ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 77

ตอนที่ 77 ปราชัย

ตอนนี้ ไพร่พลถูกโจมตีจนแตกกระจายไม่เป็นขบวนแล้ว แม่ทัพที่บัญชาการกองทหารม้ากำลังตะโกนสั่งการ เตรียมรวมพลตั้งขบวนขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

อีกด้านหนึ่ง ไพร่พลของซางเฉาจงที่ตีฝ่าทะลวงกองทัพของฝ่ายศัตรูยังคงเป็นระเบียบไม่เสียขบวน พวกเขาวกกลับมาแล้ว ไม่ปล่อยให้ศัตรูได้มีโอกาสหายใจ กลับมารุกไล่สังหารอีกครั้ง

เมื่อเทียบกันแล้ว ฝ่ายหนึ่งวุ่นวายไร้ระเบียบ อีกฝ่ายหนึ่งรวมกลุ่มบุกโจมตี ผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร เพียงแค่คิดดูก็รู้แล้ว นี่คือความแตกต่างที่ส่งผลร้ายแรงถึงชีวิตเมื่ออยู่บนสนามรบ

เมื่อเห็นขบวนโจมตีควบม้ารุกคืบเข้ามา แม่ทัพบัญชาการของฝ่ายกองโจรเขี้ยวหมาป่าชูทวนขึ้นพลางตะเบ็งเสียงตะโกนกร้าว “รวมพล! เร็วเข้า เร็ว…” เพิ่งจะตะโกนออกไปได้ไม่กี่คำ ใบหน้าเขาก็เผยให้เห็นถึงความรู้สึกหวาดกลัว

ซางเฉาจงถือดาบง้าวพุ่งตรงเข้ามาหาเขา ตวัดดาบฟันลงมา ถูกเขาใช้คันทวนปัดออกไป แต่ด้านหลังซางเชาจงกลับยังมีประกายดาบกวัดแกว่งตามเข้ามาอย่างต่อเนื่อง คล้ายสายน้ำที่หนุนเนื่องเข้ามาไม่ขาดสาย ทำให้แม่ทัพผู้นั้นมือไม้ปั่นป่วน บนร่างเขาถูกฟันจนมีโลหิตสาดกระจายออกมาหลายสาย ตัวคนพลิกตกจากหลังม้า ถูกม้าที่วิ่งตะลุยเข้ามาเหยียบย่ำร่างจนกลายเป็นเศษเนื้อแหลกเหลว

แม่ทัพบัญชาการถูกจัดการแล้ว กองทัพที่ยังตั้งรูปขบวนไม่เสร็จอย่าว่าแต่จะรวมกลุ่มบุกโจมตีเลย กระทั่งจะจัดรูปขบวนเพื่อตั้งรับการโจมตีจากอีกฝ่ายก็ยังทำไม่ทัน ซางเฉาจงคว้าโอกาสนี้เอาไว้ ควบม้านำกององครักษ์เลิศล้ำห้าวหาญบุกตะลุยไปทั่วดุจเพลิงโหมสายลมกระหน่ำ บดขยี้ทุกสิ่งที่ขวางหน้า สังหารทัพศัตรูตกตายไปตลอดทาง เสียงกรีดร้องโหยหวนแว่วระงม เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีเข่นฆ่าเช่นนี้ มีกองโจรเขี้ยวหมาป่าจำนวนไม่น้อยที่บังคับม้าบ่ายหน้าหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ขวัญกำลังใจกระเจิดกระเจิง

ทหารม้านับพันกลับสู้ทหารม้าห้าร้อยนายไม่ได้ เข้าปะทะกันเพียงสองครั้ง ก็แตกพ่ายอย่างย่อยยับ!

ฉากสังหารอันทรงพลังนี้ สร้างความตื่นตะลึงแก่หนิวโหย่วเต้าเป็นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นการต่อสู้นองเลือดเช่นนี้มาก่อน แม้จะเคยเห็นการต่อสู้กันของกลุ่มแกงค์ที่มีจำนวนนับร้อยมาไม่น้อย แต่มันไม่อาจเทียบกับการสู้รบแบบนี้ได้เลย หากนำมาเทียบกับศึกนี้แล้วเรียกได้ว่าเหมือนกับพวกนกกระจิบนกกระจอกมารวมกลุ่มกัน คล้ายเด็กน้อยเล่นขายของที่ไม่อาจนำมาอวดอ้างได้ ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจวิถีศึกบนหลังม้า แต่เขาก็ยังมองออกถึงความแตกต่างระหว่างกองทัพทั้งสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งจำเป็นต้องได้รับคำสั่งอยู่ตลอดเวลา ดูค่อนข้างเหลาะแหละหละหลวมอย่างเห็นได้ชัด อีกฝ่ายไม่ว่าจะไปทางไหนก็เป็นหนึ่งเดียวอยู่เสมอ ประสานงานกันอย่างคล่องแคล่วและมีประสิทธิภาพสูง ทุกที่ที่ธงรบเคลื่อนผ่านล้วนราบเป็นหน้ากลอง!

หยวนกังเพียงรู้สึกเลือดลมเดือดพล่าน สองหมัดกำแน่นแล้วแน่นอีก

“ข้าต้องคิดหาวิธีเอาวิธีฝึกฝนของกององครักษ์เลิศล้ำห้าวหาญมาให้ได้…” เฟิ่งรั่วหนานพึมพำกับตัวเอง กองทหารที่มีจำนวนไม่ถึงห้าร้อยนายเข้าปะทะกับทหารนับพัน จู่โจมเพียงสองครั้งก็ทำให้อีกฝ่ายปราชัยได้แล้ว เรื่องนี้สร้างความตกตะลึงให้นางเช่นเดียวกัน

กระทั่งตัวนางก็ยังต้องยอมรับว่าหากเปลี่ยนให้ตนนำทัพนับพันเข้าปะทะกับซางเฉาจง เกรงว่าคงมีจุดจบไม่ต่างกัน

สถานการณ์บนสนามรบไม่เปิดโอกาสให้นางได้คิดมาก การที่ซางเฉาจงเอาชนะกองทหารม้าของอีกฝ่ายได้ ทำให้นางสบโอกาสอย่างรวดเร็ว

นางรู้ดีว่าการทำศึกในพื้นที่ราบเช่นนี้ กองทหารม้าคืออาวุธที่ทรงอานุภาพมากที่สุด ตอนนี้อาวุธที่ทรงอานุภาพที่สุดของฝ่ายศัตรูได้ถูกซางเฉาจงบดขยี้ลงแล้ว ทหารราบที่เหลืออยู่ยากจะต้านรับการโจมตีจากทหารม้าของทางนี้ได้ นางชูทวนออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว “ทหารม้าปีกซ้ายเข้าโจมตีกองทหารราบของศัตรูจากทางซ้าย ปีกขวาโจมตีจากทางขวา ตีกระหนาบจากทั้งสองด้าน!”

“ฆ่า!” แม่ทัพบัญชาการปีกซ้ายตะโกนเสียงดัง นำกองทหารม้าสองร้อยนายบุกโจมตี

“ฆ่า!” แม่ทัพบัญชาการปีกขวาก็นำกองทหารม้าสองร้อยนายเข้าโจมตีศัตรูจากทางขวา

“ทั้งหมดบุก!” เฟิ่งรั่วหนานในชุดแดงตะโกนสั่งการ สะบัดบังเหียน นำทัพทหารราบสี่พันนายที่อยู่ทางด้านหลังบุกโจมตี

“กององครักษ์เลิศล้ำองอาจ! ไม่ผิดแน่! ผู้ที่นำทัพผู้นั้นคือซางเฉาจง!” ในที่สุดเซี่ยงอู่เหรินที่นำกองทัพทหารราบรุกคืบเข้ามาก็มั่นใจ เขาเคยเห็นซางเฉาจงมาก่อน และนี่ก็คือหนึ่งในเหตุผลที่เบื้องบนส่งเขามา เขาชี้ไปทางซางเฉาจงแล้วตะโกนออกมา

พวกเหยียนตั๋วสีหน้าตึงเครียด คาดไม่ถึงอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่าซางเฉาจงที่เป็นแม่ทัพเอกจะเป็นคนนำทัพเข้าห้ำหั่นสังหารด้วยตัวเอง พวกเขายังคิดอยู่เลยว่าหลังจากทัพใหญ่เข้าปะทะพัวพันแล้วค่อยฉวยโอกาสลงมือจะสะดวกกว่า

เซี่ยงอู่เหรินเอ่ยเร่ง “จับเขามา! รีบไปจับตัวเขา!” เขารู้ดี ขอเพียงจัดการซางเฉาจงได้ ต่อให้กองทัพจะปราชัยที่นี่ แต่เขาก็ยังนับว่ามีชัย

“ไป!” เหยียนตั๋วตะโกน ผู้บำเพ็ญเพียรหลายสิบคนพุ่งตัวออกไปพร้อมเขา เหินทะยานออกไป

เมื่อทางนี้มีความเคลื่อนไหว ไป๋เหยาที่จับตามองอย่างใกล้ชิดจากฝั่งตรงข้ามก็ทะยานออกมาจากหลังม้าทันที นอกจากผู้บำเพ็ญเพียรระดับโอสถทองคนหนึ่งที่คอยคุ้มกันเฟิ่งรั่วหนานแล้ว ศิษย์สำนักหยกสวรรค์ทั้งหมดล้วนออกโรงพร้อมกัน มิใช่ว่าไป๋เหยาไร้เยื่อใย หากแต่ถ้าว่ากันในอีกมุมหนึ่งแล้ว เฟิ่งรั่วหนานสำคัญไม่เท่าซางเฉาจง

ผู้บำเพ็ญเพียรระดับโอสถทองสองคนของสำนักหยกสวรรค์ที่ถูกส่งออกมาคุ้มกันก่อนหน้านี้ปรากฏตัวขึ้นมาทันที ร่อนลงมาจากฟ้า ตะโกนบอกซางเฉาจง “ถอย!”

ทั้งคู่ร่อนลงบนหลังม้าของซางเฉาจง ปลายเท้าแตะเล็กน้อย หิ้วปีกซางเฉาจงขึ้นมาคนละข้าง พาซางเฉาจงออกจากหลังม้า เหินทะยานพาซางเฉาจงออกจากสนามรบ

“ท่านหญิง ตามท่านอ๋องไปพ่ะย่ะค่ะ!” หลานรั่วถิงกวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วตะโกนขึ้นมา

ซางซูชิงบังคับม้าหักเลี้ยวทันที แบกธงรบไว้ ไล่ตามซางเฉาจงที่ถูกพาออกไปจากสนามรบ

บนสนามรบมีเสียงสู้รบดังสนั่น คนที่อยู่ห่างไกลออกไปย่อมได้ยินไม่ชัดเจนว่าพูดอะไร ทว่ากององครักษ์รู้เพียงแต่ว่าต้องติดตามธงรบไป ซางซูชิงแบกธงรบไปทางไหน ม้าหุ้มเกราะของเหล่าองครักษ์ย่อมติดตามไปที่นั่น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า