทีไม่นึกว่าสุรานี้จะมีปัญหาอะไร แต่พอเฟิ่งรั่วหนานทำตัวมีลับลมคมในเช่นนี้ นางก็ชักจะกลัวแล้ว แต่นางไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงรับมา ยกพวยกาขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทา ค่อยๆ เทเข้าปากตัวเอง กลั้นใจกลืนลงไป แต่ปริมาณสุราในกาก็เหลืออยู่เพียงอึกเดียวเท่านั้น
จากนั้นก็รอกันต่อไป เฟิ่งรั่วหนานเดินกลับมายังริมเตียง นั่งลงไปพลางหลับตา เฝ้ารออย่างเงียบๆ นางดูเหมือนจะใจเย็นลงแล้ว
เวลาผ่านไปหนึ่งถ้วยชา[1] จู่ๆ เหวินซินเอ่ยขึ้นมาอย่างอ่อนระโหยโรยแรง “คุณหนู…”
เฟิ่งรั่วหนานลืมตามองทันที มองเห็นเหวินซินตัวส่ายโงนเงน ร่างกายอ่อนยวบไร้เรี่ยวแรง ล้มลงบนพื้นเสียงดังตุบ
“ท่านพี่” เหวินลี่ตกใจ รีบก้มลงไปประคอง
เฟิ่งรั่วหนานก็รีบก้าวเข้ามาตรวจดูอาการ เหวินซินนอนแผ่หลา ท่าทางไร้เรี่ยวแรง สองตาหรี่ปรือคล้ายคนง่วงหงาวหาวนอน
พอนางเห็นก็เข้าใจทันที สภาพไม่ต่างไปจากตัวนางเมื่อคืนเลย สุรานั้นมีปัญหาจริงๆ ด้วย!
“คุณหนู ท่านพี่เป็นอะไรไปเจ้าคะ?” เหวินลี่ถามด้วยความร้อนรน
เฟิ่งรั่วหนานโบกมือสื่อให้นางพยุงเหวินซินขึ้นไปบนเตียง ตัวนางเองก็ยื่นมือเข้าช่วยอีกแรง พอวางเหวินซินลงบนเตียงแล้ว เฟิ่งรั่วหนานหันมาคุยกับเหวินลี่ “วางใจเถอะ นางไม่เป็นไร ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าเฒ่าเคราขาวคนนั้นชื่ออะไร?”
เหวินลี่ส่ายหน้า “บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ”
เฟิ่งรั่วหนานถามต่อ “ถ้าพบเขาอีกครั้ง เจ้าจะจำได้หรือไม่?”
เหวินลี่พยักหน้ารัวๆ “จำได้เจ้าค่ะ”
เฟิ่งรั่วหนานกัดฟันกรอด บ่นพึมพำถ้อยคำหยาบโลนที่มีเพียงตัวนางเท่านั้นที่เข้าใจ อารมณ์คล้ายจะเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เริ่มค้นเสื้อผ้าของตนออกมาสวมใส่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า