ตอนที่ 80 อำเภอชางหลู – ตอนที่ต้องอ่านของ ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า
ตอนนี้ของ ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 80 อำเภอชางหลู จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่ 80 อำเภอชางหลู
“……” หลานรั่วถิงอึกอักพูดไม่ออก นึกว่าเขามองเห็นสัญญาณของตนเลยจงใจบ่ายเบี่ยงเฟิ่งรั่วหนาน
ต่อให้ไม่ใช่ เขาก็รู้สึกสงสัยอยู่ดี อะไรคือการที่มาบอกว่าข้ามากเล่ห์? แผนการนี้ผู้ใดเป็นคนคิดขึ้นมาเล่า? เจ้าวางยาเสียด้วยซ้ำ ใครกันแน่ที่มากเล่ห์?
หลานรั่วถิงเพิ่งเดินจากไปได้สักพัก ซางซูชิงก็มาอีกแล้ว มาเลียบๆ เคียงๆ ถามว่า “อาจารย์หลานไม่ให้เต้าเหยี่ยรักษาลูกน้องของพี่สะใภ้หรือ?”
“ไม่ใช่ว่าไม่ให้รักษา แต่ท่านหลานอยากจับคู่ท่านอ๋องกับพระชายา…” หนิวโหย่วเต้าเปิดเผยเจตนาของหลานรั่วถิงออกมาตรงๆ
ซางซูชิงไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี รู้สึกว่าเหตุใดบุรุษเหล่านี้ถึงเอาแต่คิดเรื่องเลวร้ายพรรค์นี้กัน แต่นางก็ออกความเห็นอันใดเกี่ยวกับเรื่องนี้มิได้เช่นกัน จึงย้อนกลับไปยังประเด็นหลักที่อยากถาม “เต้าเหยี่ย วิธีรักษาของท่านมีประโยชน์มหาศาลต่อเหล่าทหารในสนามรบ ไม่ทราบว่าสะดวกใจถ่ายทอดให้พวกเราหรือไม่?”
หนิวโหย่วเต้าโบกมือให้อย่างไม่ถือสา “มิใช่เรื่องใหญ่โตอันใด หากอยากเรียนก็ไปหาเจ้าลิงได้เลย เรื่องรักษาบาดแผลภายนอกเขาเก่งกว่ากระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”
โลกนี้มีทักษะมากมายที่ไม่ถ่ายทอดแก่คนนอก ซางซูชิงนึกกังวลอยู่ว่าอีกฝ่ายจะหวงวิชา ไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะตอบตกตลงเร็วขนาดนี้ นางเอ่ยด้วยความยินดีปรีดา “ตกลง ชิงเอ๋อร์ขอเป็นตัวแทนเหล่าทหารขอบพระคุณความเมตตาของเต้าเหยี่ย!”
สำหรับเหล่าทหารที่ต้องออกศึกแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กเลยจริงๆ แต่สำหรับหนิวโหย่วเต้าแล้ว มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใดเลย เขาหัวเราะฮ่าๆ พลางเอ่ยว่า “เรื่องแค่นี้ไม่จำเป็นต้องขอบคุณเลยพ่ะย่ะค่ะ ใช่แล้ว พระองค์เอาเรื่องนี้ไปหารือกับท่านหลานดูหน่อยเถอะพ่ะย่ะค่ะ เขาคงอยากอาศัยเรื่องนี้ไปหลอกล่อพี่สะใภ้ของท่านน่ะพ่ะย่ะค่ะ!”
พอพูดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง ซางซูชิงก็รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย แต่ยังคงพยักหน้ารับ
…..
คืนนั้น คนของเฟิ่งรั่วหนานสังเกตเห็นว่ามีม้าตัวหนึ่งวิ่งมาจากทางอำเภอชางหลู หลังจากถูกทหารยามสกัดไว้ อีกฝ่ายจึงแจ้งว่าเป็นคนของซางเฉาจง ต่อมาคนจากฝั่งซางเฉาจงจึงมาทำการยืนยัน ไม่ทราบว่าคนผู้นั้นนำข่าวใดมาส่งให้ หลังจากพวกซางเฉาจงและหลานรั่วถิงเข้าไปในกระโจม แสงไฟในกระโจมก็ส่องสว่างอยู่ทั้งคืน ไม่ทราบเช่นกันว่าหารือแผนการอันใดอยู่
เหล่าสมณะแห่งวัดหนานซานก็สังเกตเห็นสถานการณ์ดังกล่าวด้วยเช่นกัน หยวนกังได้สั่งการสมณะเหล่านี้เอาไว้ก่อนแล้ว หลังจากสืบทราบสถานการณ์จึงมารายงานให้หนิวโหย่วเต้าทราบ
วันต่อมา กองทหารออกเดินทางกันต่อ พอถึงยามบ่าย ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงจุดหมายปลายทาง เข้าเขตอำเภอชางหลู
นายอำเภอหลูหลินเม่าและปลัดอำเภอฟางหมิงจ้าวได้พาคณะเจ้าหน้าที่ประจำอำเภอรวมถึงบรรดาเศรษฐีผู้มีหน้ามีตาในอำเภอมารอต้อนรับล่วงหน้าที่ปากทางเข้าอำเภอ
หลังจากพบหน้ากัน คณะต้อนรับของอำเภอชางหลูพากันทำความเคารพอย่างนอบน้อมตามธรรมเนียม ทว่าซางเฉาจงที่นั่งอยู่บนหลังอาชาร่างสูงใหญ่กลับไม่มีทีท่าว่าจะลงจากม้า จ้องมองพวกเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
หลังจากคณะต้อนรับทำความเคารพเสร็จสิ้น ซางเฉาจงเอ่ยถามอย่างเยือกเย็นว่า “พวกเจ้าทราบความผิดหรือไม่?”
ผู้คนที่แย้มยิ้มอยู่ตะลึงงัน อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้กระทั่งพวกเฟิ่งรั่วหนานและหนิวโหย่วเต้าเองก็ไม่เข้าใจเช่นเช่นกัน
นายอำเภอหลูหลินเม่าประสานมือเอ่ยถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ไม่ทราบว่าเหตุใดท่านอ๋องถึงกล่าวเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ?”
ซางเฉาจงกล่าวว่า “เป็นถึงเจ้าหน้าที่ของราชสำนัก แต่กลับฉ้อราษฎร์บังหลวง คหบดีท้องถิ่นก็รีดนาทาเร้น รังแกบุรุษข่มเหงสตรี สมควรรับโทษเยี่ยงไร?”
หลูหลินเม่าเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ท่านอ๋อง นี่จะต้องมีคนปรักปรำป้ายสีแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
ซางเฉาจงไม่พูดมากกับพวกเขาอีก โบกมือส่งสัญญาณ “จับให้หมด!”
องครักษ์กลุ่มหนึ่งกระโดดลงจากหลังม้า จับพวกนายอำเภอและปลัดอำเภอกดลงบนพื้นแล้วมัดตัวไว้ แม้ว่าเจ้าหน้าที่อำเภอจะพกดาบเช่นกัน แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทหารองครักษ์ที่ดุดันราวพยัคฆ์ ไหนเลยจะกล้าขัดขืนได้ ทั้งหมดถูกบังคับให้คุกเข่าอยู่บนพื้น รวมถึงคหบดีท้องถิ่นเหล่านั้นด้วย
จู่ๆ ก็กลายเป็นแบบนี้ ทำเอาขบวนคนที่เดินทางมารอต้อนรับต่างตกใจเป็นอย่างมาก ผู้บำเพ็ญเพียรจากสำนักต่างๆ ที่รับผิดชอบคอยเก็บรวบรวมสมุนไพรอยู่ที่นี่จำนวนหลายคนต่างพากันถอยห่างออกไปด้วยความตกใจ เฝ้ามองภาพเหตุการณ์นี้ด้วยความสับสนลังเล แต่ฝ่ายซางเฉาจงเองก็ไม่คิดจะแตะต้องพวกเขาเช่นกัน
พวกเฟิ่งรั่วหนานรู้สึกแปลกใจว่าซางเฉาจงจะสนใจเรื่องนี้ไปทำไม แม้อำเภอชางหลูจะเป็นเมืองศักดินาของซางเฉาจง แต่ก็เป็นแค่เมืองศักดินาเท่านั้น หลังเกิดเหตุจลาจลวุ่นวายของราชวงศ์อู่ขึ้น แคว้นต่างๆ ล้วนได้รับบทเรียนแล้ว อันสิ่งที่เรียกว่าเมืองศักดินาส่วนใหญ่ก็เป็นแค่เมืองขึ้นแต่ในนามเท่านั้น สามารถเสพสุขกับส่วยภาษีได้ในระดับหนึ่ง แต่อำนาจแต่งตั้งขุนนางกลับเป็นของราชสำนัก ซางเฉาจงมีตำแหน่งสูงกว่าขุนนางท้องถิ่นเหล่านี้ แต่กลับไม่มีอำนาจจัดการพวกเขา
นายอำเภอหลูหลินเม่าดิ้นรนร้องตะโกน “ท่านอ๋อง ต่อให้พวกกระหม่อมมีโทษ ก็ควรให้ราชสำนักเป็นผู้ตัดสินโทษ ท่านอ๋องจะกระทำเกินกว่าอำนาจไปได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ!”
ซางเฉาจงกล่าวอย่างเย็นชา “ผิดหรือถูก ข้าจะรายงานต่อราชสำนักเอง! เมืองศักดินาของข้า ไหนเลยจะปล่อยให้พวกเจ้าบ่อนทำลายได้ ต้องสังหารดับแค้นให้ประชาชน!” เขาโบกมือคราหนึ่ง “ตัดหัว!”
องครักษ์หลายนายเงื้อดาบฟัน เสียงโหยหวนแว่วขึ้นหลายเสียง โลหิตพุ่งกระฉูด ศีรษะเจ้าพนักงานอำเภอหลายคนร่วงลงพื้น
หลานรั่วถิงตอบตามตรง “ก็ไม่ได้เรียกว่าซุ่มวางแผนมานานอันใดหรอก หากมิใช่เพราะเต้าเหยี่ยหาทางเกี่ยวดองได้สำเร็จ พวกเราก็ไม่กล้าเดินหมากตานี้เช่นกัน ในเมื่อเปิดฉากได้ดีแล้ว พวกเราย่อมต้องวางแผนในระยะยาวต่อ”
หนิวโหย่วเต้าสอบถาม “อำเภอชางหลูตั้งอยู่ใจกลางจังหวัดชิงซาน ศัตรูขนาบสามทิศ พวกท่านตั้งตัวต่อต้านราชสำนักเช่นนี้ ไม่นึกหวาดกลัวบ้างหรือ?”
หลานรั่วถิงเอ่ย “ราชสำนักชิงลงมือระหว่างทางก่อน พวกเขาเป็นฝ่ายหาเรื่อง อำเภอนี้ก็ถือเป็นค่าชดเชยแล้วกัน ทางสำนักหยกสวรรค์และเฟิ่งหลิงปอไม่ได้คัดค้านก็เท่ากับให้การสนับสนุนแล้ว ราชสำนักย่อมไม่กล้าผลีผลามลงมือ!” เขาเหลือบไปเห็นหนิวโหย่วเต้าที่คล้ายยิ้มคลายมิยิ้ม ก็ทราบว่าอีกฝ่ายมองบางอย่างออกแล้ว จึงเอ่ยเสียงเบาลงว่า “ที่นี่ไม่เหมาะสำหรับพูดคุย กลับไปแล้วค่อยว่ากัน”
หนิวโหย่วเต้ามองไปรอบๆ เฟิ่งรั่วหนานและพวกไป๋เหยาอยู่ไม่ไกลนัก เรื่องบางอย่างไม่ควรพูดมากจริงๆ
ไม่ทราบเช่นกันว่าคฤหาสน์ที่อยู่บนเขามีความเกี่ยวข้องกับกองกำลังเก่าของหนิงอ๋องที่ปรากฏตัวขึ้นหรือไม่ หรือว่ามีการจัดเตรียมไว้ก่อนนานแล้ว สถานที่แห่งนี้มีประโยชน์ใช้สอยด้านการทหารอย่างเห็นได้ชัด
แม้จะดูเก่าทรุดโทรมไปบ้าง แต่มีคนช่วยเก็บกวาดทำความสะอาดให้ก่อนแล้ว จึงเข้าพักอาศัยได้ทันทีโดยไม่มีปัญหาอะไร
ธัญพืชถูกรวบรวมมาแล้ว ไพร่พลก็จัดแจงเรียบร้อยแล้ว พอฟ้ามืดลง เมื่อทั้งขบวนกินอาหารเย็นเสร็จ หลานรั่วถิงเป็นฝ่ายรั้งตัวหนิวโหย่วเต้าเอาไว้ พวกเขามาที่ห้องใต้ดินห้องหนึ่ง
บนผนังห้องใต้ดินแขวนแผนที่แผ่นหนึ่งไว้ หลานรั่วถิง ซางเฉาจงและซางซูชิงสองพี่น้องก้าวออกมายืนเรียงแถวหน้ากระดาน ค้อมกายคำนับหนิวโหย่วเต้าและหยวนกังพร้อมกัน
หนิวโหย่วเต้าและหยวนกังมองหน้ากัน หนิวโหย่วเต้ายิ้มแห้งๆ พลางเอ่ยถาม “ทั้งสามท่าน ไยต้องมากพิธีเช่นนี้?”
ซางเฉาจงกล่าวด้วยความทอดถอนใจเป็นอย่างยิ่ง “เพียงแค่แสดงความขอบคุณเล็กน้อยเท่านั้น ยามที่ออกมาจากเมืองหลวง ตัวข้าไม่เคยจินตนาการถึงรูปการณ์ในยามนี้ไว้เลย ทั้งหมดเป็นเพราะเต้าเหยี่ยทุ่มเทอย่างหนัก จึงทำให้ข้าได้มีโอกาสอีกครั้ง ไม่รู้จะกล่าวขอบคุณเต้าเหยี่ยอย่างไรจริงๆ!”
หนิวโหย่วเต้าหัวเราะฮ่าๆ “กระหม่อมรับน้ำใจไว้แล้วพ่ะย่ะค่ะ” มองไปรอบๆ ห้องใต้ดินที่ก่อขึ้นจากศิลาแวบหนึ่ง “เพียงแต่คล้ายจะไม่จำเป็นต้องมาที่นี่เพื่อกล่าวขอบคุณหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ?”
หลานรั่วถิงกล่าวว่า “จากที่เต้าเหยี่ยเอ่ยถามก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่ากำลังสงสัยว่าเหตุใดพวกเราถึงรีบร้อนลงมือกันเช่นนี้ จะว่าไปก็เป็นเพราะแผนการของเต้าเหยี่ยที่เปิดช่องให้พวกเรา เต้าเหยี่ยบอกว่าเฟิ่งหลิ่งปอเป็นเพียงหุ่นเชิด ผู้มีอำนาจอย่างแท้จริงคือสำนักหยกสวรรค์ ขอเพียงท่านอ๋องมีประโยชน์ต่อสำนักหยกสวรรค์ ต่อให้ไม่มีกาทมิฬแสนตัว สำนักหยกสวรรค์ก็ไม่มีทางทำร้ายท่านอ๋อง สำหรับเรื่องนี้พวกเราต่างเห็นพ้องด้วย และเนื่องด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงมีแผนการใหม่…” เขาหันหลังเดินไปหยุดอยู่ข้างแผนที่ นิ้วเคาะไปยังตำแหน่งของจังหวัดชิงซานที่อยู่ในแผนที่ “เข้ายึดจังหวัดชิงซาน เพื่อที่จะได้มีสถานะอยู่ในระดับเดียวกับเฟิ่งหลิงปอ ขอเพียงท่านอ๋องแสดงความสามารถในการปกครองจังหวัดสักจังหวัดได้ สำนักหยกสวรรค์ก็ไม่มีทางคายเนื้อออกจากปากง่ายๆ แน่ แล้วก็ไม่มีทางทอดทิ้งท่านอ๋องด้วย พวกเขาจะต้องให้การสนับสนุนท่านอ๋องเช่นเดียวกับที่สนับสนุนเฟิ่งหลิงปอแน่นอน!”
………………………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า